บทที่ ๑-๒ : หนุ่มมีเขี้ยว!
เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เธอไม่ชอบเหยียบคฤหาสน์ ‘ศรีไพโรจน์’ และถ้ามีใครมาพูดว่า ‘พ่อแม่รักลูกทุกคนเท่ากัน’ พลอยพิลาคงจะได้หัวเราะเยาะ
อยู่กับเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องยังมีความสุขเสียกว่า และถ้าหากว่าไม่มีเรื่องงานในบริษัทของนิรัช คนที่นี่คงได้เห็นหน้าเธอแค่เดือนละหนไม่เกินสิบนาที คือเขี่ยอาหารในจานไปมาจนรู้สึกว่าพอใจเสร็จก็เดินทางกลับเพนท์เฮ้าส์ ในเมื่อบ้านของศรีไพโรจน์ไม่เคยเป็นบ้านของเธอมาแต่ไหนแต่ไร
ไม่นานก็มาถึงบริษัทเพชรพลอยสาขาใหญ่ใจกลางกรุงฯ พลอยพิลาได้ยัดเยียดอาหารมากมายให้ทุกคนรับประทาน เธอถึงเข้าประชุมได้อย่างสบายใจ
ว่าด้วยสินค้าตัวใหม่ ซึ่งหุ้นส่วนใหญ่ และสมาคมผู้ค้าเพชรจากต่างประเทศต้องการนำเสนอความงามของอัญมณีไทยเข้ากับชุดไทยสวย ๆ ในพิธีเปิดงานแสดงสินค้ากับบริษัทหน้าใหม่ของเธอที่กระจายรายได้ไปทางร้านค้าออนไลน์เป็นเป้าหมายหลัก การประชุมยืดเยื้อไปเกินเวลา กว่าจะได้พาความเหนื่อยล้าไปจากโต๊ะทำงานก็ช่วงหัวค่ำ
เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าสักแค่ไหน ปรกติแล้วพลอยพิลาก็จะตรงกลับบ้านเลยเช่นวันนี้ ร่างบางในเดรสหวานเดินตัวปลิวไปกดลิฟต์ เหมือนลืมบางอย่างไปเสียสนิท กชกรที่เหยียบส้นสูงตามหลังอยู่ไว ๆ รีบบอก
“วันนี้คุณทีไม่ได้มารับนะคะคุณพลอย โทรมาบอกว่าติดถ่ายละคร ยังไม่เลิก”
“ออ..”
“ออ..? แค่นี้จริง ๆ อ่ะ”
ใบหน้าสดสวยราบเรียบในความหมาย “ออ ก็แค่นั้นแหละ”
นที ดาราหนุ่มไฟแรงที่รู้จักกันโดยบังเอิญในงานแสดงสินค้า มีความหมายแค่นั้นสำหรับเธอ มันเป็นผลประโยชน์ทางการตลาด พลอยพิลามองท่าทีเขินอายของเลขาฯที่ยกมือลูบแก้มตัวเองอย่างนึกขัน ไม่รู้ว่าเลขาฯคนโปรดของเธอเป็นแฟนคลับของเขาหรือยังไง
“เอาไหมล่ะ? ฉันยกให้คุณกชเลย แต่อย่าลืมหาหนุ่ม ๆ มาให้ใหม่นะ”
กชกรครุ่นคิดหนัก ขณะก้าวเข้าลิฟต์ไปพร้อมเจ้านาย ยกมือขึ้นเตรียมวาดปากกาลงแท็บเล็ตคู่กายที่ถือมันไว้ตลอดเวลา
ใบหน้าสวยหวานลงตัวแฝงรอยบุ๋มตรงมุมปาก ริมฝีปากกระจับอมแดงชมพูรับจมูกโด่งเป็นสันงาม อย่างใครพูดกันว่าปากนิดจมูกหน่อย เจ้านายของเธอคงไม่ต้องดั้นด้นไปหา มีแต่จะเข้ามาเสนอตัวกันเองเสียมากกว่า
“คุณพลอยชอบผู้ชายสเปคแบบไหนคะ?”
คิ้วสวยขมวดกันเคร่งเครียด ก่อนจะเอ่ยเนือย ๆ “ไม่รู้สิ ฉันออกจะเลือกมากสักหน่อย ฉันคงเป็นพวกไม่มีสเปคล่ะมั้ง”
“มันต้องมีที่ชอบบ้างสิคะคุณพลอย บอกมาเถอะ”
สายตาเป็นประกายวาววับของคนรู้ใจทำให้พลอยพิลาหันไปมองครั้งหนึ่ง กลอกตาไปมา “อืม... แบบไหนนะ?”
ความฝันบ่อยครั้งผุดขึ้นมาในหัว.. ใช่ เธอพบผู้ชายคนนี้ในฝันเสมอ แม้กระทั่งว่าสามปีที่แล้ว เพียงเสี้ยววินาทีเดียวที่สบตากันราวคนรักที่พรากจากมานานแสนนาน เขาก็หายไปต่อหน้าต่อตาเธอเฉย ๆ
“หน้าหล่อ ๆ หวาน ๆ มีเขี้ยว”
“หนุ่มมีเขี้ยว!” กชกรอุทาน สัญชาตญาณของเลขาฯผู้รับมือเท้าเจ้านายมานมนาน จดขยุกขยิกรวดเร็ว ไล่เปิดรูปหนุ่ม ๆ ในระบบค้นหา เจ้านายสาวก็คว้าหมับเข้าอุปกรณ์ทำมาหากิน ฉีกยิ้มกว้างเห็นไรฟันขาวครบทุกซี่
“เอาไว้ค่อยทำนะคุณกช ฉันไม่รีบ”
เลขาฯค่อยคลายปมตรงหัวคิ้วลง ทันใดนั้นเอง ลิฟต์ที่เปิดอ้าออกกว้าง ปรากฎเจ้าของใบหน้าหวานคมสมส่วน กชกรเบิกตากว้าง แววตาเป็นประกาย
“ไปชั้นไหนคะ!?” ทว่าอีกครู่หนึ่ง อาการตื่นตระหนกดีใจหายไปทันทีที่พ่อเทพบุตรรูปงามกระชากเธอลงมาจากสวรรค์
“ชั้นสองค่ะ”
“ออ.. ค่ะ” ตอบด้วยท่าทางหน่ายโลก กชกรเอื้อมมือไปกดลิฟต์ เบ้ปากมองหน้าเจ้านายที่ยิ้มกริ่ม พนักงานหนุ่มแปลกหน้ายังแอบยิ้ม แกล้งแอ้บแมนขอบคุณอยู่ทีหนึ่ง ก่อนจากไป
กชกรเดินคอตกไปถึงลานจอดรถยนต์ชั้นใต้ดิน ที่มีรถยนต์จอดอยู่ประปราย เพราะผู้คนเริ่มกลับบ้านกันไปบ้างแล้ว เพื่อรอสารถีคนขับรถยนต์ประจำตัวของเจ้านายผู้ไม่ชอบให้เลขาฯคนโปรดต้องมาทำหน้าที่เพิ่มอีกหนึ่งอย่าง
พลอยพิลาชอบที่จะพูดคุยกับหญิงสาวคนนี้อยู่ตลอดเวลา เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนรู้ใจ
“ฉันว่า.. เราน่าจะย้ายออฟฟิศไปอยู่ริม ๆ ชานเมือง ไม่ก็เหมาตึก ไม่ต้องมีบริษัทอื่นแบบนี้นะคุณกช”
“ไม่นะคะคุณพลอย กชชอบที่นี่ค่ะ มาก!” เสียงสูงปรี้ดดัง มือคว้าแขนเรียวไว้ ส่งสายตาอ้อนวอนเจ้านายสาวที่ใจอ่อนให้เธอทุกที
“ลืมไป บริษัทบอดี้การ์ดอยู่ที่นี่สินะ เสียดาย ฉันไม่ยักกะเคยเห็นหน้าคุณหัวหน้าบอดี้การ์ด คราวหน้าช่วยพามาให้เจ้าของบริษัทรู้จักด้วยนะคะ”
เธอได้ยินมาว่ากชกรแอบชอบชายหนุ่มคนหนึ่ง แต่ก็ไม่แน่ใจ กระทั่งเลขาฯสาวรับคำสั่งในสีหน้าไม่เป็นสุข คล้ายไม่สมหวังหรือยังไงแน่
“ค่ะ คุณพลอย”
“สรุปว่าแอบชอบอยู่สินะ ดีเลย ฉันกำลังอยากได้คู่ซ้อมมืออยู่พอดี” งานอดิเรกยามว่างของพลอยพิลาอีกอย่างหนึ่ง หนีไม่พ้นซัดกับหนุ่ม ๆ เธอคิดว่าผู้หญิงควรให้ความสำคัญกับวิชาป้องกันตัว ถึงกชกรจะไม่เคยเห็นด้วยกับเหตุผลของเธอ
“คุณพลอยจะเสียเวลาทำไมคะ? มีเงินตั้งเยอะแยะ น่าจะเอาเวลาไปทำอย่างอื่น ฟัดกับพวกนี้ไปก็เปลืองตัว ฟิตเนสส่วนตัว ก็ไม่รู้จะทำไว้ให้บอดี้การ์ดเล่นฟรีทำไม สิ้นเปลืองมากค่ะ”
“ไม่ใช่ว่าหวงเหรอ?” รอยยิ้มกรุ้มกริ่มบนวงหน้าหวานทำเลขาฯสาวหน้าแดงก่ำ
“ปละ.. เปล่าค่ะ”
“งั้นก็พามาด้วยนะ อาทิตย์หน้า”
กชกรเม้มริมฝีปากแน่น จะว่าหวงก็หวง แต่ไม่อยากขัดใจเจ้านาย จึงหาทางบ่ายเบี่ยง “แต่อาทิตย์หน้า ตารางเต็มมากเลยนะคะคุณพลอย มีประชุมกับบริษัทผู้ค้ารายใหญ่ ๆ ทั้งนั้น ไม่มีว่างสักวันเลยค่ะ”
“เต็มก็ทำให้ว่าง เลื่อนประชุมออกไปเลยค่ะ เอาเป็นวันอังคาร ฉันจะได้อยู่กับสุดหล่อของคุณกชทั้งวัน” แล้วหัวเราะหึหึในลำคอ มองหน้าตาโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงของคนข้างกายก็ขำ “ไม่ต้องกลัวนะคะ คุณกช หล่อแค่ไหนฉันก็ไม่จีบค่ะ ถ้าไม่ถูกใจ”
“คุณพลอย!” ตวาดอยู่ในลำคอ เลขาฯสาวได้แต่ยืนโกรธตัวสั่น ทำอะไรไม่ได้หากเจ้านายได้เอ่ยปากขอ
พลอยพิลาไม่ได้คิดอะไรด้วยซ้ำกับคำที่พูดไป เธอแค่ไม่เข้าใจว่าการชอบใครสักคน มันมีอะไรให้ต้องรีรอหรือวางท่าให้มาก เหมือนนางเอกช่างเล่นตัว ที่เคยอ่านในนิยายโรแมนติก หากได้เจอคนถูกใจสักที
เธอจะสวมนอพุ่งเข้าขวิดอย่างไม่คิดชีวิต!
คิดไม่ทันไร นัยน์ตาคู่สวยที่กำลังสบมองมาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ไม่ใช่กชกรที่เธอรู้จัก ในเสียงทุ้มต่ำผ่านกระบอกเสียงซ้อนทับกัน
“แม่พลอย..”
พลอยพิลาเสียวสันหลังวาบ รู้สึกเหมือนเพิ่งพบเจอวิญญาณร้ายแฝงตัวอยู่ในร่างเลขาฯสาว ขณะที่เธอไม่ได้วิ่งหนี ยังใจดีสู้ผี “อะ.. อะไรคะ? คุณกช”
“คะ? คุณพลอย” กชกรสีหน้างุนงง ว่าเจ้านายถามอะไรสักอย่าง ทว่าไม่ทันได้ทัก เมื่อสารถีประจำตัวมาพอดี
“นั่น ลุงอ่ำมาแล้วค่ะ”
ท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ่งทำให้อกสั่นขวัญแขวน ขณะที่เธอไม่ใช่คนงมงายเรื่องผีสางแม้แต่น้อย พอขึ้นรถยนต์เรียบร้อยดี พลอยพิลาจึงมองคนข้างกายอีกที “เอ่อ... วันนี้ คุณกช ใส่คอนแทคเลนส์หรือคะ?”
“ค่ะ ขาแว่นมันหัก เลยฝากไว้ที่ร้าน ฉันว่าจะไปเอา..”
“ซื้อใหม่เลยค่ะ ซื้อใหม่ เดี๋ยวฉันซื้อให้หลาย ๆ อันเลย ฉันจ่ายเอง” พูดจบ พลอยพิลาก็ยิ้มอย่างโล่งใจว่าไม่มีอะไร น่าจะเป็นแสงหลอดไฟสะท้อนเข้าคอนแทคเลนส์จนเกิดปฏิกิริยาการหักเหของแสง ส่วนเสียงที่ได้ยินก็คงจะเป็นอาการหูแว่วเพราะทำงานหนักจนเกินไปเท่านั้นเอง