Intro…
“บอสคะ เอ่อ ถึงเวลาประชุมแล้วนะคะบอส ตอนนี้คณะกรรมการรออยู่ค่ะ”
“....................”
“บอสคะ...”
“อืม ไปสิ”
พอได้ยินประโยคสุดท้าย กานดา เลขาสูงวัยถึงกับเอามือทาบอกอย่างรู้สึกโล่งใจเมื่อสุดท้ายเธอก็ได้ยินคำพูดออกมาจากปากเจ้านายหนุ่มเสียที
และพอเข้ามาในห้องประชุม เสียงพูดคุยกลับเงียบลงทันทีเมื่อเจ้านายหนุ่มมาดนิ่งหน้าตึงเดินเข้ามา จากนั้นการประชุมก็เริ่มขึ้นโดยมี เมฆา นั่งฟังอย่างไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ
“ไม่ผ่าน”
หลังจากประชุมยาวนานเกือบ 2 ชั่วโมงก็มีเพียงคำพูดเดียวที่หลุดออกมาจากปากของประธานหนุ่ม ก่อนเขาจะลุกเดินออกไปปล่อยให้คนทั้งห้องประชุมได้แต่มองตามอย่างพูดอะไรออกมาไม่ได้เมื่อต่างก็รู้ว่าเมฆานั้นมีอำนาจทั้งหมดเกี่ยวกับบริษัทนี้
“เอานี่ไปให้ทีมการตลาด”
“ค่ะ”
กานดารีบเดินเข้าไปหยิบเอากระดาษแผ่นเล็กที่ดูผิวเผินเหมือนเศษกระดาษจากเจ้านายหนุ่มมา ซึ่งมันเป็นเหมือนแผนร่างเอาไว้หลังจากเขานั่งฟังการตลาดนำเสนองานมาร่วม 2 ชั่วโมง
‘เฮ้อออ ทำไมไม่พูดต่อหน้าคนพวกนั้นเลยล่ะคะเจ้านาย’
กานดาได้แต่มองตามแผ่นหลังใหญ่ของเมฆาอย่างรู้สึกไม่เข้าใจ เพราะทุกครั้งที่เขาปฏิเสธงานจากแผนกต่างๆเมฆามักจะมีกระดาษแผ่นเล็กๆส่งกลับไปให้แบบนี้เสมอ
เมฆา นักธุรกิจหนุ่ม ที่ได้รับมรดกการค้าขายอาวุธมาจากผู้เป็นตา เขาเป็นผู้บริหารหนุ่มไฟแรงที่หาตัวจับยาก แต่ติดอยู่ตรงที่เขานั้นเป็นหนุ่มสุขุม นิ่งลึก ดูน่ากลัวน่าเกรงขาม แต่เขากลับมีจิตใจอ่อนโยนเป็นที่สุดซึ่งมันถูกซ่อนเอาไว้อย่างมิดชิดจากตัวเขาเอง
เขามักจะรับฟังมากกว่าพูดจนกลายเป็นคนพูดน้อย ซึ่งมันกลับกลายเป็นเสน่ห์ของเขาจนสาวๆมักจะแอบมองและอยากเข้าหา
“อ่าว ประชุมเสร็จแล้วเหรอพี่ชาย”
พอเดินเข้ามาในห้องทำงาน เสียงอันยียวนของน้องชายฝาแฝดของเขาอย่าง เมฆินทร์ ก็ดังขึ้น
“ไหนว่านายต้องบินไปอิตาลีวันนี้ไม่ใช่เหรอ?”
เมฆาที่ปกติพูดน้อยถามขึ้น เพราะเมฆินทร์ถือเป็นคนเดียวบนโลกใบนี้เลยก็ว่าได้ที่ทำให้เมฆาพูดประโยคยาวๆได้
“บินไปตอนเย็นน่ะ ฉันแค่อยากมาหานายก่อนบินไป ถ้าเกิดพรุ่งนี้เที่ยงฉันไม่ติดต่อมา ช่วยส่งคนไปดูที่นั่นหน่อย ฉันคิดว่าพวกนั้นคงเล่นตุกติกแน่”
จากหน้าตาขี้เล่นกลับเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที
“อืม ได้สิ”
และเมฆาก็ตอบรับออกมาเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานแล้วเปิดแฟ้มงานออกมาดูเหมือนไม่สนใจจะถามอะไรอีก
“ได้ยินว่าเมื่อวันก่อนนายถูกผู้หญิงตบหน้ามาเหรอ ต้องขอโทษกับความหล่อของฉันที่ทำนายเดือดร้อนนะ ฉันส่งคนไปจัดการแล้ว”
“ไม่ต้องหรอก ไม่ได้เจ็บอะไร”
เมฆินทร์บอกขึ้น เพราะเขาไม่อยากให้คนอื่นมาเดือดร้อนเพราะเขา
“หึหึ นายก็เป็นซะอย่างนี้ เป็นลูกมาเฟียภาษาอะไร รู้ไหมฉันยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ดูพี่ชายฉันสิ ยิ่งกว่าพระในวัด”
“พูดมาก ออกไปได้แล้ว”
เมฆารีบเอ่ยไล่น้องชายเพราะเขามีงานต้องจัดการอีกมากมาย ก่อนเมฆินทร์จะยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้แล้วเดินกลับออกไปจากห้องทำงานของพี่ชาย
เมฆาและเมฆินทร์นั้นถึงแม้จะเป็นฝาแฝดที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันจนแทบแยกไม่ออก แต่นิสัยกลับต่างกันราวฟ้ากับเหว เมื่อพี่ชายพูดน้อย สุขุม ดูดุดันแต่กลับใจดี ต่างจากเมฆินทร์ผู้เป็นน้องที่ดูสนุกสนาน มีเสน่ห์ ช่างพูด แถมเป็นคาสโนว่าตามรอยบิดา แต่กลับมีจิตใจที่โหดเหี้ยมและแข็งกระด้างเป็นที่สุด เมื่อเมฆินทร์ไม่เคยลังเลที่จะปลิดชีวิตคนเลยถ้าเกิดคนๆนั้นหักหลังและทำให้เขาโกรธจนถึงที่สุด