เสียงตะโกนโหวกเหวกดังขึ้นเป็นระยะจากทีมควบคุมเพลิงหลายทีมที่ต้องประสานงานกัน สถานการณ์และความรุนแรงหนักหน่วงกว่าที่เอเลนคาดเดาไว้มากนัก เนื่องจากไฟไหม้ลุกลามตั้งแต่ชั้น 14 ทำให้ผู้อยู่อาศัยชั้นบนๆ ไม่สามารถหนีลงมาได้ ระบบสปริงเกอร์ช่วยลดขนาดและระดับการลุกลามของไฟบางส่วนแต่ก็ยังไม่พอเนื่องจากมีเชื้อเพลิงในการเผาไหม้มากเกินไป
“สถานะของผู้ประสบภัยล่ะ!” เสียงเข้มดุดันตะโกนแข่งกับเสียงโวยวายโดยรอบ
“อพยพออกมาได้บางส่วนครับ แต่ผู้อยู่อาศัยชั้นบนยังไม่สามารถหนีออกมาได้ครับ!” รายงานความคืบหน้าของผู้รอดชีวิตกำลังถูกอัพเดทวินาทีต่อวินาที
“ทีมช่วยเหลือล่ะ” เอเลนเอ่ยปากถามขณะเตรียมตัวให้พร้อม
“มีสามทีมที่เข้าไปด้านในแต่ยังตามหาผู้สูญหายบางรายไม่ได้ เราต้องส่งกำลังเสริมเข้าไป” อเล็กซ์มองหญิงสาวที่กำลังตรวจเช็คอุปกรณ์
“เธอเข้าไปไม่ได้” เขาเอ่ยต่อทันทีไม่คิดให้อีกฝ่ายทำเนียนในเรื่องนี้
“หัวหน้าก็รู้ว่าการจะส่งใครเข้าไปต้องใช้คนมีประสบการณ์และฉันไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ค่ะ” เธอทำงานนี้มานานเกือบสิบปี นั่นหมายถึงมีความเหมาะสมมากพอ
“เอเลน ไหล่เธอยังไม่หายดี” แม้มันจะไม่ใช่บาดแผลใหญ่แต่ก็ถือว่าคงปวดอยู่บ้าง
“หัวหน้าพูดเหมือนตัวเองไม่เคยทำเลยค่ะ” เขาหนักกว่าเธออีก แขนหักก็มาคอยคุมลูกน้อง ซี่โครงร้าวยังมานั่งเฝ้าช่วยออกคำสั่ง แล้วจะมาบ่นเธอได้ยังไงกัน
อเล็กซ์ได้ยินแบบนั้นก็พูดไม่ออก หากเป็นตนเองแค่ไหล่หลุดนับว่าเป็นเรื่องเล็กและคงลุยเข้าไปช่วยผู้ประสบภัยโดยไม่ฟังใครเช่นกัน
“ทีมสี่ จัดของให้พร้อม เราจะเข้าไปเป็นกำลังเสริม” มีสัญญาณจากข้างในส่งมา พวกเขากำลังประสบปัญหาการลำเลียงคนเจ็บจากชั้นบน
“ค่ะ!/ครับ!” ทุกคนรับคำแข็งขัน ดวงตาคู่สวยมองไปยังเปลวไฟสีส้มแดงที่ยังคงโหมกระพือไม่มีทีท่าจะดับง่ายๆ ในวันนั้นเธอไม่ได้เห็นการตายของครอบครับด้วยตาตนเอง แต่หลังจากมาทำงานเป็นนักดับเพลิงจึงพบเห็นมาบ้างว่าคนที่เสียชีวิตในกองเพลิงจะมีสภาพเป็นเช่นไร
การเข้ามาในตึกไม่ลำบากเท่าการขึ้นบันไดมาจนถึงชั้น 14 ซึ่งเป็นต้นเพลิง ที่ตรงนี้มีทีมก่อนหน้าเคลียร์เส้นทางให้จึงไม่ลำบากเท่าไหร่ บันไดหนีไฟเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักดับเพลิงเพราะมันจะเป็นจุดที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าส่วนอื่น และผู้ประสบภัยบางคนจะมีความรู้มากพอหนีมาอยู่ตรงบริเวณที่พักของบันได
“ชั้น 14 ถึง 18 ได้รับการสำรวจหมดแล้ว หน้าที่ของเราคือขึ้นไปยังชั้น 20 เพื่อช่วยทีมสามพาคนบาดเจ็บลงไป” ยิ่งสูงมากขึ้นเท่าไหร่ก็อพยพคนได้ลำบากมากขึ้นเท่านั้น
“ครับ/ค่ะ”
ทุกคนยังเดินขึ้นไปเรื่อยๆ ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงจุดหมาย บนชั้นนี้ได้รับความเสียหายหนักเนื่องจากไฟลุกลามเป็นวงกว้าง แม้แต่ประตูทางหนีไฟยังถูกเผาจนร้อนจัด แม้จะประเมินภาวะของควันมาบ้างแล้วแต่ดูเหมือนนี่จะมากกว่าที่คิด อเล็กซ์ติดต่อสื่อสารกับฐานควบคุมเพื่อรับคำสั่ง แต่ดูเหมือนจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างทำให้ติดต่อทีมหนึ่งที่อยู่ชั้น 25 ไม่ได้
“เป้าหมายของเราเปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้เราถูกสั่งให้ไปช่วยเหลือทีมหนึ่งที่อยู่ชั้น 25” เพราะไฟลุกลามจากล่างขึ้นบนดังนั้นความร้อนและควันจึงไปกองสุมอยู่ชั้นสูงๆ อีกทั้งเวลานี้ด้านบนยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้
ทีมสี่มีทั้งหมดสี่คนเพื่อให้เคลื่อนไหวได้ทันท่วงทีและเพียงพอต่อการขนย้ายผู้บาดเจ็บ เมื่อขึ้นไปยังชั้นเป้าหมายกลายเป็นว่าทุกคนต้องตกใจกับความรุนแรงของไฟซึ่งลามมาจนถึงบันไดหน้าทางเข้า
“ตรวจสอบเส้นทางหนีให้ปลอดภัย พวกเขาน่าจะติดอยู่ข้างใน” กำแพงเพลิงตรงหน้าแน่นหนาเกินกว่าจะฝ่าไปได้โดยง่าย
“ค่ะ/ครับ” พวกเขาเริ่มปฏิบัติการตามที่ได้ฝึกซ้อมมาหลายร้อยหลายพันครั้ง แม้จะใช้เวลาอยู่บ้างแต่ก็สามารถเปิดเส้นทางหลบหนีได้
“หัวหน้า ดูเหมือนว่าชั้นนี้จะเกิดการถล่มครับ!” ชายหนุ่มในทีมที่อยู่แนวหน้าตะโกนกลับมา
“ตรวจสอบผู้บาดเจ็บ” อเล็กซ์ออกคำสั่งก่อนติดต่อทีมช่วยเหลืออื่น แต่ดูเหมือนอาคารจะเริ่มถล่มลงมาบ้างแล้ว
“คอนโดนี้ใช้วัสดุก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน เกรงว่ามันจะรับความเสียหายไว้ไม่ได้แล้วค่ะ” เอเลนประเมินรอยร้าวตรงกำแพงและเงยหน้ามองฝ้าเพดานที่เริ่มทรุดตัว
“เราต้องช่วยพวกเขาออกไปให้ได้นะครับหัวหน้า” ทีมดับเพลิงส่วนใหญ่จะรู้จักกันเพราะเข้ารับการฝึกในศูนย์อบรมบ่อยครั้ง ไม่แปลกที่จะห่วงใยคนที่เป็นเสมือนเพื่อนร่วมอุดมการณ์
“แม็กซ์ สเวน พวกนายสองคนตามหาทางฝั่งขวา ส่วนเอเลนไปกับฉันทางฝั่งซ้าย เรามีเวลาสิบนาทีให้มาเจอกันที่จุดนี้” ต่อจากนี้คือการทำงานแข่งกับเวลา มีคำสั่งถอนกำลังจากฐานควบคุมแล้ว
“ครับ/ค่ะ” ทุกคนเร่งฝีเท้าตามหาบุคคลสูญหาย
ท่ามกลางหมอกควันหนาจนแทบมองไม่เห็นจึงนับว่าเป็นการทำงานที่ยากกว่าปกติหลายเท่า ระบบฉีดน้ำเพื่อดับเพลิงในตึกส่งผลให้น้ำเข้าไปในเพดานและมีภาระน้ำหนักที่มากเกินกว่าจะคงตัวไว้ได้ส่งผลให้มันถล่มลงมา ชิ้นส่วนเศษซากปูนทั้งน้อยใหญ่กระจายตัวอยู่ทั่วชั้น 25 นอกจากกวาดสายตาตามห้องแล้วยังต้องสอดส่องตามพื้นด้วยว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บรึไม่
“เอเลน ทางนี้!” ร่างสูงใหญ่ของอเล็กซ์ก้มลงยกส่วนหนึ่งของชิ้นส่วนเพดานขึ้น ในนั้นคือร่างกำยำของทีมหนึ่งที่ถูกทับจนสลบ
“พวกเขาสองคนอยู่ที่นี่ แล้วอีกคนจะไปอยู่ที่ไหนได้” ตรงนี้มีสองร่างอยู่ใกล้ๆ กัน
“ทีมหนึ่งมากันสามคน แสดงว่าอีกคนต้องเป็นแพทย์ เขาอาจอยู่กับผู้ประสบภัย” ในทีมค้นหามักมีหนึ่งคนที่สามารถให้ช่วยเหลือทางการแพทย์ในสถานการณ์ฉุกเฉินได้
“ถ้าให้เดาสองคนนี้คงมาตามหาผู้รอดชีวิตโดยทิ้งคนในทีมให้อยู่กับคนเจ็บ” หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วทำไมอีกฝั่งถึงขาดการติดต่อไปเช่นกัน
“เราแบกพวกเขาไปตรงจุดนัดพบก่อน จะหมดเวลาแล้ว” แค่เดินหาไม่ทันไรเวลาก็ผ่านไปเกือบสิบนาทีแล้ว
“ค่ะ” ทั้งสองพยายามยกเศษปูนขนาดใหญ่ออกจากร่างของนักดับเพลิงทีมหนึ่ง
เนื่องจากเป็นชั้นที่สูงทำให้การควบคุมเพลิงเป็นไปอยากยากลำบาก รถยกขนาดใหญ่ต้องแบกสายฉีดน้ำขึ้นมาเพื่อใช้ในการดับไฟที่ยังคงลุกไหม้ไม่มีทีท่าจะหยุด
ฮือออ
เสียงร่ำไห้แผ่วเบาเรียกความสนใจของเอเลนให้เหลียวหันกลับหลัง ทั้งที่อีกไม่ไกลก็ถึงที่หมายแล้ว
“หัวหน้า ฉันได้ยินเสียงเด็กค่ะ” เธอเตรียมฝากร่างคนสลบไว้กับอีกฝ่าย
“ไม่ได้ ฉันจะไปเอง” เพราะความร้อนทำให้หลายจุดมีการพังทลายลงมา มันเสี่ยงเกินไป
“ฉันแบกพวกเขาสองคนพร้อมกันไม่ไหวหรอกนะคะ เชื่อใจฉันเถอะค่ะหัวหน้า เดี๋ยวฉันจะรีบกลับมา” พูดจบร่างสมส่วนก็ปล่อยให้อเล็กซ์แบกผู้บาดเจ็บแล้วรีบวิ่งหายไปในกลุ่มควัน ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้เถียงสักนิด
ฮึก ฮือออ แค่กๆ ฮืออ
เธอวิ่งตามเสียงไปด้วยความเร่งรีบก่อนพบว่าเป็นทางเดียวกับที่ทีมหนึ่งเดินมา ไม่ไกลจากจุดนั้นในห้องพักที่ถูกเผาเป็นหย่อมๆ มีร่างเล็กคุดคู้ตัวอยู่ใต้เตียงนอนในสภาพเริ่มหายใจติดขัด
“อยู่นี่เอง” เอเลนมองเด็กน้อยที่กำลังอยู่ในสภาวะที่ขาดแคลนอากาศหายใจจากไฟไหม้ซึ่งมีอันตรายอย่างมาก สามารถทำให้เกิดการเสียชีวิตได้ เธอจึงตัดสินใจหยิบหน้ากากหายใจสำรองใส่ให้อีกฝ่าย จากนั้นจึงเอาผ้าชุบน้ำคลุมโปงเขาก่อนจะแบกขึ้นหลัง ประเมินจากสายตาอีกฝ่ายน่าจะมีอายุไม่ถึงสิบขวบด้วยซ้ำ
ระยะห่างระหว่างเธอและทีมสี่ไม่ได้ไกลกันมากนัก แต่เพราะอยู่ในช่วงความเป็นความตายของผู้ประสบภัยทำให้รู้สึกเหมือนเวลามันช่างไหลไปช้าเหลือเกิน
“หัวหน้า!” เสียงหวานตะโกนเรียกร่างสูงอย่างสดใสเหมือนใจชื้นขึ้นมาเมื่อพบว่าตนกำลังจะถึงจุดรวมพล
“เอเลน ระวัง!!!” สีหน้าตกใจสุดขีดของอเล็กซ์ทำให้หญิงสาวเงยหน้ามองตามสัญชาตญาณ
เพดานชั้น 26 ถล่มลงมาเป็นวงกว้างแค่กวาดสายตาก็รู้ได้ทันทีว่าคงหนีไม่รอด สิ่งสุดท้ายที่เธอตัดสินใจคือการเหวี่ยงเด็กชายบนหลังไปให้ไกลจากตนเองมากที่สุด เพียงเสี้ยววินาทีภาพทุกอย่างที่เคยเด่นชัดก็มืดสนิทลงในพริบตา
‘หวังว่าทุกคนจะปลอดภัยนะ’
สิ่งสุดท้ายที่เอเลนได้ยินคือเสียงของหัวหน้าผู้เปรียบเสมือนพี่ชายตะโกนก้องด้วยชื่อของเธอ ในห้วงคำนึงก่อนสติที่มีจะจางหายหวังเพียงว่าตนจะไม่จากไปอย่างเสียเปล่า…
............................................................................................