บทที่ ๑๐-๒ : เจ้ากรรมนายเวร
ไม่ใช่แค่กชกร เลขานุการคนโปรดที่มีตัวตนอยู่ในภพนี้ พลอยพิลาเพิ่งพบความจริงว่าแม่ของเธอและพิมพาอยู่ที่นี่ด้วย! หลังจากที่เธอได้หาโอกาสพูดคุยกับเย็นว่ามีเรื่องของคุณหญิงพุ่มคืออะไรกันแน่
ขณะที่มาด้อม ๆ มอง ๆ อยู่บริเวณหัวบันไดใกล้ห้องโถงใหญ่ ท่านหญิงจอมเชิญแขกคนสำคัญมานั่งรับประทานขนม จิบชากันเป็นปรกติของท่านผู้เป็นเจ้าซึ่งโปรดปรานการเข้าสังคมอยู่เป็นนิจ พอจะมีมุมเล็ก ๆ ตรงกำแพงให้แอบฟังได้อยู่ว่าบุคคลทั้งสามกำลังสนทนาเรื่องอะไร
“หลายอาทิตย์ก่อนนั้น คุณชายบ้านฉันทำตัวสํามะเลเทเมา ทำให้เสียเรื่องไป ฉันขอโทษท่านด้วย”
“เพราะหม่อมฉันไปเร่งเร้าท่านเจ้าคุณเรื่องแม่พิม ท่านจึงรู้สึกว่าไม่เป็นการพอใจ หม่อมฉันขอรับประทานโทษท่านหญิงเพคะ”
ความไม่สนิทชิดเชื้อมากมาย หล่อนคงไม่กล้าที่จะเรียก ‘ท่านจอม’ คุณหญิงวัยหกสิบเคียงข้างบุตรสาวหน้าตาสะสวย นั่งเก็บมือไว้บนหน้าตักอย่างเรียบร้อย พิมพาพยายามชะเง้อคอมองหาใครบางคน ทว่าเขาก็ไม่ปรากฎตัว
“ในเมื่อไม่มีเรื่องให้เกิดเคืองกันอีก คุณหญิงพุ่ม ดิฉันมีความประสงค์จะรู้อยู่หลายเรื่อง..”
“เรื่องแม่พิมใช่ฤาไม่เพคะ? ท่านหญิง” ขัดขึ้นอย่างดีอกดีใจ บนโซฟาราคาแพงในบ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่า คุณหญิงพุ่มมีจุดประสงค์อะไร ท่านหญิงจอมดำริรู้ได้อย่างชาญฉลาด
“ฉันขอถามท่านตามตรง ท่านมีลูกสาวคนเดียว เป็นเรื่องที่ฉันเข้าใจถูกต้องหรือไม่?”
ในสุรเสียงเข้มของท่านหญิงจอม แอบแฝงความดุดันอยู่ในแววเนตร คุณหญิงพุ่มหน้าซีดเผือดราวกระดาษขาว
“หม่อมฉัน... มีลูกสาวคนเดียวเพคะ..”
“หากเป็นเช่นนั้น ฉันอยากจะแนะนำลูกสาวฉันให้ท่านรู้จัก แม่เย็น ไปตามลูกสาวฉันมาเร็ว ๆ เถิด” ปลายสุรเสียงเรียกบ่าว เย็นกับแช่มที่นั่งร้อยมาลัย รอช่วยงานท่านหญิงจอมรีบลุกไปเรียกหญิงสาว ทว่าเธอก็เดินมาได้จังหวะพอดี
“ฉันไหว้คุณหญิงเจ้าค่ะ”
พลอยพิลายกสองมือขึ้นประนมอย่างนอบน้อม สองแม่ลูกหน้าตะลึงลาน ยกมือไหว้ปลก ๆ ราวคนเสียสติในอีกครู่
“แม่พลอยอย่ามาหลอกแม่เลย..”
“พี่พลอย! ฉันกลัวแล้ว ๆ ฉันจะทำบุญไปให้พี่นะ..”
ในสายตาของบ่าวในบ้านและแววเนตรสงสัยใคร่รู่ของท่านหญิงจอม ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไร เมื่อร่างบางในเสื้อลูกไม้ระบายหวานนุ่งซิ่นงามเดินเข้าไปหาคนทั้งสอง ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไร ดูจะยิ่งกลัวจนตัวสั่นเข้าขั้นจับไข้หัวโกร๋นได้
“คนเจ้าค่ะไม่ใช่ผี เหล่าม่า ฉันเป็นเหลนของท่านนะ จะกลัวอะไรกันนักหนา?”
“พูดกระไรน่ะ? แม่พลอย” ท่านหญิงจอมปรามดุอย่างเคย เพราะท่านไม่โปรดเรื่องราวแปลกประหลาดพิสดารไม่เข้ากรรณ หญิงสาวจึงคุกเข่าย่องไปยกมือไหว้อย่างนอบน้อม นั่งลงบนพื้นอย่างให้ความเคารพผู้ใหญ่
“ขอประทานโทษเพคะ ฉันแค่อยากให้คุณหญิงท่านหายกลัว คนยุคนี้กลัวผีกันจังเลยนะเพคะ” ไม่ขาดคำดี พลอยพิลาเอี้ยวคอหันกลับไปช้า ๆ เหลือบตาใส่สองแม่ลูกด้วยแรงอาฆาต แกล้งหลอกเป็นผีจริง ๆ เข้าให้ครั้งหนึ่ง คุณหญิงกับลูกสาวก็คว้ากระเป๋าวิ่งแข่งกันออกจากบ้านไป
“เป็นบ้าอะไรกัน คนนั่งอยู่ทนโท่ มาหาว่าเป็นผี” ท่านหญิงจอมตรัสบ่นทอดเนตรตามไป แต่ไม่ได้ใส่พระทัยอะไรนัก ดำริว่ามีเรื่องสำคัญกว่า
“คุณชาย.. ไปไหนเล่า? ปรกติธรรมดาติดกันเป็นตังเม มีแม่พลอยที่ใด เห็นจะต้องมีคุณชายอินทรี”
คนได้ยินก้มหน้าร้อนผ่าว “คุณชายไปรับเสื้อผ้าให้หม่อมฉันที่ห้างเพคะ หม่อมฉันไม่อยากออกไปไหนวันนี้ ขอรออยู่ที่บ้านจะดีกว่า”
“ไม่ใช่ว่ามีบ่าวปากบอนคาบข่าวไปบอกเรื่องคุณหญิงพุ่มหรือ? นี่แน่ะ มันเรื่องกระไร บอกให้ฉันหายสงสัยได้ฤาไม่? แม่พลอย”
พลอยพิลาได้พบนายอ่ำคนขับรถประจำตัวของเธอในสภาพบ่าวสารถีประจำบ้านนี้ว่าน่าตกใจแล้ว ที่น่าตกใจว่าคงจะเป็นเรื่องถึงกรรณท่านหญิงจอมได้อย่างไร
“ท่านแม่ไม่โปรดเรื่องแปลก ๆ หากเล่าไป หม่อมฉันเกรงว่า..”
“เล่ามา ๆ เร็ว”
พอถูกเร่งเร้า หญิงสาวสบแววเนตรคม ลอบกลืนน้ำลายลงคอ ที่ว่าเร็ว ๆ คงจะมีเวลาคิดคำแก้ตัวไม่มาก จะบอกท่านหญิงจอมว่ามาจากอนาคตรึ!
“เร็ว ๆ ซี”
“หม่อมฉันรักคุณชายเพคะ”
ท่านหญิงจอมสดับฟังด้วยสีพักตร์เรียบเฉย ต่างจากบ่าวที่สะบัดหน้าจากมาลัย นิ่งอึ้งกันไปถ้วนหน้า
“ลูกหาเรื่องเอาตัวรอดเสียมากกว่า แม่พลอย ตอบแม่มาให้ดี ๆ หนีออกจากบ้าน เพราะคุณหญิงพุ่มจะพาลูกไปเร่ขายใช่หรือไม่?”
พลอยพิลากลอกตาไปมา อย่างโล่งอกว่าไม่ต้องเปิดโปงความลับ แต่เธอก็ไม่อยากโกหกอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นโกหกขาวหรือดำ เมื่อตกปากรับคำกับชายหนุ่มเอาไว้ว่าจะรักษาศีลห้าโดยเคร่งครัด เหมือนว่าเธอจะไม่มีทางเลือก
“คือ... หม่อมฉัน..”
“ฉันก็รักใครหล่อนนัก แม่พลอย..” เสียงทุ้มที่แทรกขึ้นช่วยชีวิตได้ทันเวลา ดวงหน้าน้อยรู้สึกถึงอุณหภูมิร้อน ๆ ขณะเอี้ยวคอมอง พริบตาเดียวก็แดงก่ำขึ้นมา เมื่อร่างสูงโน้มตัวลงกดริมฝีปากหนาหยักได้รูปลงบนหน้าผากเนียน ก่อนที่เขาจะหันไปบอกมารดา
“ลูกขอรับตัวน้องไปก่อนนะ ท่านแม่ คิดถึงแม่พลอยเหลือเกิน.. หัวใจปานจะขาดรอน ๆ”
เจอคารมคุณชายอินทรีเข้าไปยังมาจูบหน้าผากสาวต่อพักตร์ ท่านหญิงจอมถึงกับกุมขมับโบกหัตถ์ไล่ “ไป ๆ ไปเถอะ”
ร่างบางหยัดกายลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ชายตัวโตจับกุมมือของเธอไว้ให้เดินตามไปทางสวนข้างหลังบ้าน ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ม้าหินอ่อนข้าง ๆ กัน มือยังไม่ปล่อยมือนุ่มที่กุมไว้ แต่ยกขึ้นประคองไว้อย่างหวงแหน
“หล่อนพูดจริงหรือ?”
“พูดอะไรคะ?” ท่าทางว่าไม่รู้เรื่องรู้ราว เธอรู้ดีในความหมายของใบหน้าหล่อเหลาที่ก้มลงสบมองมาด้วยสายตาประกายแวววาว
“หล่อนว่ารักคุณชายอินทรี”
“วินาทีเอาตัวรอดค่ะ.. ไม่รู้จะทำไง”
ใครจะไปคิดว่าพลอยพิลาอยากให้ท่านหญิงจอมเลิกตรัสถามด้วยวิธีสุดแสนจะเขย่าหัวใจชายหนุ่มให้เต้นไม่เป็นจังหวะ แค่เขาได้ยินคำ ๆ นั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้เธอหลุดมือไปอีกในภพชาตินี้
“จะว่าเอารอดก็คงไม่จริงดอกแม่ เพราะหากหล่อนเอาตัวรอดการโกหก หล่อนก็คงจะไม่โกหกเพื่อเอาตัวรอดใช่ไหม?”
“คุณชายนี่ก็.. จะถามทำไมคะ?”
“ฉันอยากได้ยินจากปากหล่อน.. เพราะฉันรักใคร่ชอบพอหล่อนด้วยตัวของฉัน ไม่ใช่ชายคนเก่าก่อน แม่พลอย” คำสารภาพในน้ำเสียงอ้อนหวาน วงหน้าหวานได้แต่ซ่อนรอยยิ้มตื้นตัน จริตเธอนั้นเป็นคนอายแค่พองาม ห้ามปรามแค่พอเหมาะสม
“หนุ่ม ๆ สาว ๆ ยุคฉัน ไม่มีใครเขาพูดกันตรงขนาดนี้.. มันน่าอายนะคะ”
“ฉันต้องทำอย่างไร จึงจะเป็นที่พอใจของหล่อนเล่า? แม่พลอย..” และอีกครั้งหนึ่งที่เขาจงใจทำให้อีกฝ่ายต้องหวั่นไหว “แม่พลอยจ๋า..”
วูบหนึ่งในเสียงเรียกขาน พลอยพิลาได้ตรึกตรองเรื่องราวตามความเป็นจริง และจำเป็นจะต้องบอกเขา แม้ในทุกถ้อยคำที่เอ่ยไปไม่ต่างจากมีดกรีดลงตรงกลางหัวใจทีละคำ
“ฉันอาจจะมาที่นี่.. เพราะคุณพิมพ์พลอยหายไป คุณยายทวดของฉันคือแม่พลอยของคุณชาย ไม่ใช่คนผิดที่ผิดทางอย่างฉันหรอกค่ะ ฉันคือพลอยพิลาไม่ใช่แม่พลอย”
“แม่พลอย..” น้ำเสียงอ่อนหวาน ชายหนุ่มก้มหน้าลงมองมือนุ่มที่กอบกุมไว้ด้วยความรู้สึกมากล้นใจ แล้วเงยขึ้นสบแววตาคู่หวานเอ่อคลอ
“มันไม่สำคัญสำหรับฉันเลย.. แม่พลอยพิลาคนนี้คือพลอยของฉัน หล่อนมีค่าสำหรับฉัน เป็นพลอยเม็ดเดียวที่ฉันจะเก็บไว้ข้างกาย”
พลอยพิลาถึงน้อยเนื้อต่ำใจอยู่เท่าไร คงจะต้องพ่ายแพ้เทคนิคการจีบสาวระดับพระกาฬของคุณปู่ทวด! ราวกับว่าเธอได้หลุดเข้าไปในละครโบราณแต่ละฉากที่ค่อย ๆ ปรากฎในความเป็นจริง ทุกท่าทางท่ากริยายกปลายนิ้วขึ้นเชยคาง ดวงตาของเธอหยุดอยู่ที่ริมฝีปากหนาหยักได้รูปประดับยิ้มจาง ๆ เคลื่อนเข้าหาอย่างช้า ๆ
เคร้ง! เสียงจานแก้วหล่นกระจาย ผ่านทางหน้าต่างช่องเล็ก ๆ ของห้องครัวไม่ไกลจากสวนหลังบ้าน หนุ่มสาวมองขวับตามตัวต้นเหตุคือกองเชียร์บ่าวทั้งหลายที่สลายตัวไปคนละทิศคนละทาง
เจ้าของบ้านขบกรามกรอด ๆ พร้อมด้วยความคิดเป็นมั่นเหมาะว่าจะตัดเงินเดือนใครสักคน แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้น เพราะไม่ทันไร แก้มสากถูกปลายจมูกงามฉกไปไว ๆ ฟอดหนึ่ง มือหนาเคลื่อนขึ้นแตะใบหน้าของตัวเองไว้ เบิกตาตื่นตะลึงกับรอยหยักยิ้มที่จะว่าอายก็ไม่น่าจะอายจริง
“อย่าไปโกรธเคืองบ่าวเลยค่ะ คุณชาย หากคุณแน่ใจว่าชอบฉันจริง ๆ เรื่องของเรา... เมื่อไรก็ได้” บอกแล้วพลอยพิลาก็ขยิบตาซ้ายให้ทีหนึ่ง ยังกัดริมฝีปากแรง ๆ เป็นเชิงว่าอ่อยมา อ่อยกลับ ไม่โกง!