เวลาต่อมา... “ที่หอมเลิกกับโซลเพราะแบบนี้ใช่ไหม?” ศิลป์เอ่ยขึ้นแบบไม่เต็มเสียงหลังจากฟังฉันเล่าเรื่องทั้งหมดที่รู้มาจนหมดจบ เขาประสานมือไว้บริเวณหน้าผากแสดงสีหน้าเครียดจัดราวกับว่าสิ่งที่เขาเพิ่งรับรู้จากฉันคือเรื่องหนักหนาที่สุดในชีวิต นับตั้งแต่ศิลป์แบกความบอกช้ำเดินเข้ามาหาฉันภายในรั้ววิทยาลัย ฉันก็พาเขาย้ายมานั่งคุยอีกที่ โชคดีที่ตอนนั้นเนตรมีธุระเธอจึงขอตัวกลับไปก่อน ซึ่งมันก็ดี ฉันเองก็ขี้เกียจเอาเรื่องข้างในมาพูดให้คนนอกฟังเหมือนกัน “อืม” แน่นอนว่าฉันก็ตอบเขาทันทีที่ถูกถาม ในเมื่ออีกฝ่ายรู้เรื่องหมดแล้วมันก็ไม่มีเหตุจำเป็นอะไรต้องปิดบัง “เราสองคนแม่งเหมือนคนโง่เลยว่ะ” ศิลป์บ่นพลางทุบหมัดใส่โต๊ะอย่างแรงราวกับจะระบายอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองทั้งหมดที่มี “ฉันอาจจะโง่ที่สุดก็ได้นะ” พอได้ฟังฉันก็อดจะพูดสิ่งที่อยู่ในความคิดมาตลอดไม่ได้ หากแต่คำพูดนั่นทำคนฟังเงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อย