ตอนที่ 3 เหลือเพียงเธอเท่านั้นที่ต้องโดดเดี่ยว

1484 คำ
ทุ่งหญ้ากว้างบนที่ดินขนาดกลางมีเสาหินไม่เล็กไม่ใหญ่เรียงรายหลายร้อยเสา สถานที่แห่งนี้คือหลุมฝังศพของผู้ล่วงลับซึ่งจะมีคนคอยดูแลทำความสะอาดเป็นระยะ เอเลนเดินตรงไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนภาพบ้านแสนอบอุ่นเหลือเพียงเถ้าถ่านก็ยังคงฝังแน่นในความทรงจำไม่จางหาย “หนูมาเยี่ยมแล้วค่ะ” เธอทรุดตัวลงถอนหญ้าที่ขึ้นประปรายเพื่อทำความสะอาด ดอกไม้ในอ้อมแขนที่เตรียมมาถูกจัดวางในแจกันอย่างดี สายลมโชยอ่อนพัดเบาท่ามกลางความเงียบสงบ ตรงหน้าคือหลุมศพของพ่อ แม่ คุณปู่ คุณย่า พี่สาวและน้องชายตัวน้อยที่ยังไม่มีโอกาสได้ลืมตาดูโลก ตอนนี้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันแล้วเหลือเพียงเธอเท่านั้นที่ต้องโดดเดี่ยว ย้อนกลับไปหลายสิบปีก่อน วันนั้นเป็นวันปกติที่ทุกคนต่างใช้ชีวิตของตนเองเช่นที่ผ่านมา เอเลนในวัย 5 ขวบกำลังนั่งดูหนังสือนิทานเล่มใหม่ที่มารดาซื้อมาให้ ส่วนพี่สาวในวัย 8 ขวบ ก็นั่งเล่นอยู่ด้วยกันไม่ห่าง “เด็กๆ มากินข้าวเย็นได้แล้วจ้า” เสียงหวานสดใสของหญิงสาวสามสิบกว่าดังไปทั่วบ้านเป็นสัญญาณให้ทุกคนรีบร้อนมานั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา “วันนี้มีไก่ทอดคลุกซอสด้วย” เด็กน้อยแก้มยุ้ยเอ่ยด้วยความสดใส เธอคือเอเลนที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งความสุข “หอมมากเลยค่ะ” เอลลี่สูดดมกลิ่นหอมกรุ่นของอาหารจนท้องเริ่มหิว “วันนี้ทำไว้เยอะเลย กินกันให้เต็มที่นะ” ร่างอวบอิ่มของสตรีมีครรภ์เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม เคธกำลังตั้งท้องลูกคนที่สามได้ห้าเดือนแล้ว อีกทั้งเด็กคนนี้ยังเป็นผู้ชายเสียด้วย นั่นทำให้ผู้เป็นสามีดีใจจนหลั่งน้ำตา “นั่งพักก่อนเถอะ ที่เหลือพี่จัดการเอง” เดรกประคองร่างนุ่มให้นั่งลงก่อนหยิบน้ำมารินใส่แล้ววางไว้ให้ ไม่นานนักอาหารทั้งหมดก็ถูกเรียงรายไว้เต็มโต๊ะ “ทำไมเยอะจังล่ะคะ” เอเลนถามด้วยความสงสัย “แม่ทำไปเผื่อคุณย่าด้วยน่ะ ไว้เรากินเสร็จแม่จะให้พ่อเอาไปฝากพวกท่าน” โชคดีที่แม่สามีอยู่ไม่ไกลนัก เธอและสามีจึงแวะเวียนไปหาอยู่บ่อยครั้ง “เอเลนไปด้วยได้ไหมคะ” เจ้าตัวเล็กขันอาสา เธอไม่ได้พบคุณย่ามาหลายวันแล้ว “ได้สิลูกรัก” มือบางลูบศีรษะลูกสาวด้วยความเอ็นดู “เอลลี่ล่ะอยากไปด้วยไหม” ผู้เป็นพ่อหันไปถามบุตรสาวคนโต “ไม่ดีกว่าค่ะ ไม่อยากให้คุณแม่อยู่บ้านคนเดียว” ได้ยินแบบนั้นทั้งเดรกและเคธต่างก็ยิ้มออกมา พวกเขามีลูกๆ ที่น่ารักจริงๆ “งั้นเรามากินกันก่อนดีกว่า” ทุกคนพร้อมใจกันเห็นด้วย พวกเขาลงมือตักอาหารกันอย่างหิวโหย ไม่นานนักมื้อเย็นก็ผ่านไปด้วยดี สองพ่อลูกปั่นจักรยานมาที่บ้านของพ่อแม่เดรกเนื่องจากอยู่ไม่ไกลมากนัก ห่างไปเพียงบล็อคเดียวเท่านั้น กิ๊งก่อง เสียงกดกริ่งหน้าบ้านเรียกให้หญิงวัยกลางคนออกมาดูแขกไม่ได้รับเชิญ “อ่าว ทำไมมาเสียเย็นเลยล่ะ เข้าบ้านมาก่อนสิ” เธอเรียกบุตรชายและหลานสาวเข้าบ้านด้วยกลัวว่าจะถูกยุงกัด “พอดีเคธทำไก่ทอดไว้เยอะ ผมเลยแบ่งมาฝากพ่อกับแม่น่ะครับ” กล่องอาหารหลายชั้นบ่งบอกว่าไม่ได้มีเพียงไก่ทอดเท่านั้น “ไม่เห็นต้องลำบากเลย” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่สีหน้ามีความสุขของมารดาก็เด่นชัดจนเดรกได้แต่ยิ้มตาม “ว่าไงหลานย่า วันนี้มาคุยเล่นกับย่างั้นหรือ” “สวัสดีค่ะคุณย่า เอเลนคิดถึงคุณย่ามาก” เด็กน้อยรีบเข้าไปกอดเอาใจ “ปากหวานจริงเชียว มาๆ ย่าทำขนมไว้พอดี” คุกกี้หน้าตาน่ากินถูกวางไว้พร้อมกับน้ำผลไม้ พวกเขาพูดคุยกันอยู่พักใหญ่ ดูเหมือนจะนานเกินไปจนลืมเวลาทำให้ตอนนี้เจ้าตัวเล็กง่วงงุนนอนหลับคาโซฟาไปเสียแล้ว “ให้เอเลนนอนที่นี่คืนนึงก็แล้วกัน พรุ่งนี้แม่จะให้พ่อพาไปส่งที่บ้าน” ตอนแรกยังส่งเสียงเจื้อยแจ้วอยู่เลย เผลอครู่เดียวก็หลับไปซะแล้ว “ได้ครับ ผมฝากเอเลนด้วยนะครับแม่” เดรกทอดสายตามองลูกสาวก่อนโน้มตัวลงไปจุมพิตที่ข้างขมับเล็ก จากนั้นจึงอุ้มขึ้นไปส่งที่ห้องนอนชั้นบนซึ่งเคยเป็นห้องเดิมของเขามาก่อน ไม่มีใครรู้ว่านั้นจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายของพวกเขา ย่ำรุ่งเกิดเสียงร้องของรถกู้ภัยดังไปทั่วปลุกให้เด็กน้อยตื่นจากการหลับใหล ดวงตากลมปรือมองแสงสว่างที่ลอดเข้ามาจากร่องประตู เอเลนเห็นไฟถูกเปิดจึงลุกจากเตียงเพื่อไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อลงไปชั้นล่างกลับพบคุณย่าที่กำลังร้องไห้ปานจะขาดใจโดยมีคุณปู่โอบประคองอยู่ไม่ห่าง เด็กน้อยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทันทีที่คุณย่าเห็นเธอกลับวิ่งเข้ามากอดแน่นจนแทบจมเข้าไปในอก เสียงหัวใจของคุณย่าทั้งดังและเร็วราวกับวิ่งจนเหนื่อย คุณปู่เข้ามาโอบกอดเอเลนอีกชั้นคราวนี้กลายเป็นว่าเจ้าตัวเล็กแทบไม่มีพื้นที่หายใจแล้ว “คุณย่าเจ็บตรงไหนหรอคะ” น้ำเสียงใสงงงวยทำเอาหญิงวัยกลางคนยิ่งร้องไห้หนัก เธอไม่รู้จะบอกหลานเช่นไรว่ามันเกิดอะไรขึ้น “เอเลน ตอนนี้หลานอาจจะมีเรื่องสงสัยมากมาย แต่ช่วยเชื่อฟังปู่ กลับขึ้นไปนอนต่อจะได้ไหม” ชายวัยกลางคนส่งยิ้มให้พลางกล่าวอย่างอ่อนโยน “ค่ะ หนูเข้าใจแล้ว” หัวทุยพยักหน้ารับ เธอเป็นเด็กว่าง่ายเพราะได้รับการสอนสั่งมาอย่างดี กล่าวจบร่างเล็กก็เดินกลับขึ้นชั้นบนไปแม้จะมีหันมามองอย่างเป็นห่วงอยู่หลายครั้งก็ตาม “คุณคะ ฮืออ!” โอลีเวียหมดแรงทิ้งกายลงในอ้อมแขนสามี ใจของเธอมันแตกสลายไม่มีชิ้นดี “เราจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย แล้วค่อยบอกหลานเถอะ” ใจคนเป็นพ่อเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน เพียงแต่เขายังต้องดูแลภรรยาและหลานที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว โอลีเวียพยักหน้ารับทั้งน้ำตา นั่นทำให้กว่าเอเลนจะได้รู้เรื่องราวทั้งหมดก็หลายวันให้หลัง ซึ่งพอมานึกย้อนกลับไปทำให้นึกถึงใบหน้าแสนเศร้าของคุณย่าขึ้นมาได้ ท่านต้องเสียใจที่สูญเสียลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลานอีกสองคน แต่กลับต้องกล้ำกลืนทำเหมือนเข้มแข็งเพื่อเป็นหลักให้เธอยึดเหนี่ยว “หนูคิดถึงทุกคนมากเลยค่ะ” หยาดน้ำใสไหลรินอาบสองแก้ม แม้ดูเหมือนสามารถทำใจกับการสูญเสียได้แล้วแต่ทุกครั้งที่ยืนอยู่ตรงนี้กลับไม่สามารถปิดบังความจริงได้เลย ป้ายหลุมศพถูกทำความสะอาดจนเอี่ยมอ่อง แจกันดอกไม้ถูกประดับจนสวยสดงดงามทำให้บรรยากาศสดชื่นขึ้นทันตา ร่างสมส่วนของหญิงสาวยืนนิ่งทอดมองผู้ที่จากไปด้วยความคะนึงหา ภาพคืนวันเวลามากมายไหลย้อนกลับคล้ายตกอยู่ในห้วงแห่งฝันที่ไม่อยากตื่น ตื๊ด โทรศัพท์มือถือของหญิงสาวสั่นเนื่องจากมีข้อความเด้งขึ้นรัวๆ การแจ้งเตือนแบบนี้เกิดขึ้นเฉพาะตอนมีเรื่องด่วนเท่านั้น และก็เป็นไปตามคาด เธอกวาดตามองอ่านรายละเอียดคร่าวๆ ของข้อความกลุ่มซึ่งถูกส่งอัตโนมัติจากต้นทาง คอนโดมิเนียมสามสิบชั้นเกิดเหตุเพลิงไหม้รุนแรงจากการระเบิดของวัสดุก่อสร้างบางส่วนที่ไม่ได้มาตรฐานเมื่อได้รับความร้อนมากเกินไปจึงเกิดการระเบิดขึ้น “ดูเหมือนวันนี้จะไม่ได้พักจริงๆ” ถึงจะอยู่ในช่วงลาพักแต่เพราะดันเผลอไปนึกเรื่องที่ควรทำเป็นลืมไปเสียเอเลนจึงตัดสินใจว่าคงไม่สามารถพักผ่อนอยู่บ้านเฉยๆ ได้ เธอส่งข้อความไปบอกหัวหน้าทีมว่าจะเข้าร่วมภารกิจในครั้งนี้ด้วย แม้จะมีเสียงบ่นมากมายแต่เธอก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจ อย่างน้อยการได้ทำงานก็ทำให้ความเจ็บปวดนี้บรรเทาลงไปได้บ้างไม่มากก็น้อย ดีกว่าจมดิ่งสู่ห้วงแห่งความสิ้นหวังเฉกเช่นทุกครายามฝันถึงเรื่องราวในวันนั้น… ............................................................................................
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม