ตอนที่ 4

1510 คำ
ตอนที่ 4 “ทำไร่ไถนา เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย ทำฟาร์มหมู เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่มันผิดตรงไหนวะ ทรัพย์สมบัติของกูเองทั้งนั้น ขยันหน่อยไม่นานก็เหลือเงินเก็บ ดีกว่านั่งทำงานเป็นลูกจ้างให้เขาโขกสับ เงินเดือนชักหน้าไม่ถึงหลัง” ธราเทพตอบเพื่อนที่ถาม “แต่แกต้องทำงานหนัก ใช้แรงอย่างกับกรรมกร อาบเหงื่อต่างน้ำ ตากแดดหน้าดำจนหมดหล่อเอานะซิ” เพื่อนคนเดิมเอ่ยมา “ใครว่า...ยิ่งดำยิ่งหล่อเว้ย ดำดีสีไม่ตก มีแต่จะยิ่งเป็นที่หมายปองของสาวๆ วิ่งตามจนหัวบันไดบ้านไม่แห้งมากกว่า” ธราเทพพูดเข้าข้างตัวเอง “เออ...แล้วพวกกูจะคอยดู มึงจะหาเมียสวยๆ นิสัยดีๆ อย่างที่ต้องการได้ไหม” พฤกษ์โพล่งขึ้น “แต่กูว่า...ปากเสียอย่างกับเพาะพันธุ์พี่ปั๊กไว้อย่างมึง คงจะต้องหาตัวช่วยมากกว่า มึงว่าไม่ใหญ่” “ถ้าไอ้เทพขึ้นคานเมื่อไหร่ กูจะขอให้ยายเปรมหาเพื่อนสาวหน้าตาพอไปวัดไปวาไม่อายพระอายเณรส่งไปประเคนถึงบ้านก็แล้วกัน แต่กูกลัวจะทนอยู่กับนิสัยห่ามๆ ปากเสียๆ ของไอ้เทพไม่ได้นะซิ” การัณย์รับมุกพฤกษ์ งานที่เขาเลือกทำ...ผู้หญิงหลายคนไม่ปลื้มจริงๆ และเขาเองก็เหนื่อยมากด้วย แต่เขาก็มีความสุขกับชีวิตที่เลือก ได้ทำเพื่อครอบครัวและคนในชุมชนที่ลำบากให้ได้อยู่กินอย่างไม่อัตคัดขัดสน พอมีเงินทองใช้จ่ายไม่ต้องเป็นหนีเป็นสิน ต้นไม่เท่าไหร่ แต่ดอกที่ทบต้นที่ไม่รู้ว่ากี่ปีถึงจะใช้คืนได้หมด แล้วพวกเจ้าหนี้ก็หน้าเลือด คอยขูดรีด พอไม่ได้ดังใจก็ด่าทอและป่าวประกาศ จะยึดที่ทำกิน ยึดที่นา คิดแล้วก็กลุ้มแทนลูกบ้านที่ต้องโดนทั้งพิษเศรษฐกิจที่ถึงคราวข้าวยากหมากแพง ผลผลิตที่ทำมาก็เสียหาย ถึงฤดูฝนก็เจอน้ำท้วม พอแล้งก็แล้งจัดจนผลผลิตที่ปลูกไว้ยืนต้นตายก็มี ธราเทพเลิกคิดเรื่องไม่สบายใจ หันหน้าเข้าสู่เรื่องของตัวเอง เดี๋ยวตื่นนอนไปคงต้องขอให้แม่ต้มน้ำร้อนละลายกาแฟสักแก้วใหญ่ๆ ก่อนจะออกไปนา ปกติบ้านเขาทำนาปีละครั้ง แต่ปีนี้น้ำท่วมหนัก ข้าวที่ปลูกไว้เสียหายจนแทบไม่ได้ผลผลิตมาเลย ชาวบ้านจึงปรึกษาหารือกัน จบลงที่ลองทำนาอีกครั้ง เขาไปเสียหลายวัน ไม่รู้ท้องไร่ท้องนาเป็นยังไงบ้าง วันนี้หลังจากประชุมผู้ใหญ่บ้านแล้ว คงจะต้องออกไปดูน้องข้าวในนาเสียหน่อย ตอนเด็กเขาวิ่งตามพ่อและแม่ออกไปทุ่งนา เริ่มแรกของการทำนาข้าวก็คือใช้คันไถเทียมวัวหรือควาย ใช้กำลังคนคอยพยุงและบังคับให้เดินตรงไปข้างหน้า พร้อมกับคราดที่อยู่ด้านหลังทำหน้าที่ไถพรวนดินให้ร่วนซุย ก่อนที่จะใช้คราดเทียมวัวหรือควายราดซ้ำอีกครั้ง พอโตขึ้นมาอีกหน่อยก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเป็นการใช้รถไถแทน แต่ทั้งสองยุคสองสมัยยังใช้วิธีเดิมในการเก็บเกี่ยวนั่นคือ... ใช้แกะและเคียวเก็บข้าว ถ้าถามเด็กสมัยนี้ว่ารู้จักแกะและเคียวเก็บข้าวไหม เชื่อได้เลยว่าเด็กทุกคนต้องส่ายศีรษะ ตอนเด็กเขาเคยโดนแกะบาดมือหลายครั้ง ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาดู เหมือนกับร่องรอยบาดแผลยังหลงเหลือให้เขาเห็น ภาพคมมีดและเลือดยังติดตรึงอยู่ในความรู้สึก แล้วใบหน้าคร้ามแดดคร้ามลมก็หมองเศร้าลงเมื่อนึกถึงปัจจุบัน แม้จะทำใจยอมรับกับความเปลี่ยนแปลง แต่บางครั้งเขาก็รู้สึกว่ามันมาเร็วเหลือเกิน ออกไปท้องนาก็เห็นแต่ควายเหล็กตัวใหญ่ส่งเสียงดังลั่นทุ่ง กลิ่นดินกลิ่นโคลนแทบจะไม่มีให้ดม ชายหนุ่มสะบัดศีรษะไล่เรื่องราววุ่นวายออกไปจากสมอง เมื่อร่างบอบบางดูเหมือนว่าจะหนาวกับอากาศของบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ติดกับท้องทุ่งนา เธอควานหาผ้าห่มมาคลุมกาย แต่ห่มคงจะคลายความหนาวให้ได้ไม่มากพอ หญิงสาวจึงตวัดแขนมาตกตุบลงบนลำตัวแกร่ง และบดเบียดร่างกายนุ่มนิ่มปราศจากอาภรณ์มาแนบชิดทำให้เขาถึงกับคอแห้งผาก โอ๊ย!! แม่คุณ เล่นหายใจรดต้นคอกันแบบนี้ ถ้าผมลักหลับ คุณจะทำไงฮึ โอ๊ย! อยากจะบ้าตายจริงๆ เกิดมายังไม่เคยลักหลับใครสักคนเลย ที่เคยมีอะไรกันก็ล้วนแล้วแต่สมยอมทั้งสิ้น เขาเกิดจะมาเสียคนก็ตอนนี้หรือไงกัน ท่องไว้ซิไอ้เทพ ยุบหนอ พองหนอ แต่โอ๊ย!! ขาวหนอ นุ่มหนอ “ย่าจ๋าลุงกำนันกลับมาแล้วจ้ะ” แว่วเสียงยายลูกปัด...ปานธิดา หลานสาวตัวดีที่ตอนนี้เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่หกตะโกนร้องบอกมารดาเสียงราวกับลำโพงงานวัด ที่มาพร้อมกับเสียงเคาะประตูห้องเขาดังปังๆ ปากก็ร้องตะโกนเรียกให้เขาเปิดประตูตามอารมณ์เด็กที่ล่วงเข้าสู่วัยรุ่น ธราเทพคอยคลายความรู้สึกแปลบปลาบในตัวไปได้บ้าง ศีรษะทุยส่ายน้อยๆ เด็กวัยนี้ยิ่งดุยิ่งด่าก็เหมือนยิ่งยุ ทำให้อารมณ์รุนแรงขึ้น บางครั้งเถียงกับนางแก้วตาจนท่านเกือบจะเป็นลม เพราะเถียงไม่ชนะปากนกกระจิบนกกระจอกที่ร้องจิ๊บๆ ได้ตลอดเวลา ไหนจะเสียงแหลมเล็กเหมือนนกหวีด ร้อนถึงเขาที่จะต้องเป็นกรรมการห้ามทัพเสียทุกครั้งไป แต่ก็ยังดีที่ลูกปัดยังเชื่อฟังคำสั่งของเขาบ้าง ไม่อย่างนั้นก็คงคุมไม่อยู่ ยิ่งโตเป็นวัยรุ่น หน้าตาก็ดูดีผิดพ่อผิดแม่ที่รูปร่างเตี้ยล่ำและเจ้าเนื้อ ในขณะที่ลูกปัดยิ่งโตก็ยิ่งสูง คงจะเป็นเพราะอาหารการกินที่มีประโยชน์และได้ออกกำลังกายเป็นประจำ ทำให้ผิวพรรณอิ่มเอิบสุขภาพสมบูรณ์และแข็งแรง “เอ็งรู้ได้ไงนังปัด ลุงกลับมาแล้ว” เสียงแม่เอ่ยถาม ถ้าเดาไม่ผิด แม่จะต้องเดินไปที่ประตู มองตามมือยายลูกปัด จากนั้นก็จะมองว่าเขาซื้ออะไรติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง ถ้ามีก็จะบ่นต่อไป ข้าวของแพงจะตายไม่รู้ซื้อมาทำไม เปลืองเงินเปลืองทองเปล่าๆ สู้มาหาซื้อบ้านเราน่าจะดีกว่า ได้ช่วยลูกบ้านและได้ของถูกกว่ากันอีกเป็นกอง แต่ถ้าไม่ซื้อมาก็บ่นไปอีกอย่าง ไปเที่ยวทั้งทีไม่คิดที่จะซื้อขนมนมเนยมาฝากหลานหรือคนที่บ้านบ้าง ตกลง...ไม่ว่าไปไหน ซื้อของติดไม้ติดมือหรือไม่ ค่าเท่ากัน โดนบ่นทั้งขึ้นทั้งล่อง “โหย...ย่าก็ นั่นไงรถที่ลุงกำนันขับไป จอดอยู่ใต้ถุนบ้านนะเห็นไหม มีตาซะเปล่า แต่ไม่มองเลยย่านิ” ลูกปัดตอกกลับผู้เป็นย่า พร้อมกับส่งค้อนขวับๆ อย่างไม่กลัวคอจะหัก ใบหน้าเหี่ยวเต็มไปด้วยริ้วรอยและกระด่างกระดำจากการทำงานหนักทั้งที่อายุยังไม่มากเท่าไหร่ เพียงแค่ห้าสิบต้นๆ เท่านั้นเองคงนั่งทำหน้าตาบึ้งตึงและส่งค้อนขวับๆ ราวกับสาวน้อยวัยแรกแรกรุ่นอย่างไม่กลัวว่าคอจะเคล็ด “เออ...ข้ามีตา แต่ตาข้านะมันแก่แล้ว มันเลยมองไม่เห็นไงนังลูกปัด ข้าไม่เหมือนเอ็งนี่ ดูนั่นดูโน่นดูนี่ได้ตลอดเวลา ไม่รู้เดือนนี้ข้าจะต้องเสียข้าไฟอีกสักกี่บาท เอ็งเล่นดูทั้งโทรทัศน์ ฟังเพลง แล้วยังเข้าไปเล่นคอมลุงเขาอีก เดี๋ยวเถอะเอ็งเอ๊ย! ข้อมูลที่ลุงกำนันทำไว้หายหมด ลุงได้ตีหัวกะบานแกแยกแน่ ข้าไม่ช่วยนะโว้ย” นางแก้วตาเอ่ย เพราะไม่อยากจะต้องเป็นคนกลางระหว่างลุงและหลานตัวยุ่งที่ทุ่มเถียงกันได้ตลอดเวลา “โหย...ไรนะย่า ใจดำ ช่วยหลานแค่นี้ก็ไม่ได้ แล้วบ่นอะไรอีกละ ยังกับว่าย่าจ่ายค่าไฟเองอย่างนั้นแหละ หนูเห็นลุงกำนันจ่ายประจำ ย่าดีแต่ใช้และใช้ กับบ่นและบ่น ไม่รู้เมื่อไหร่จะเลิกบ่นเสียที” คราวนี้ถึงทีแม่ตัวดีเด็กหญิงปานธิดาเป็นคนค้อนบ้าง ใบหน้ากลมป้อมขยับจากฝั่งหนึ่งไปเชิดสูงอยู่อีกฝั่งหนึ่งอย่างไม่กลัวคอจะหัก สองย่าหลานเถียงกันไปมาเสียงดังลั่นบ้าน แค่นั้นยังไม่พอ ยายลูกปัดตัวดีเคาะประตูห้องและร้องเรียกเขาพร้อมกับเสียงบ่นระลอกใหญ่ ทำอย่างกับตัวไม่ได้เป็นเด็กหญิงอายุสิบสองปี แต่เป็นหญิงแก่คราวแม่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม