บทที่ ๗-๓ : ลูกเต้าเหล่าใคร
ร่างสูงหยุดอยู่หน้าประตู เขากลัวว่าเธอจะแค่หายไปเฉย ๆ ... อย่างที่ใจหวาดกลัว กลับบอกมารดาไม่ได้
“ลูกเกรงว่าแม่พลอยตื่นมาจะไม่พบใคร ลูกจะพาหล่อนไปนอนในห้องลูก ลูกจะเปิดประตูไว้ ท่านแม่” แล้วก็เดินย่องไป
ความเป็นสุภาพบุรุษเป็นที่เข้าใจต่อท่านหญิงจอม ผู้อบรมสั่งสอนบุตรมาดี แต่องค์เองข้องพระทัยมาหลายวัน ถึงละงานทุกอย่างจากหัตถ์ เสด็จตามบุตรชายไป ชายหนุ่มวางร่างบางในอ้อมแขนลงบนที่นอนนุ่ม ยกผ้าห่มขึ้นคลุมมิดชิด
“หล่อนเป็นใคร ไปรู้จักกันตอนไหนอย่างไร? คุณชาย บอกแม่มาเสียเถอะ มาอยู่ด้วยกันตั้งหลายวัน ทำไมลูกไม่เห็นจะบอกอะไรแม่?”
เพราะไม่อยากรบกวนคนที่กำลังนอนหลับสบาย ฝ่ามือหนาจับจูงหัตถ์มารดา ออกห่างจากเตียงไปหลายก้าว
ท่านหญิงจอมขมวดขนงครุ่นคิดหนัก หลังจากที่ไปถามความมาจากนายอ่ำซึ่งบอกว่าพลอยพิลาคนนี้ไม่น่าจะใช่พิมพ์พลอย ทั้งคำพูดคำจา กริยาอ่อนหวาน ไม่เท่าคุณผู้หญิงของนายอ่ำคนเดิม พลอยพิลายังพูดจาฉะฉาน มีความรู้ มีความมั่นใจมากกว่า เรื่องราวยังไม่ตรงกับที่ได้ยินจากปากบุตรชาย
“ลูกบอกไป ท่านแม่มีแต่จะหาว่าลูกบ้า” แต่ถึงไม่บอก มารดาก็ต้องหาทางเอาความนี้อยู่ดี ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
“บอกมาเสียก่อน แม่จะเป็นคนตัดสินใจว่าคำพูดของลูกเป็นความจริงหรือไม่”
หน้าคมเครียดก้มลงมองหัตถ์ซึ่งเต็มไปด้วยริ้วรอยตามชันษา ในมือที่จับแน่น ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนอื่นไกล
“หล่อนมาจากที่ที่ไกลมาก.. ไกลเหลือเกิน หล่อนจึงกลับไปไม่ได้”
“ลูกเคยบอกกับแม่เช่นนี้ ไกลยังไง แม่ไม่เข้าใจ หล่อนมาจากต่างประเทศฤาเมืองใด?” สีพักตร์ขมวดมุ่น ท่านหญิงจอมเคยเสด็จไปเยี่ยมเยียนบุตรชายถึงเมืองอังกฤษ และอีกหลาย ๆ เมือง มีความรู้พอประมาณ แต่กลับไม่เข้าพระทัย
“ไม่ใช่ต่างประเทศฤาที่ใด แต่ไกลกว่า”
“ก็ไกลอย่างไรเล่า? คุณชาย”
“วันหนึ่งลูกจะอธิบายเรื่องนี้ ท่านแม่...” ยกหัตถ์นุ่มที่กำลังกอบกุมขึ้นไว้กับอกผึ่งผาย ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง “หล่อนเป็นคนรักของลูก เป็นเมียที่ลูกรักเท่าดวงใจมาทุกภพชาติ เช่นชาตินี้ ลูกยังรักใคร่หล่อนแต่แรกพบ”
“ประเดี๋ยวเถอะ พูดจาไม่เข้าเรื่อง” ในสุรเสียงดุ ไม่พอพระทัยที่บุตรชายชอบพูดถึงกรุงเก่าฯ หรือพระยาอะไรสักอย่าง ชายหนุ่มก็พอคาดเดาได้อยู่
“ท่านแม่ไม่เชื่อลูก ไม่เป็นไร แต่ขอท่านแม่โปรดเข้าพระทัย ลูกอยากดูแลหล่อน เอาชนะใจหล่อนในฐานะคุณชายอินทรี ไม่ใช่ชายคนเก่าก่อน”
ด้วยความที่เคารพในการตัดสินใจของบุตรเสมอ หากผู้เป็นมารดาอยากบังคับขู่เข็ญจิตใจจริง ๆ คงได้จับคลุมถุงชนกับลูกหลานเจ้านาย หรือคนใหญ่คนโตไปนานโข ไม่รอให้บุตรชายต้องครองโสดจนถึงอายุปูนนี้
ท่านหญิงจอมได้สดับถ้อยคำลื่นกรรณจากบุตรชาย พยักพักตร์ “ก็แล้วแต่ลูกจะพอใจ หากลูกว่ารักใคร่หล่อนจริง แม่รับปากว่าจะไม่พาหล่อนไปในทางเสียหาย”
“เป็นพระคุณ กระหม่อม” ร่างสูงโน้มตัวลง โอบองค์มารดาผู้ตามใจเขาไปเสียทุกอย่าง ก่อนจะผละไปทั้งใบหน้าเปื้อนยิ้ม ท่านหญิงจอมเสด็จไปด้วยหทัยเป็นสุขหากบุตรชายจะยอมมีเมียให้สักที ให้สองหนุ่มสาวได้อยู่กันลำพัง
คุณชายอินทรีตั้งใจว่าจะนั่งรอต่ออีกสักหน่อย แต่พอคนนอนหลับเริ่มมีท่าทีแปลก ๆ เขาถึงได้เปลี่ยนใจ..
พลอยพิลาได้ยินบทสนทนาของคนทั้งสองทุกคำ! เธอรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร ปัญหาตอนนี้ก็คือ สร้อยทับทิมเส้นนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับการที่เธอข้ามภพมาถึงนี่
ความคิดหยุดลงเมื่อเสียงดังเอี้ยดอ้าดเรียกสติกลับมา เขากำลังเปิดตู้เสื้อผ้า?
ออ.. มุกเดิม ๆ ของสายอ่อย คงต้องดูสินะ เปลือกตาขาวหรี่มองแผ่นหลังกว้างกำยำเป็นล่ำสันผ่านไปไว ๆ ก่อนที่เธอจะปิดตาลงพออีกคนหันมา
โอ้... หลังคุณชายปู่ทวดขาวล่ำน่าข่วนดีจริง ๆ ... มีซิกแพคให้ดูหน่อยไหมนะ?
เจ้าของร่างสูงแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยดีในเสื้อราชปะแตน หย่อนก้นนั่งลงบนเตียงก็ว่า “ฉันแลเห็นอยู่ว่าหล่อนตื่น”
หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองเพดานด้วยสีหน้าเฉยเมย ทำไม่รู้ไม่ชี้ “ฉันนอนอยู่บนโซฟานี่คะ?”
“เกรงว่าหล่อนจะนอนไม่สบาย ฉันจึงอุ้มหล่อนมา อ่านหนังสืออะไรอยู่ล่ะ?”
“ยี่สิบห้าสตางค์ต่างรู้ท่านผู้ซื้อ ร้านหนังสือหน้าวัดเกาะเพราะหนักหนา..[1] คุณพี่รู้จักเรื่องนี้หรือไม่เจ้าคะ?” ในบทกลอนที่ตอบมันออกไป ใบหน้าสดสวยซีดขาวราวกระดาษ ทว่าคนข้างกายกลับฉีกยิ้มกว้าง
“น้องจะเรียกคุณพี่หรือคุณชาย เอาให้แน่หนา”
“ฉัน... เรียกคุณพี่ได้ยังไง?” เสียงพึมพำ พลันลุดพรวดขึ้นนั่งด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ หากคนข้างกายไม่บอกก็คงไม่รู้
“หล่อนคงจะสำนึกรู้ตัวว่าเคยเป็นใคร บางครั้งบางคราวก็จะเป็นแบบนี้แหละ ที่อยู่ในกายเราเป็นดวงจิตผูกพันของภพชาติก่อน”
‘…บางวันคุณชายเกิดอยากว่าภาษาอโยธยา ก็ว่าอยู่ครึ่งค่อนวัน เจ้าค่ะ’
“นี่ฉัน.. วิญญาณฉัน ไม่! ฉันต้องเป็นฉัน” สองมือยกมือขยุ้มหัวตัวเองไม่ต่างจากคนเสียสติ สะบัดหน้าแรง ๆ งึมงำ “แอร์เมส เบอร์กิน บลู ๆ ..”
ในที่สุดสัมปชัญญะของเธอก็กลับมา เมื่อนึกถึงงานอดิเรกส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ สไตล์เซเลบ ร่างบางผ่อนลมหายใจหนัก ๆ ไม่แปลกที่อีกคนจะมีสีหน้าสงสัย
“หล่อนว่ากระไร?”
“มันคือกระเป๋าค่ะ คุณชาย กระเป๋าในตำนาน หรูที่สุด แพงที่สุด” บอกแล้วก็ฉีกยิ้มกว้าง ตาลุกวาว ไม่ต้องบอกเลยว่าชอบมันแค่ไหน
“หล่อนคงชอบกระเป๋ามาก เอาไว้ฉันจะซื้อให้ละกัน” เขากำลังคิดว่าการชอบพอหญิงสาว คงไม่ใช่แค่การเอาชนะใจ เขาต้องยอมรับทุกอย่างที่เป็นเธอ.. ขณะที่ใบหน้าสดสวยบึ้งตึง อย่างนึกเสียดายอยู่
“กระเป๋ามันแพงมากเลยนะคะ คุณชาย ที่นี่ก็ไม่มีหรอก”
“ไม่มีฉันก็หาอย่างอื่นให้หล่อนที่พอจะทดแทนกันให้ได้ เพราะต่อให้เป็นของอย่างอื่น อะไรที่หล่อนอยากได้ ฉันยินยอมจะให้หล่อนผลาญ.. สิ้นเนื้อประดาตัวก็ไม่เป็นไร”
นัยน์ตาคู่สวยพร่างพราวสบดวงตาสีดำสนิท ราวต้องมนต์แห่งพันผูกในอดีต ก่อนที่คำบอกเล่าจากบ่าวจะพาดึงสติกลับมา เพี๊ยะ! ตบแก้มด้วยสองมือพิฆาตจนเกิดรอยแดง ริมฝีปากงามเป่าลมออกทางปากทีหนึ่ง
“ฉันไม่มีวันหลงคารมคุณชายขี้อ่อย อ่อยไปทั่วพระนครเป็นอันขาด!”
ตามด้วยเสียงกัดฟันกรอด ๆ ชายหนุ่มจึงกลอกตาไปมา พยายามนึกศัพท์โลกอนาคตอยู่ว่าเคยได้ยินมาจากเด็กวัดชื่อนายเป็ด
“ออ.. หมายถึงชอบให้ท่าฤา?”
“เจ้าค่ะ คุณชาย” ส่งยิ้มหวาน ยกสองมือประนมไหว้งามช้อย “ฉันขอบพระคุณคุณชายที่ช่วยชีวิตฉัน แต่คุณชายควรได้เจอผู้หญิงในยุคเดียวกัน หรือคุณชายจะกอดคานไปจนแก่ จะได้เที่ยวอ่อยสาวไปทั่วพระนคร ไม่ต้องผูกมัดใคร ถ้าฉันกลับบ้านไม่ได้จริง ๆ ฉันจะเอาตัวรอดที่นี่ให้ได้ จะหาเงินมาใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ยให้คุณชายทีหลังนะเจ้าคะ”
ชายหนุ่มพอเดาออกว่าหนีไม่พ้นปากบ่าว แต่ก็ไม่ได้โกรธ “หรือว่า.. หล่อนหวงฉัน?”
“คุณชาย เอาอะไรมาพูดคะ?”
“ก็พูดไปตามที่แลเห็น หล่อนไม่พอใจฉัน เพราะไปได้ยินคำใครพูดมา” ว่าคนที่ยังไม่เลิกมองค้อน ก่อนที่มือหนาจะรั้งท้ายทอยเข้าหาพลัน กดริมฝีปากลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลาอย่างทะนุถนอมอ่อนโยน
หญิงสาวเบิกตากว้างตกใจ ในอีกครู่ที่เขาผละออกไป ดันรู้สึกเสียดายดอกเบี้ยที่เจ้าหนี้ขยันมาเก็บทุกวัน!
พลอยพิลาไม่เคยเป็นผู้หญิงแบบนี้ ถึงเธอจะเป็นคนตรง ๆ แรง! พร้อมใส่เกียร์เข้าพุ่งชนเป้าหมายงานและคู่ค้า แม้แต่กับนที แฟนหนุ่มที่คบหากันในเชิงธุรกิจ หรือกับหนุ่ม ๆ คนไหนที่เข้ามาพัวพัน เธอไม่เคยดีใจซาบซ่านกับรสสัมผัส ยังกับว่าชายคนนี้เป็นยาเสพติด ไม่อาจเลิกขาดได้สักวัน
หรือว่าเขาอาจเป็นสามีที่เธอรักมากแต่ภพชาติก่อนจริง ๆ ในเมื่อมันไม่มีอะไรมาเป็นเครื่องบอกชี้ว่าไปตกหลุมรักคุณชายอินทรีเข้าตอนไหนอย่างไร เธอแค่รับรู้ได้ว่าหัวใจดวงน้อย ๆ เฝ้ารอคอยผู้ชายคนนี้มาตลอด
“ยังไงหล่อนก็เป็นลูกหนี้หัวใจฉัน เอ้า... ฉันไม่อยากวิวาทกับหล่อน อยากเอาใจหล่อนเสียมากกว่า” มือหนายกขึ้นแตะแก้มร้อนผ่าวที่ไม่รู้ว่าแดงเพราะอะไรแน่ ในสีหน้าเศร้าหมอง “ถ้าหล่อนโกรธเคืองฉัน ก็ตบหน้าฉัน อย่าได้ทำร้ายตัวเองอีก ฉันไม่ชอบใจเลย”
สัมผัสอ่อนโยนจากฝ่ามืออุ่น พาดวงตาคู่สวยลอบมองกรามแกร่งที่มีเคราเขียวครึ้มขึ้นแซมด้วยแววตาลึกซึ้งกว่าคำพูด “ไม่เอาหรอก ทำไมฉันจะต้องไปตบหน้าคุณชาย”
“ก็ไม่รู้ แต่ถ้าหล่อนโกรธงอน เพราะเอาคำพูดคนอื่นมาใส่ใจ หล่อนจะตบตีฉันก็ได้” แม้ว่าคำตัดพ้อ ชายหนุ่มกลับนึกพอใจริมฝีปากคู่งามอมแดงชมพู ยามขยับงอน เม้มกัดตัวเองในคราวโกรธ จึงพูดออกไปตามใจ
“ฉันขอจูบหล่อนได้ไหม? แม่พลอย..”
ใบหน้าสดสวยชะงักนิ่ง ก่อนจะส่ายหน้าแรง ๆ
“หล่อนรังเกียจฉันฤา?”
เสียงหวานอึกอัก “เปล่า.. ค่ะ คือ.. ฉันยังไม่ค่อยชิน..” ตบปาก! ตกปากตัวเองเดี๋ยวนี้! จะจูบก็จูบสิยะ จะมาขอเพื่ออะไรเนี่ย!
เธอผู้สูญสิ้นความเป็นตัวของตัวเองได้แค่คิดในใจ ขณะที่มือหนาสากเลื่อนไปกุมมือเรียวเล็ก ก่อนจะยกขึ้นวางบนอกซ้าย ความเป็นชายชาติทหารทำให้ชายหนุ่มกล้าหาญพอที่จะเปิดเผยความรู้สึก
“หล่อนไม่ได้เป็นอยู่คนเดียวหรอก.. แม่พลอย แค่ได้ยินเสียงหล่อน มองหน้าหล่อน ฉันเป็นเช่นนี้ เป็นแค่กับหล่อน..”
ตึกตัก.. เสียงอึกทึกดังเสียยิ่งกว่ากลองศึก ใบหน้าหล่อเหลาคมคายคล้ายไม่ได้มีความรู้สึกอะไร หากไม่มองผ่านแววตาคู่หวานคมประกาย
“คุณชาย..” เรียกครั้งหนึ่ง ฝ่ามือเรียวเล็กที่แนบอยู่บนอกผู้ชายตัวโต ๆ สัมผัสได้ว่าก้อนเนื้อเต้นตุบแทบทะลุออกมาจากเสื้อสีขาวสะอาด ก่อนที่มันจะช้าลงเพียงเล็กน้อย และถี่กระชั้นขึ้นเมื่อเธอเอ่ย “คุณชาย.. คะ?”
“หล่อนอยากให้ฉันหัวใจวายตายรึ?”
คงไม่ใช่แค่เขาที่รู้สึก ความเขินอายอันไม่ใช่นิสัยของพลอยพิลาพาใบหน้าร้อนผ่าวก้มงุด ๆ มองหน้าตักตัวเองแทน ผละมือออกจากเสียงตุบตับก็ว่า “ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ฉันก็เป็นแบบนี้ทุกคนแหละค่ะ เว้นแค่กะเทย”
ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ เขี้ยวขาวคมเผยขึ้นตรงมุมปาก มั่นอกมั่นใจอยู่ไม่ต่าง “เช่นนั้น.. ฉันจะลองทำให้หล่อนเป็นฝ่ายใจเต้นบ้างปะไร”
[1] วรรณกรรมวัดเกาะ คือวรรณกรรมที่ริเริ่มจัดพลอยขึ้นโดยโรงพลอยวัดเกาะ หรือ โรงพลอยราษฎร์เจริญ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในช่วงสมัยรัชกาลที่ ๕