สิ่งแรกที่เอเลนรู้สึกคืออาการปวดหัวเหมือนคนเมาค้าง ภาพความทรงจำมากมายที่ไม่ใช่ของตนเองหลั่งไหลเข้ามาอย่างท่วมท้น จนอดคิดไปไม่ได้ว่ายามนี้นางกำลังกลายเป็นใครอีกคน….
“อึก ปวดชะมัดเลย” มือบางนุ่มนิ่มยกขึ้นกุมขมับก่อนจะเอะใจเมื่อรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทั้งร่างกายและความคิด
‘นาง…งั้นรึ’
คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันอีกครั้ง ความเจ็บปวดที่ศรีษะยังคงประเดประดังเข้ามาไม่หยุด เนิ่นนานกว่าสองเค่อ (สามสิบนาที) กว่ามันจะจบลง
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนตั้งสติ ยามนี้ในหัวมีทั้งความทรงจำของเอเลนและอีกใครอีกคนผสมปนเปกันวุ่นวายไปหมด ครั้นพอเรียบเรียงให้เข้ารูปเข้ารอยตัวตนของสตรีนางนั้นยิ่งชัดเจนมากขึ้น
“ซูเลี่ยงเหลียง….” นั่นคือชื่อของร่างนี้ ร่างกายบอบบางเสียจนน่าเป็นห่วงว่าแค่ลมพัดก็อาจปลิวไปไกล
“แบบนี้มันคุ้นๆ นะ” หยาดเหงื่อชื้นซึมข้างขมับเล็ก เอเลนอ่านนิยายแนวนี้มามากทำให้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนคืออะไร แต่ที่แย่ยิ่งกว่าคือเพราะอ่านมาเยอะเกินไปจึงไม่ได้ใส่ใจจำชื่อตัวละครหรือชื่อนิยายขนาดนั้น
“เอ๊ะ นี่มันชื่อนางเอกนี่” นอนคิดอยู่นานในที่สุดก็นึกออก แต่น่าเสียดาย…เพราะจำได้แค่ชื่อตัวละครหลักกับเนื้อเรื่องคร่าวๆ เท่านั้น
ซูเลี่ยงเหลียงเป็นนางเอกในนิยายที่หญิงสาวเคยอ่านเมื่อนานมาแล้วซึ่งนางนึกชื่อเรื่องไม่ออกด้วยซ้ำ รู้เพียงแค่ว่าเนื้อหาค่อนข้างธรรมดาทั่วไป นางเอกเกิดในตระกูลสูงศักดิ์แต่เพราะมารดาตายจากจึงถูกเลี้ยงดูมาแบบปล่อยปละละเลย บิดามีภรรยาถึงสามคนเมื่อฮูหยินเอกสิ้นใจจึงเหลือเพียงสอง ส่วนบุตรชายหญิงมีทั้งหมดสี่คนโดยซูเลี่ยงเหลียงเป็นคุณหนูใหญ่ ฮูหยินรองกุมอำนาจเรือนหลังกลั่นแกล้งรังแกบ้างไม่ถึงกับให้เห็นชัดนักเพราะอย่างไรเสียตัวนางก็เป็นสตรีไม่มีโอกาสสืบทอดตระกูล
เนื้อเรื่องส่วนนี้เป็นเพียงปฐมบทที่โฉมสะคราญจะต้องพบเจอ นางถูกจับให้แต่งงานกับพระเอกของเรื่อง ซึ่งหากมองในมุมของนักอ่านถือว่าเดินเรื่องเร็วมากที่ทั้งสองได้ครองคู่กัน แต่แล้วทุกอย่างก็แย่ลง บุรุษผู้นั้นมีคนรักอยู่ก่อนแล้วจึงโกรธและเกลียดซูเลี่ยงเหลียงมาก เขาร้ายกาจทั้งวาจาเชือดเฉือนและกิริยาเย็นชาจับใจ กระนั้นหญิงสาวกลับถือว่าตนคือภรรยามอบกายถวายใจให้ ทำความดีฟันฝ่าปัญหาจนสุดท้ายพระเอกก็เห็นคุณค่าจึงตอบรับความรักของนางด้วยความรักเช่นกัน….
Fu…แค่กๆ บ้ารึไง! ใครมันจะทำแบบนั้นได้ ระหว่างทางที่ซูเลี่ยงเหลียงต้องพิสูจน์ตนเองมันเต็มไปด้วยความชอกช้ำจนถึงขนาดที่คนอ่านยังแทบเผาหนังสือทิ้ง ในหัวของนางยามกำลังอ่านมีแต่เครื่องหมายคำถามว่าอะไรทำให้ผู้หญิงดีๆ คนหนึ่งต้องก้มหน้าก้มตายอมรับสิ่งเลวร้ายที่อีกฝ่ายทำ แค่เพราะเขาได้ชื่อว่าเป็นสามีงั้นรึ!
“นี่มัน….แย่มาก!”
ริมฝีปากสีสวยกัดฟันเอ่ยออกมาอย่างกรุ่นโกรธ จากความทรงจำสะเปะสะปะทำให้รู้ว่าร่างนี้ได้หมั้นหมายและกำหนดวันแต่งงานกับตระกูลพระเอกเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งคนที่เตรียมการจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากฮูหยินรองแซ่ไป๋ สตรีนางนี้เกลียดคุณหนูใหญ่ที่รกหูรกตามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ยิ่งผู้นำตระกูลซูไม่ยอมแต่งตั้งให้ขึ้นเป็นฮูหยินเอกเสียทีอีกฝ่ายจึงคิดว่าเพราะนางอยู่เป็นเสี้ยนหนามเลยหมายกำจัดไปให้พ้นทางเสีย และที่เลือกตระกูลพระเอกก็เพราะต้องการใช้เป็นเครื่องมือเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างตระกูลซูที่เป็นถึงเจ้ากรมโยธากับตระกูลเจียงของผู้ช่วยเจ้ากรมยุติธรรม
แน่นอนว่าถ้าดูเพียงความเหมาะสมก็ถือว่าดีไม่น้อย คุณหนูใหญ่จากฮูหยินเอกที่เสียชีวิตแต่งให้คุณชายใหญ่จากตระกูลที่ยศขุนนางต่ำกว่าหนึ่งขั้น แต่ใครเลยจะรู้ว่านั่นเป็นเพียงเปลือกนอก การแต่งงานครั้งนี้เป็นเพราะเจ้ากรมโยธาเอ่ยปากบีบให้ตระกูลเจียงต้องส่งเทียบสู่ขอต่างหาก นั่นเป็นเหตุผลที่เจียงอี้เฉินพระเอกของเรื่องรังเกียจนางเอกอย่างถึงที่สุด
“นี่ข้าใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น พอตายแล้วยังต้องมาเจอเรื่องไร้สาระอะไรกันเนี่ย” ร่างบอบบางลุกขึ้นนั่งพลางส่ายศีรษะก่อนตั้งขอสังเกตว่าแล้วคุณหนูใหญ่ตระกูลซูคนเก่าหายไปไหน
หญิงสาวหลับตาค้นหาควมทรงจำที่เกี่ยวข้องจนได้รู้เพิ่มว่ายามนี้นางเอกมีอายุสิบหกหนาว ตลอดชีวิตเงียบเหงาไร้ที่พึ่งต้องพบเจอเรื่องชวนให้รู้สึกสงสารจนแทบเก็บน้ำตาไว้ไม่อยู่ ตั้งแต่เล็กมีเพียงสาวใช้คนสนิทของมารดาเท่านั้นที่คอยอุ้มชูเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ แต่ที่น่าตกใจคือภาพบางส่วนทำให้เห็นว่าซูเลี่ยงเหลียงตัดสินใจดื่มยาพิษฆ่าตัวตายด้วยตนเอง!
“เป็นไปไม่ได้…” ถ้านางเอกตายแล้วเนื้อเรื่องจะเดินได้ยังไงกันล่ะ หรือเพราะในนิยายฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ
ตอนนี้นางสับสนไปหมดแล้ว แค่เริ่มต้นมาก็ไม่เหมือนที่จำได้สักนิด มิหนำซ้ำในเมื่อซูเลี่ยงเหลียงไร้ที่พึ่งแล้วจะจัดการกับเรื่องแต่งงานยังไงดี แค่คิดสภาพตนเองต้องทนให้บ้านสามีดูถูกเหยียดหยามก็ทำเอาเลือดนักสู้ในกายเดือดพล่านแล้ว นางที่ชีวิตก่อนสามารถยกบุรุษได้สบายๆ จะต้องงอมืองอเท้าโดนรังแกเนี่ยนะ ฝันไปเถอะ!
“บ้าจริง มีเรื่องให้คิดเต็มไปหมด” ทุกอย่างมันวุ่นวายเกินไป แค่ลืมตาขึ้นมาก็ต้องมาเจอเรื่องอะไรก็ไม่รู้ อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แถมยังไม่ใช่ชีวิตของตนเองอีก
ดวงตาดอกท้อกวาดมองทั่วห้อง เรือนหลังนี้ก็ไม่ได้เล็กมากหากเทียบกับห้องเช่าในชีวิตก่อน กระนั้นถ้านับตามบรรดาศักดิ์จากที่เคยเรียนรู้มาในนิยายมันควรจะใหญ่โตกว่านี้ ให้สมกับที่หญิงสาวเป็นสายเลือดตรงเพียงคนเดียวของตระกูล เพราะนางคือบุตรสาวหนึ่งเดียวผู้กำเนิดจากฮูหยินเอก…แต่จะทำเช่นไรได้ ในเมื่อตำแหน่งนั้นผู้นำตระกูลซูคิดจะแต่งตั้งสตรีคนไหนมาแทนที่ยามใดก็ขึ้นอยู่กับเวลา และหากหนึ่งในฮูหยินรองก้าวขึ้นมาเป็นฮูหยินเอก บุตรของสตรีนางนั้นก็จะได้การยอมรับว่าเป็นสายเลือดตรงทันที นั่นคือเหตุผลที่ฮูหยินรองทั้งสองกระเสือกกระสนทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ตำแหน่งนั้นมา รวมถึงการเขี่ยซูเลี่ยงเหลียงให้แต่งงานออกไปด้วย
“อืม…จุดไฟเผาให้หมดไปเลยดีไหมนะ” ในฐานะเอเลนแม้จะชอบช่วยเหลือผู้เดือดร้อนก็ตามที แต่ด้วยเติบโตมาในสังคมที่ค่อนข้างโหดร้ายกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ผู้มีเชื้อสายครึ่งหนึ่งเป็นคนเอเชียจึงถูกรังแกอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ติดนิสัยตาต่อตาฟันต่อฟันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ที่ไปเข้ายิมบวกกับฝึกการต่อสู้ไม่ใช่เพื่อเสริมสร้างร่างกายให้พร้อมกับการเป็นนักดับเพลิงเท่านั้น แต่ยังเตรียมพร้อมเอาคืนพวกที่มาหาเรื่องอีกด้วย
“จุดไฟเผาก็คงวุ่นวายเกินไป แต่ทำไมข้าต้องฟันฝ่าอะไรให้เหนื่อยด้วยล่ะ ในเมื่ออยากให้แต่งงานดีนัก เดี๋ยวจะหาสามีที่อยู่ในโอวาทมาแต่งแทนก็แล้วกัน” หญิงสาวพอจำได้เลือนลางว่าสตรีในยุคนี้จะเป็นอิสระจากบ้านของตนก็ยามได้แต่งงาน ครั้นพอแต่งออกไปก็ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งสามีอีก ยิ่งตระกูลเจียงจำใจรับนางเป็นสะใภ้ทำให้รังเกียจเดียดฉันท์ปานนั้น วางแผนเล่นเล่ห์ใส่ร้ายด่าทอสารพัด คิดจะให้คนอย่างนางก้มหน้าก้มตาทำดีเพื่อหวังให้อีกฝ่ายเห็นงั้นหรือ ไม่มีวันเสียหรอก เช่นนั้นการหาว่าที่สามีใหม่ยังดูน่าสนใจกว่าอีก
“แต่ก่อนอื่น…คงต้องหาทางล่มงานแต่งนี้ให้ได้” ปล่อยให้พระเอกได้คู่กับคนที่รักไป นางจะปูทางพร้อมโรยกลีบดอกไม้ให้ด้วย งานแต่งนี้เห็นทีจะล่มซะแล้ว!
............................................................................................