ตอนที่ 1
ตอนที่ 1
ชายหนุ่มร่างหนานามว่า “ธราเทพ” ยืนเอนกายอิงเสาเหล็ก ทอดสายตามองไปยังหญิงสาวร่างสูงโปร่งใส่เดรสสีเงิน ปล่อยชายยาวลงไปตามลำขาเสลา เนื้อผ้าผ่าเล็กน้อย เพื่อคนในจะได้โชว์ผิวนวลลออ บางส่วนของตัวเสื้อและกระโปรงประดับด้วยเพชรเม็ดเล็กเรียงกันเป็นแถวยาว สะท้อนกับแสงไฟที่ส่องมาขับเน้นความสวยและน่ารักของคนใส่
ธราเทพมองเค้าโครงหน้ากระจุ๋มกระจิ๋ม ปากนิดจมูกหน่อยรับกันไปเสียหมด ตั้งแต่พวงแก้มอิ่มเต็มเป็นสีชมพูด้วยผิวเนื้อนาง ดวงตากลมโตล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอน จมูกโด่งได้สันรับกับริมฝีปากรูปกระจับอิ่มเต็มเคลือบด้วยลิปสติกสีชมพูระเรื่อ เรียกได้ว่าหนุ่มใดเดินผ่านจะต้องหยุดและเหลียวมองกลับมาทุกราย
มุมปากหนายกขึ้นเล็กน้อย ‘สวยอย่างนี้นี่เอง เปรมมิกาถึงได้ตกกระป๋อง’
ธราเทพปาบุหรี่ทิ้งทั้งที่เริ่มต้นอัดควันร้ายเข้าปอดได้เพียงแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้นเอง ปกติแล้วเขาไม่เคยแตะต้องของเสพติดพวกนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นเหล้ายาหรือบุหรี่ ยกเว้นว่าเครียดจัดจริงๆ ถึงจะใช้มันเพื่อช่วยผ่อนคลายและหาทางออกให้กับตัวเอง ถึงแม้จะรู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งดี แต่บางครั้งก็ช่วยให้เขามีทางออกได้เหมือนกัน
ธราเทพอัดลมหายใจเข้าปอดเต็มรัก ก่อนจะเดินไปหาสาวสวยที่ออกอาการรำคาญหนุ่มจอมเจ้าชู้ที่คอยแทะโลม และความจอแจในห้องโถงของโรงแรมที่ใช้จัดงานโชว์อัญมณีเลื่องลือชื่อของประเทศ ซึ่งคราวนี้เลือกที่จะมาจัดงานยังเกาะภูเก็ต จังหวัดที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในเรื่องของความสวยงามทางทะเลและธรรมชาติ อีกส่วนเพราะต้องการดึงเอานักช็อปให้มาท่องเที่ยวภายในประเทศ
“สวัสดีครับคุณเกร็ดแก้ว”
เมื่อหญิงสาวหันมาตามเสียงเรียก ธราเทพถึงกับตกตะลึง ดูไกลๆ และจากภาพถ่ายที่ได้มา เขาว่าผู้หญิงตรงหน้าสวยแล้ว แต่พอได้เจอหน้าจังๆ เขาถึงกับร้องครางในลำคอ รู้สึกหิวกระหายขึ้นมาอย่างกะทันหัน ผู้หญิงตรงหน้าช่างสวยงามเหมือนกับนางฟ้าที่อยู่บนสวรรค์ ปากคอคิ้วคางช่างเหมาะเจาะกันราวกับรูปปั้นนางอัปสรก็ไม่ปาน
“คะ...คุณเรียกฉันหรือคะ?”
แม้กระทั่งหน้าตามยามที่เธอไม่แน่ใจ คิ้วโก่งได้รูปขมวดเข้าหากัน จมูกโด่งได้รูปเชิดขึ้น ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอแย้มน้อยๆ ทำเอาเขาถึงกับกลืนน้ำลายลงคอดังเฮือก ร่างกายเกิดปฏิกิริยาทางอารมณ์ขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน ที่สะกดกลั้นได้อย่างยากเย็นเหลือเกิน
ธราเทพค่อนข้างแปลกใจ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ปลุกความต้องการที่หลับใหลอยู่ในตัวเขาขึ้นมาอย่างง่ายดายและรวดเร็ว หรือจะเป็นเพราะว่าเขาไม่ได้มีอะไรกับผู้หญิงมานาน เกือบจะเป็นปีเห็นจะได้ เพราะมัวแต่ทำงาน แต่...ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะมีผู้หญิงหลายคนหาทางใช้เสน่ห์มารยา ชนิดแอบเข้าไปในห้องนอนเปลื้องผ้าหมายยั่วยวนจับเขาเป็นสามีก็ทำมาแล้ว ความรู้สึกที่เขามีในตอนนั้นคือความรังเกียจและรำคาญ
ชายหนุ่มโกรธตัวเองที่ปล่อยให้อารมณ์เบื้องล่างมามีอำนาจเหนือสติ ขณะที่หญิงสาวเองก็หงุดหงิดจนเก็บอาการไม่ไหว ใบหน้าเริ่มบูดบึ้งหงิกงอ ดวงตาออกแววรังเกียจรำคาญ เหมือนกับเขาเป็นไส้เดือนกิ้งกือ
“คุณเรียกฉันหรือเปล่า”
ถึงเขาจะรู้สึกพึงใจในรูปโฉมที่ชวนมอง สัดส่วนชวนให้เกิดความปรารถนา แต่คำพูดกลับไม่ชวนฟังเลยนิดเดียว
ชายหนุ่มมองใบหน้านวลเนียน เรือนกายโปร่งบาง ก่อนจะสบกับดวงตากลมโตที่เริ่มส่งประกายเกรี้ยวกราดออกมาเรื่อยๆ
ดูท่าผู้หญิงตรงหน้าจะเป็นคนอารมณ์ทั้งร้อนและร้ายใช่ย่อย ดูตาซิ...เขียวปั้ดเชียว ดูงานนี้เขาคงจะต้องรับศึกหนัก ไม่รู้ว่าจะเหนื่อยซะก่อนหรือเปล่า กว่าที่จะปราบแม่เจ้าประคุณจนอยู่หมัด
“เรารู้จักกันหรือคะ” เกร็ดแก้วถามเสียงขุ่น เธอยกมือขึ้นกอดอก รู้สึกแปลกๆ ขนกายลุกชันกับการมองเหมือนไม่ให้เกียรติของชายตรงหน้า เธอถลึงตาใส่ให้รู้ว่ากำลังโกรธนะ แต่ยังไม่อยากด่าให้มันเสียปาก
ธราเทพยิ้มตรงมุมปาก ขนาดแม่เจ้าประคุณขึ้นเสียงใส่เขานะ เสียงยังใสเหมือนกับระฆังเชียว ดีกว่าเสียงแหลมๆ เล็กๆ ราวกับลำโพงงานวัดของผู้หญิงสองสามคนที่คอยตามตื้อเข้าอยู่ที่บ้านเสียอีก
แล้วธราเทพก็เกิดความคิดดีๆ ขึ้น ใบหน้าคมกร้านแดดเพราะทำงานหนักมีรอยยิ้มแต้ม ดวงตาเปล่งประกายวาววับ
อืม...ถ้าเขาทำอย่างที่เพื่อนแนะนำ หากอยากจะไล่พวกสาวน้อยสาวใหญ่ที่หัวใจไม่พึงประสงค์ คนที่ตามติดเหมือนกับแมลงหวี่แมลงวันตามตอมอึพวกนั้นออกไปจากวงจรชีวิตได้ละก็...คุ้มค่าอยู่นะ
“ว่างไงคุณ มัวแต่ยืนยิ้มเหมือนกับคนบ้าอยู่นั่นแหละ ถ้าไม่มีอะไรฉันจะได้ไปเสียที ป่านนี้คนในงานคงจะคอยแย่แล้ว” เกร็ดแก้วถามและบ่นพึมพำไปในตัว
ตอนแรกเข้าใจว่าพี่สตาฟให้ลูกน้องมาตามไปเปลี่ยนชุด เพราะหลังจากเดินแฟชั่นเสร็จ ด้วยความที่เธอมีอาการปวดหัวเป็นไข้อยู่ก็เกิดอาการวิงเวียนศีรษะขึ้นมาอย่างฉับพลัน จนต้องรีบหนีความจ้อกแจ้กจอแจออกมาสูดอากาศภายนอก แต่กลับถูกขัดจังหวะจากใครก็ไม่รู้ ดูท่าทางห่ามๆ และเถื่อนๆ ชอบกล คงเป็นเพราะเค้าโครงหน้าที่ดูเข้มอย่างชายไทยแท้ ไหนจะรูปร่างที่บึกบึนแข็งแกร่งนั่นอีก เล่นเอาใจสั่นไหวอย่างไม่ทันจะรู้ตัว แต่พอพูดขึ้นเท่านั้นแหละ อย่างกับพวกบ้านนอก มีแต่กลิ่นโคลนสาบควายหลงมาในเมืองใหญ่ที่มีแต่ความเจริญ ทำให้ขัดลูกหูลูกตาเสียจริงๆ
“จะรีบไปไหนละครับคุณเกร็ดแก้ว อยู่คุยกับผมสักครู่ก่อนซิครับ”
ธราเทพยื่นมือไปคว้าแขนเรียวยาวและดึงเข้าหาตัว เขาสอดแขนรัดเข้าที่สะเอวเล็กคอด โน้มใบหน้าลงไปปิดเรียวปากอวบอิ่มก่อนที่เกร็ดแก้วจะร้องขอความช่วยเหลือ
“อื้อ...อื้อ... (ไอ้บ้า ปล่อยฉันนะ ไอ้คนสกปรก...) ” เกร็ดแก้วเบี่ยงหน้าหนี แต่ริมฝีปากหนาก็ยังตามติด มือที่ยังไม่ถูกจับเอาไว้พยายามยกขึ้นทุบตีและดันกายแกร่งออก เธอพยายามกระทืบเท้าลงไปบนเท้าใหญ่ แต่ดูเหมือนว่าจะถูกรู้ทันไปเสียทุกทาง ชายหนุ่มสอดขาแข็งแกร่งแทรกระหว่างขาเรียวยาว ชายหนุ่มยังจับมือเรียวไพล่ไปด้านหลัง
‘อืม...หวานดีแฮะ’
ชายหนุ่มขบเม้มกลีบปากนุ่ม พยายามซอกซอนปลายลิ้นล่วงล้ำเข้าไปในโพรงปากหวังจะขอชิมรสหวานนุ่ม แต่เกร็ดแก้วก็ขัดขืนหนัก นอกจากจะพยายามทำร้ายร่างกายเขา เธอยังพยายามเอาคืนด้วย แต่ธราเทพก็ไม่ยอมแพ้ เขามีวิธีการทำให้หญิงสาวยอมเปิดปากได้
ชายหนุ่มลูบไล้แผ่นหลังเนียนนุ่มที่ปราศจากอาภรณ์ปกปิด เพราะชุดที่หญิงสาวใส่นั้นเว้าลงไปจนถึงบั้นท้าย แต่ก็ยังไม่ทำให้เกร็ดแก้วยอมเผยอปาก เขาจึงเคลื่อนมือด้านหน้าอย่างช้าๆ เพียงถึงเนินเนื้ออกสร้าง...
“อื้อ”
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เผลอเผยอปากด้วยตกตะลึง กายสั่นสะท้าน ท้องน้อยเหมือนกับมีลูกไฟร้อนวิ่งวนอยู่ ไม่ใช่ว่าไม่เคยถูกใครจูบมา แต่ไม่เคยรู้สึกเหมือนเจอแสบวับวาวแบบนี้ แต่...เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น เกร็ดแก้วก็รู้สึกอึดอัดเมื่อเจอกับกลิ่นหอมเอียนๆ ที่แตะบนจมูก ทำ มันชวนให้ง่วงนอน ก่อนดวงตากลมโตจะปิดลง กายโปร่งบางตัวอ่อนระทวย เอนหน้าซบกับบ่ากว้าง
ธราเทพมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจเขาและเกร็ดแก้ว ส่วนหนึ่งเพราะมันอยู่ลึกเข้ามาด้านใน และอีกหนึ่งคือทุกคนมัวแต่มองอัญมณีตามแท่นที่วางไว้ เมื่อสบโอกาสเขาก็รีบช้อนร่างโปร่งบางเดินลัดเลาะสุมทุมพุ่มไม้ไปทางด้านหลังของโรงแรมที่ใช้จัดงาน ที่ซึ่งเขาจอดรถแอบซ่อนไว้ จัดแจงวางร่างโปร่งบางทำให้ดูเหมือนหญิงสาวกำลังหลับ
‘ขอโทษด้วยนะเกร็ดแก้ว แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ น้องสาวเพื่อนผมก็ไม่สามารถเคลียร์ปัญหาส่วนตัวได้’
ชายหนุ่มปิดประตูรถและรีบอ้อมไปยังฝั่งคนขับ นำรถออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมีใครมาเห็นว่าเขากำลังจะทำอะไรอยู่และแผนการที่วางไว้ก็จะถูกขัดขวาง