บทที่ ๗-๒ : ลูกเต้าเหล่าใคร
“คุณพลอย.. จู่ ๆ ก็หายไป ตามตัวไม่ได้เลยค่ะ” กชกรเอ่ยด้วยท่าทีเป็นกังวล หลังจากที่เจ้านายของเธอหายตัวไปเฉย ๆ ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าแค่กระเป๋าสะพายใบโปรด จากห้องนอนในเพนท์เฮ้าส์ ไม่มีแม้แต่หน้าต่างหรือทางออกทางไหนสามารถออกจากห้องได้ หากไม่เดินผ่านห้องรับแขก ซึ่งเธอก็นั่งทานกาแฟคอยอยู่เป็นชั่วโมง ๆ
ถ้ามันไม่สบายใจจนต้องถ่อสังขารมาถึงนี่ เธอคงไม่อยากเป็นกระต่ายตื่นตูมให้ถูกต่อว่า
“เลขาฯคนสนิทอย่างคุณมาถามผม จะให้ผมไปถามใคร? คุณกช” เจ้าของบ้านไม่ได้สนใจคำพูดของหญิงสาววัยสามสิบห้าปีมากไปกว่าจอสี่เหลี่ยมในมือ ขณะนั่งทำงานอยู่บนโซฟาหลุยส์เคียงข้างภรรยาและลูกสาวคนเล็ก ทว่าในอีกครู่คิ้วเข้มหนาก็ขมวดเข้าหากันเป็นปม เหมือนจะนึกบางอย่างออก
“หนีเที่ยวหรือเปล่า? เห็นมีข่าวซุบซิบกับพระเอกละคร หรือดาราอะไรสักอย่าง”
“มันเป็นข่าวการตลาด เพื่อโปรโมทสินค้าตัวใหม่ค่ะ คุณนิรัช คุณพลอยไม่เคยทิ้งงานไปแบบนี้ ฉันอยู่กับคุณพลอยทุกวัน อยู่เพนท์เฮ้าส์คุณพลอยก็ทำงานดึก ๆ ดื่น ๆ ตลอด” แย้งไป ด้วยเป็นเรื่องแปลกกับเลขาฯผู้ไม่เคยห่างเจ้านายแม้สักวัน ขณะที่มันไม่ใช่เรื่องแปลกกับบ้าน ‘ศรีไพโรจน์’ หรือแม้แต่กับมารดาแท้ ๆ
“ไม่เห็นจะแปลกนี่ ยัยพลอยเคยหายหัวไปตั้งหลายเดือน สุดท้ายก็มา คงไม่มีอะไรมั้ง คุณกช”
พิมพากำลังนอนเหยียดกายสบายใจเฉิบอยู่บนโซฟาหลุยส์ อดไม่ได้ที่จะมีส่วนร่วม “เธอก็ทำงานแทนพี่พลอยไปสิ” ก่อนจะว่าเสียงหวาน “ใช่ไหม? ป๊า งานอสังหาฯส่วนของพี่พลอยก็ให้พี่รองทำ”
นิรัชคงไม่อยากหานักธุรกิจการตลาดฝีมือดีใหม่ ซึ่งตอนนี้พลอยพิลาเป็นอันดับหนึ่งของบริษัท จึงวางทุกอย่างลง เงยหน้าถามคนที่ยืนรอคำตอบของเขา “ผมนึกไม่ออกจริง ๆ ว่าเจ้านายของคุณหายไปไหน แล้วที่คุณบอกว่ายัยพลอยหายไป ติดต่อไม่ได้น่ะ มันยังไง?”
กชกรถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “คุณพลอยบอกจะอาบน้ำแต่งตัว ให้ฉันนั่งรอในห้องรับแขก จู่ ๆ หายไปเลย มือถือ กระเป๋าสตางค์ ทุกอย่างยังอยู่ในห้องน้ำ ติดต่อไม่ได้ หาตัวไม่เจอมาตั้งแต่เมื่อวาน”
“คุณเมายาหรือเปล่า คุณกช คนทั้งคนจะหายไปได้ยังไง?” ผู้เป็นมารดาว่าไปตามนิสัยคนปากไว
กชกรที่ไม่ค่อยจะถูกกับบ้านนี้อยู่แล้วถึงได้โมโหจนเส้นเลือดปุด “ฉันสุขภาพแข็งแรงดี ไม่ได้รับประทานยาอะไรนอกจากวิตามินซีกับน้ำมันตับปลาค่ะ คุณภารดี และถ้าฉันหาคำตอบได้ด้วยตัวเอง คงไม่บากหน้ามาถามพวกคุณ”
“นั่นไง ฉันว่าน้ำมันตับปลาเธอมันคงจะทำพิษ ถึงจำไม่ได้ว่าเจ้านายทั้งคนหายไปได้ยังไง”
“ฉันจะจำได้หรือจำไม่ได้ เจ้านายดิฉันไม่ใช่ลูกสาวที่คุณเบ่งออกมาหรือคะ?”
พิมพาแค่นหัวเราะ “ขอโทษนะ คุณกช แม่ฉันผ่าคลอด นอนหรูแบบไฮโซค่ะ ไม่เคยเบ่งสักคน”
เจ้าของบ้านคงไม่อยากให้ใครทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง หยัดกายลุกขึ้นสุดความสูง “รออีกสักวันสองวัน เดี๋ยวก็คงมา แต่ถ้าเกิดหายไปจริง ๆ ลองติดต่อคุณศิลป์ ทนายบริษัท คุณกชเป็นคนส่งเอกสารพินัยกรรม คุณน่าจะรู้ดี”
นั่นคือกรณีที่พลอยพิลาตาย! ความจงรักภักดีทำให้พอจะเข้าใจเหตุผลของเจ้านายอยู่ ทว่าเลขาฯอย่างเธอไม่ได้ต้องการความไว้เนื้อเชื่อใจมากถึงขนาดนั้น เป็นสิ่งที่กชกรคิดมาตลอดจนถึงวินาทีที่ได้ยินถ้อยคำจากปากบิดาของหญิงสาว
“ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ ต่อให้บริษัทคุณล้ม หุ้นของยัยพลอยก็ไม่ได้โอนมาเป็นของศรีไพโรจน์ อ้อ.. ผมค้ำเงินกู้ให้อย่างเดียวนี่นะ”
และพลอยพิลาก็ทำงานชดใช้ให้มาตลอดแปดปี นับตั้งแต่วันก่อตั้งบริษัทไดม่อนลีฟ นิรัชกลับทำเหมือนว่ามันเป็นบุญคุณนักหนา
กชกรกัดกรามกรอด ๆ “ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้เหมาะสมค่ะ ไม่ต้องห่วง”
พิมพาพูดลอย ๆ “อุตส่าห์ป่าวประประกาศไปทั่วว่าถ้าตายจะยกสมบัติให้บ้านเด็กกำพร้ากับเลขาฯทุกแดง ไม่รู้จะเป็นเดือดเป็นร้อนไปทำไม”
“คุณพิม.. หุบปาก” เสียงเข่นเขี้ยวเล็ดรอดตามไรฟัน ในแววตาประกายกร้าวเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น ขณะที่กชกรยังเก็บอารมณ์เดือดดาลไว้บนสีหน้าเรียบเฉย ทั้งที่โมโหจนสามารถฆ่าใครสักคนในบ้านนี้ให้ตายคามือ!
“ขอโทษที่มารบกวนเวลาของพวกคุณ” สิ้นคำ คนนอกสายเลือดอย่างกชกรก็หอบความโกรธแค้นออกไป จากคฤหาสน์หรูที่ไม่ต่างอะไรจากขุมนรกดี ๆ
หญิงสาวผู้อายุน้อยกว่าเคยสอนให้เธอทำแบบนั้น หากไม่พอใจใคร ก็ต้องอดทน เก็บทุกอย่างไว้เงียบ ๆ ในใจ อย่าได้เผยจุดอ่อนของตนให้ใครเห็นเป็นอันขาด
กชกรยังนึกหงุดหงิดจนถึงเวลาเข้าประชุมที่จำต้องเลื่อนไป ด้วยข้ออ้างว่าเจ้านายป่วยหนักจนต้องนอนโรงพยาบาล ซึ่งมันพอจะเป็นเหตุผลที่ใช้ได้นาน ๆ ครั้ง หากคนรักสุขภาพอาจล้มป่วยด้วยไข้หวัดสายพันธ์เอ หรืออะไรสักอย่าง ในเมื่อมันไม่มีทางเลือกมากนัก
เรียกได้ว่าเป็นความหวังสุดท้าย เพราะถ้าหากว่าเจ้านายไม่กลับมา บริษัทไดม่อนลีฟและลูกน้องอีกร่วมร้อยชีวิตตกที่นั่งลำบากแน่ ๆ
“ฮัดเช้ย!” ยกขึ้นป้องปาก รู้สึกเหมือนมีคนนินทา ก่อนที่เขาจะส่ายหน้าไปมา กลับมามีสีหน้าระรื่นในวันที่กลับถึงบ้านก่อนเวลา
เพราะไม่ได้มีงานอะไรมากในวันนี้ แค่รับแขกต่างบ้านต่างเมืองเยี่ยมชมงานทางการทหารเรือ จอดรถยนต์ไว้หลังบ้านเสร็จเรียบร้อยดี คุณชายอินทรีแทบกระโจนกายไปหาหญิงสาว หลังถามหาหล่อนจากบ่าวว่าอยู่ที่ใด
หัวใจชายหนุ่มสั่นระรัวทุกย่างก้าวกระทั่งหยุดลงในห้องรับแขก ร่างอรชรในชุดลูกไม้ระบายผ้าซิ่นสีชมพูหวานนอนทอดกายอยู่บนโซฟากับหนังสือเล่มหนึ่ง ที่คนอ่านหลับไปทั้งอย่างนั้น
ร่างสูงนั่งยองลงข้าง ๆ โซฟา ระบายยิ้มเต็มวงหน้า กวาดสายตามองสร้อยทับทิมงามวับขับลำคอขาวผ่อง ผิวเนียนละเอียดราวแพรไหม เหนือเสื้อคอผ่าในชุดลูกไม้หวานนุ่งซิ่นทอลายงดงาม
เมียรักในอดีตของเขายังคงสวยสง่าเหมือนเดิมไม่ว่าหล่อนจะแต่งตัวด้วยชุดไหน ๆ
“แม่พลอยของพี่” เสียงเพรียกหา เหมือนอยากรู้ว่าเธอจะตื่นขึ้นมาว่าอย่างไร หากมีเพียงลมหายใจสม่ำเสมอ มือหนาค่อย ๆ ปัดปอยผมดำขลับสลวยไว้ข้างหลัง ด้วยสายตาโหยหาปรารถนาล้ำลึก
“แม่พลอย..” เขารอผู้หญิงคนนี้มานานแค่ไหนกัน...
เลือดในกายชายผู้ถือศีลอดมานานสูบฉีดพลุ่งพล่าน เมื่อความฝันแสนวาบหวามคอยผุดเข้ามาในหัวสมอง ให้พาลหลงวนอยู่ในห้วงแห่งกามารมณ์ ขณะที่ความรู้สึกอันท่วมท้นเข้าเกาะกุมจิตใจ ยามลอบมองขนตายาวเป็นแพงามงอนบนเปลือกตาขาวที่ปิดสนิท
“คุณพี่..” เสียงแผ่วเบาราวกระซิบ หัวใจชายหนุ่มถูกเติมเต็มด้วยความสุขอันมากล้น เพียงรับรู้ว่าคุณพี่คนเดิมของเธอยังคงอยู่
ไม่ใช่สิ... มันคืออ้ายสิงห์ต่างหาก!
รอยยิ้มระรื่นถูกแทนที่ด้วยแรงริษยาที่ฉายประกายแจ่มชัดอยู่ในแววตา นึกแค้นอ้ายพระยาชั่วช้าที่มาแย่งความรักของเธอไป โดยที่เขายังไม่มีโอกาสทำอะไรเลยสักอย่าง ถึงมันจะเคยเป็นตัวตนแต่เก่าก่อน แต่ในบางครั้งเขาดันไม่รู้ตัวนี่สิ
คอยดูเถอะ! เขาจะต้องชนะใจเธอในฐานะคุณชายอินทรี
คิดพลัน หนังสือในมือเรียวถูกหยิบออกไปวางไว้ข้าง ๆ เจ้าของร่างสูงในเครื่องแบบสีดำ สลับกางเกงสักหลาดดำแถบทอง ค่อย ๆ ช้อนประคองร่างบางที่กำลังหลับใหลในนิทราหวาน แม้ในทุก ๆ ย่ำก้าวเดิน เขาจะลงส้นเท้าเบา และเงียบที่สุด ผ่านห้องบรรทมเจ้าของบ้านที่อยู่ติดกันกับห้องของเขา แทนที่จะไปห้องพักแขก
ท่านหญิงจอมหัตถ์บรรจงจับงานเย็บปักถักร้อยอยู่แท่นบรรทม ว่าจะไม่ทักก็ทนไม่ไหว
“ไปไหนรึ? คุณชาย”