ตอนที่ 2
ธราเทพเคลื่อนรถเข้าไปจอดในโรงรถอย่างช้าๆ ถึงคนในบ้านจะไม่ตื่นแม้จะได้ยินเสียงรถก็ตาม เพราะบ้านเขาอยู่ติดถนนใหญ่ มีรถราแล่นวุ่นทั้งคืนทั้งวัน แต่ถึงจะเป้นอย่างนั้น เขาก็ยังทำทุกอย่างให้เบาและเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่ต้องการให้คนที่นอนหลับอยู่ตื่นขึ้นมาเจอกับสิ่งที่เขาทำอยู่
ชายหนุ่มช้อนร่างโปร่งบางพาเดินลัดเลาะผ่านตัวบ้านซึ่งสร้างด้วยอิฐบล็อกที่ยังไม่ทันจะได้ฉาบ เพราะทุนในการก่อสร้างหมดเสียก่อนไปยังห้องนอนของตัวเอง ซึ่งมีการทำประตูด้านข้างไว้ เพราะแม่คิดว่าเขาเป็นชายหนุ่ม ที่คงจะมีเหตุและเรื่องราวที่ต้องออกนอกบ้านโดยไม่ต้องการให้คนในบ้านรู้
อีกทั้งหน้าที่การงาน บางทีก็ทำให้ต้องกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ แล้วเขาก็เกรงใจแม่ ถ้าจะให้ท่านนั่งคอยเปิดประตูให้ เลยตกลงที่จะทำห้องที่มีประตูเชื่อมกับบ้านใหญ่ เมื่อไหร่ที่เขาต้องการความเป็นส่วนตัวก็เข้าออกทางประตูนี้ได้
ด้วยความเคยชิน ทำให้เขาไม่จำเป็นต้องเปิดไฟ อีกทั้งคืนนี้ก็ยังมีแสงจากพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวส่องสว่างให้เห็นเป็นเงาตะคุ่มๆ เตียงที่รองรับร่างใหญ่และแข็งแกร่งนั้นอยู่ตรงส่วนใดของห้อง
ชายหนุ่มวางร่างโปร่งบางลงบนเตียง พร้อมกับพ่นลมออกทางปาก สองมือใหญ่ยกขึ้นเท้าสะเอว
ดูว่าตอนแรกเกร็ดแก้วมีรูปร่างโปร่งบางสะโอดสะอง แต่พอได้อุ้มเข้าจริงๆ ก็เล่นเอาเหงื่อตกได้ไม่น้อย ชายหนุ่มยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้า ก่อนที่จะทำงานชิ้นต่อไปจนเรียบร้อย ชายหนุ่มจึงได้ล้มตัวลงนอนบนเตียงเคียงข้างกับเกร็ดแก้ว
ใบหน้าคมเข้มเปื้อนยิ้มเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเมื่อแม่เจ้าประคุณตื่นมาเจอกับสภาพที่เขาทำไว้ เธอจะกรีดจนขี้ในหูเขาจะเต้นออกมาวิ่งอยู่ข้างนอกหรือเปล่า
ชายหนุ่มหันตัวเข้าหาคนที่นอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราว นิ้วยาวไล้บนใบหน้านวลขาวรูปไข่ ถ้าได้เจอกันในสภาพปกติ ไม่มีเรื่องของเปรมมิกา น้ำหน้าอย่างเขาคงไม่ได้เข้าใกล้หญิงสาวแสนสวยอย่างกับนางฟ้าคนนี้หรอก ก็แม่เจ้าประคุณเล่นเป็นถึงลูกสาวของเจ้าของร้านเพชร และยังจะมีธุรกิจอีกหลายอย่าง สภาพคนจนๆ อย่างเขา ทำได้เพียงแค่แหงนมองเหมือนกับหมาเห่าเครื่องบินเท่านั้น
อาทิตย์ก่อนจะเกิดเรื่องนี้ เพราะความที่เขาไม่ได้เข้าเช็คข้อความในเมลตัวส่วนตัว เพื่อนรักอย่างการัณย์เลยต้องโทรมาหาด่วน
“ว่าไงไอ้ใหญ่ โทษทีช่วงนี้ฉันยุ่งๆ เลยไม่ได้ติดต่อแก” ธราเทพขอโทษขอโพยเพื่อนรัก ก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะใช้ทั้งทำงานและติดต่อพูดคุยกับเพื่อนรัก
“ไม่เป็นไร กันรู้ ถ้าแกรู้เรื่องคงโทรมานานแล้ว ไม่รอให้เวลาผ่านไปเกือบอาทิตย์แบบนี้หรอก” การัณย์ตอบกลับอย่างรู้ดี เพื่อนรักคนนี้เป็นคนเอางานเอาการ หลังจากเรียนจบทางด้านการเกษตรมา แทนที่จะใช้เวลาอยู่ในเมืองกรุงท่องเที่ยวสรวนเสเฮฮาเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ ธราเทพรีบกลับมาบ้านและหาทางพัฒนาความเป็นอยู่ของชาวบ้านด้วยสิ่งที่ได้เรียนรู้มา
“กันว่าก่อนที่แกจะถามอะไรมาก เปิดเมลเช็คสิ่งที่กันส่งไปให้แกดูก่อนดีกว่าวะเพื่อน”
“เออ...แกถือสายรอนิดหนึ่งนะ” ธราเทพบอกขณะรอให้คอมพิวเตอร์ทำงาน เมื่อเขาเปิดดูข้อความจากหน้าหนังสือพิมพ์ที่การัณย์สแกนส่งมา...
ดวงตาคมกริบถึงกับเบิกกว้างและลุกวาว เมื่อไล่ตามข้อความพร้อมอ่านด้วยน้ำเสียงดังๆ ให้เพื่อนรักได้ฟังอย่างชัดๆ อีกครั้ง
‘ไฮโซสาว เปรมมิกา น้องสาวการัณย์ พิริยะสนิทชัยวงศ์ เจ้าของโรงแรมชื่อดังทั้งในกรุงเทพฯ กระบี่และภูเก็ต ผิดหวังช้ำรักจากดอกเตอร์ทินภัทร หนุ่มรูปหล่อพ่อแม่รวยที่ควงสาวสวยถึงสามคนกลับเมืองไทย ประชดตัวเองด้วยการขับรถชนต้นไม้อาการสาหัส’
ภาพผู้หญิงสาวทั้งสามคนไม่ชัดเจน แต่การัณย์ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพื่อนรักส่งภาพสาวน้อยนางหนึ่งที่ยืนเคียงข้างคนรักของเปรมมิกามาให้ดู
“แกคิดว่าไงบ้างใหญ่” ธราเทพถามเพื่อนรัก คิ้วคมเข้มขมวดมุ่นอย่างไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่ได้อ่าน
ผู้หญิงอย่างเปรมมิกานะหรือจะฆ่าตัวตาย เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เท่าที่ได้เห็นและได้สัมผัสมา เปรมมิกาเป็นผู้หญิงน่ารักน่าทะนุถนอม ช่างเอาอกเอาใจ จนเขาและพฤกษ์เคยคิดลงสนามแย่งสาวน้อยคนนี้มาเป็นแฟนแล้ว แต่พอได้อยู่ใกล้ชิดกันนานวันเข้า ความรู้สึกพวกนั้นกลับแปลเปลี่ยนไป กลายเป็นสายใยความผูกพันประมาณว่าพี่น้องร่วมอุทรมากกว่าที่จะเป็นหนุ่มรักสาว อีกทั้งทั้งเปรมมิกาและการัณย์เองก็เคยมาพักที่บ้านอยู่บ่อยครั้ง จนตอนนี้ทั้งสองคนกลายเป็นเหมือนคนในครอบครัวไปแล้ว
ตอนแรกเห็นว่าเปรมมิการ่างอรชรอ้อนแอ้น แต่ใจกลับใหญ่กว่าตัวมาก สู้ไม่ถอย เคยตากแดดหน้าดำช่วยเขาและครอบครัวทำนาตัวเป็นเกลียว จนสาวน้อยในหมู่บ้านบางคนยังอาย แล้วเท่าที่จำได้ แม้จะอกหักแต่น้องสาวคนนี้ไม่เคยร้องไห้ฟูมฟายให้เห็น อาจมีเศร้าบ้างเล็กน้อยแต่ไม่นานก็กลับเป็นปรกติ ทำตัวร่าเริงเที่ยวหยอกล้อคนโน้นที่คนนี้ทีอย่างสนุกสนาน บางทีก็ยังหาเรื่องแกล้งเขา พฤกษ์และการัณย์เสียอีก แล้วคนเข้มแข็งอย่างนี้นะ จะฆ่าตัวตายเพราะอกหัก
ไม่จริง...เขาไม่เชื่อ มันต้องมีใครเข้าใจผิดไปแน่ๆ
“เรื่องราวมันเป็นมายังไงวะใหญ่” ธราเทพถามน้ำเสียงเคร่งเครียด คิ้วเข้มขมวดมุ่น กวาดสายตาไปตามข้อความที่ได้เห็นหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่ยังไงมันไม่ทำให้เขาเชื่อได้เลยสักครั้ง ในใจเลยมีแต่คำถาม...มันเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวนอกไส้ของเขากันแน่
“กันเองก็ยังไม่รู้เรื่องเลย ตอนเกิดเรื่อง กันอยู่กระบี่ รู้ข่าวอีกทีก็ตอนที่ป้านาทโทรมาบอกว่ายายเปรมเข้าโรงพยาบาลนั่นแหละ ถามไปก็ไม่ได้เรื่อง เพราะแกเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายลูกเดียว จะรู้เรื่องอีกทีก็ตามหน้าหนังสือพิมพ์และข่าวตามหน้าอินเทอร์เน็ตที่ส่งให้แกนั่นแหละ”
“ไอ้พฤกษ์มันรู้เรื่องหรือยัง”
“รู้แล้ว มันเพิ่งติดต่อมาก่อนแกสองสามวันเอง” การัณย์ไม่ยอมบอกว่าเขาตกลงกับพฤกษ์ไว้เรียบร้อยแล้ว รอแต่คำตอบจากปากธราเทพเท่านั้นเอง แล้วเขาก็คิดว่าเพื่อนรักคนนี้จะไม่ทำให้ผิดหวังเช่นกัน
“แล้วแกจะเอาไง” ธราเทพถามเสียงเข้ม ถ้าการัณย์ติดต่อมาอย่างนี้ แสดงว่าเพื่อนรักจะต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง และคงอยากได้ความช่วยเหลือจากเขาและพฤกษ์เป็นแน่
“ไม่เอาไง แค่ถางทางให้ยายเปรมก่อน ส่วนไอ้คนที่มันก่อเรื่อง ยายตัวแสบคงจัดการเอง”
การัณย์เอนร่างอิงขอบโต๊ะ มองไปเบื้องล่างอันเป็นธุรกิจของครอบครัวที่มีเขาเป็นผู้กุมบังเ**ยนใหญ่ ก่อนจะมองไปยังใบหน้าสาวน้อยแสนสวยและน่ารักที่โชว์หราอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ดวงตาคมกริบเป็นประกายดุร้ายและแข็งกร้าว
ใครก็ตามที่เหยียบจมูกคนตระกูลพิริยะสนิทชัยวงศ์แล้วคิดว่าตัวเองจะลอยนวลไปโดยไม่ได้รับผลตอบแทนที่สาสม...คิดผิดแล้ว
รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมผุดขึ้นบนใบหน้าคมคร้าม ถ้าสาวน้อยที่อวดโฉมอยู่หน้าคอมได้เห็น ถึงแม้เธอจะเก่งกล้าเพียงใด ก็ต้องรีบถอยห่างแน่นอน เพราะเสือตัวใหญ่ได้ลุกออกจากการจำศีล พร้อมจะกัดทุกคนที่ขวางหน้าแล้วในขณะนี้
“แกจะให้ฉันทำไงใหญ่ บอกมาได้เลย ถ้าทำได้ฉันทำให้เต็มที่” ธราเทพถามโดยไม่คิดถึงคำตอบที่จะได้รับกลับมา
“ถ้าจะต้องลักพาผู้หญิงสักคนไปอยู่ที่บ้าน พ่อแม่จะมีปัญหาหรือเปล่า” การัณย์ถามโต้งๆ
“พ่อแม่ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แกอยากได้ลูกสะใภ้จะตาย” ธราเทพพูดเล่นๆ ก่อนจะเลิกคิดขึ้นสูง ดวงตาคมเข้มเหมือนกับนัยน์ตาผู้หญิงอีกทั้งยังล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอน ชนิดที่ว่าผู้หญิงบางคนยังอายหากได้เห็นเบิกกว้าง “กะ...แกพูดใหม่ได้ไหมใหญ่ หูกันไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหมเพื่อน?”