บทที่ ๗-๑ : ลูกเต้าเหล่าใคร
“คนไหนวะ? นังเย็น คุณผู้หญิงคนใหม่ ข้ายังไม่แลเห็นแม้เงา นิสัยใจคอเป็นอย่างไร?” หญิงสูงวัยถาม ปากยังเคี้ยวหมากพลู มีตะบันหมาก ยาเส้น กรรไกรหนีบหมากอยู่บนโต๊ะไม้โบราณเก่า ๆ
ต่างคนนั่งรับประทานอาหารร่วมกันเช่นทุกวันในเรือนไม้ไทย ซึ่งอยู่ด้านหลังบ้านใหญ่โตโอ่อ่า สมฐานะหม่อมเจ้ากุลนาล
ท่านหญิงจอมมีเชษฐาเป็นถึงมหาดเล็กคงกลม ข้าราชบริพารในราชสำนักมานาน ท่านยังมีที่ดินย่านตลาดการค้าในพระนครหลายแห่ง ค่าเช่าตลอดทุกเดือนอย่างเดียวก็นับว่าร่ำรวยพอประมาณ
บ่าวในบ้านที่มีกันอยู่ห้าคนทำงานแบ่งเบาหน้าที่กันทั้งซักผ้า รีดผ้า ล้างจาน เตรียมอาหาร เป็นเช่นนี้มานับสิบ ๆ ปี
“คุณพลอยพิลาส้วย สวย สวยเหมือนนางฟ้านางสวรรค์จ้ะป้า ท่านใจดี กริยาอ่อนหวาน สมเป็นกุลสตรี จะมีภาษาประหลาดพิกลอยู่บ้างแต่ก็พูดจาเข้าใจกัน คุณชายรักใคร่ชอบพอท่านนัก” เย็นตอบหน้าระรื่น
หญิงสาวหน้าตาสะสวยรุ่นราวคราวเดียวกันเงยหน้าจากจานข้าวด้วยท่าทางไม่พอใจ
“มันมีอะไรตรงที่ไหนที่จะน่าอวด เอ็งกับแม่มันเป็นคนโปรดท่าน ว่ากระไรก็คงจะว่ากันตามน้ำไปเสียหมดทุกอย่าง”
“อีจำปา เอ็งคิดกระไร? ทำไมข้ารึจะไม่รู้ ข้ากับแม่รับใช้ท่านอยู่ทุกวัน เอ็งอย่าได้ปากเปราะว่าคุณผู้หญิงเทียว ข้าจะตบเสียให้ปากเยิน” กินข้าวอร่อย ๆ อยู่บนโต๊ะเก้าอี้ เพราะบุญคุณท่วมหัวของคุณชายท่าน ชีวิตของเธอจึงดีกว่าบ่าวบ้านอื่นที่ควรต้องนั่งกับพื้นแข็ง ๆ เธอยังพอจะอารมณ์ดีอยู่ มิฉะนั้นคงได้มีเรื่องกับจำปาเหมือนทุกวัน
“ดีละ ๆ คุณชายท่านมีคุณผู้หญิงได้สักคน นังจำปามันจะได้เลิกตั้งแง่รังเกียจเดียดฉันท์เอ็ง ตั้งแต่มันไม่ได้ขึ้นไปบ้านใหญ่ ข้าฟังมันพูดพร่ำด่าเช้าเย็น ว่าเอ็งจงใจไปให้ท่าคุณชาย”
‘ป้าแดง’ เป็นผู้ใหญ่ของบ้านอีกคนนอกจากแช่ม รับใช้ท่านหญิงจอมมานาน ที่ไม่ได้เดินไปบ้านหลังใหญ่บ่อย ๆ ไม่ใช่เพราะมีคนห้าม แต่ขาไม่ค่อยดีจึงไม่คล่องแคล่วว่องไวเหมือนเด็กสาวรุ่น ๆ
“นี่แน่ะ ป้าแดง อีจำปานั่นแหละ ไปให้ท่าคุณชาย ท่านถึงไม่ให้ใครไปเปะปะวุ่นวายในบ้านนู้น”
เสียงโยนช้อนส้อมกระเด็นลงจานชามดัง จำปาตวัดหางตาจิกลูกพี่ลูกน้อง ที่ไม่ได้นับญาติกันมานานแล้ว
“อีเย็น เอ็งก็ชอบคุณหลวงมิใช่รึ? ริอาจมักใหญ่ใฝ่สูงอยากจะเป็นคุณผู้หญิง พุทโธ่ เอ็งมันเป็นแค่บ่าว..”
“ข้าเจียมเนื้อเจียมตัว เจียมกะลาหัวว่าเป็นบ่าว ข้าทำการหน้าที่ในงานของข้าดี เอ็งไม่จำเป็นต้องสาระแนมาสั่งสอน อีจำปา”
ได้ทะเลาะกันพอประมาณในช่วงเช้าเป็นกิจวัตรประจำวัน ไม่ทันให้ผู้ใหญ่ได้ห้ามปราม นายสารถีของบ้านก็กลับมาพร้อมแช่ม
“อ้าว.. ลุงอ่ำ มาทางนี้เร็ว ๆ พวกฉันมีเรื่องอยากถามอยู่พอดี”
“มีกระไรรึ? นังจำปา”
ชายวัยห้าสิบปีหอบหิ้วของพะรุงพะรังในชะลอมจุกสานด้วยไม้ไผ่ ตะกร้าหลายใบ ยังมีถุงทำจากผ้าตามสมัย วางลงบนโต๊ะ จำปามองซ้ายขวาทีหนึ่ง ในน้ำเสียงที่เบาลง
“ในพระนครนี้มีผู้ใดชื่อพลอยพิลา เป็นลูกสาวบ้านไหน ลูกเต้าเหล่าใคร ลุงอ่ำรู้จักบ้างสักคนหรือไม่?”
“เอ็งบอกว่าคุณท่านชื่อ... คุณพลอยพิลา?” นายสารถีทำหน้าประหลาดใจ และด้วยความที่เขาเป็นคนอัธยาศัยดี ยังทำงานมาหลายที่ก่อนมารับใช้ท่านหญิงจอม
“หากเป็นคุณพลอย ก็น่าจะมีอยู่คนหนึ่ง ข้าเคยรับใช้อยู่ข้างกายท่านมานาน สิบปีก่อนนู้นแน่ะ คุณผู้หญิงท่านงดงามมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย ท่านจิตใจดีมีเมตตาต่อบ่าวทุกคน แต่เป็นคนเดียวกันหรือไม่นั้นเห็นทีว่าข้าคงจะไม่รู้”
“บอกมาก่อนเถิด อ้ายอ่ำ คุณผู้หญิงคนเก่าของเอ็งน่ะ ว่ามาเร็ว ๆ ข้าอยากรู้” แดงบอกแล้วต่างคนก็มองหน้ากัน ขยับเข้าไปใกล้ ๆ รุมล้อมหน้าหลังนายสารถีคนดีของบ้าน
“บ้านคุณหญิงพุ่มมีลูกสาวสองคน คุณพิมพา คุณพิมพ์พลอย เอ๊ะ.. แต่คุณพลอยหายตัวไปหลายปีแล้วกระมัง”
“คุณพลอยเป็นผีรึ!?” จำปาเบิกตากว้างตกใจ แช่มเห็นจะทนไม่ไหว
“อีจำปานี่! ผีเจาะปากนะมึง ผีบ้ากระไรจะเดินโท่ง ๆ กลางวันแสก ๆ”
“ลุงอ่ำก็บอกอยู่ตรงนี้ว่าคุณผู้หญิงชื่อพิมพ์พลอย เอ๊ะ เอ็งนี่มันยังไง หูหนวกหูเน่าไปแล้วหรือยังไง? นังจำปา” เย็นเอ็ดต่อจากแม่
มีเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกของหลายคน คนแก่ยกมือแนบอกสั่นขวัญแขวนประสาบ่าวที่ยังเชื่อเรื่องผีสางนางไม้ เย็นอยากรู้มากเพราะเคยถามว่าคุณผู้หญิงมาจากที่ไหน เธอก็ไม่ยอมบอกอะไรสักอย่าง
“ไปลุงอ่ำ ไปให้แลเห็นกับตา”
สบตากันครั้งหนึ่ง ความอยากรู้อยากเห็นของแต่ละคนตรงกัน จึงเดินตามกันไปทางสวนด้านหลัง ผ่านเรือนไม้ร่วมสมัยสองชั้นซึ่งเป็นเรือนของบ่าวไป ย่ำฝีเท้าอย่างระวังมากที่สุด
จำปาจับเสื้อเย็นทำลับ ๆ ล่อ ๆ พวกเขาหลบกันอยู่หลังต้นไม้ พอเห็นว่าคุณผู้หญิงกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่หลังบ้านนอนหลับอย่างสบายใจ
“คนเดียวกันรึไม่? ลุง” เย็นถามเป็นคนแรก ชายวัยห้าสิบเบิกตากว้างตกตะลึง ส่งเสียงดัง
“คุณพลอย!”
“เบา ๆ ซีลุงอ่ำ!” ต่างคนปรามเป็นเสียงเดียว ด้วยว่าเรื่องที่ท่านหญิงจอมไม่โปรดคือความสอดรู้สอดเห็นของบ่าว แต่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ บ่าวบ้านไหนไม่สอดรู้สิชอบกล นายอ่ำหน้าตาตื่นลดเสียงลงจึงค่อย ๆ บอก
“พวกเอ็งอย่าได้พูดไปเป็นอันขาด ข้าได้ยินเรื่องบางอย่างมาไม่ค่อยจะดีเท่าไร ก่อนคุณพลอยจะหายตัวไป..”
“ข่าวอะไรลุง?”
“บอกมาสิวะ จะอมพะนำไว้หาพระแสงอะไร? อ้ายอ่ำ” แดงเป็นคนข้างหน้าสุดที่ชะโงกชะเง้อคอมองบ่น โดยไม่ละสายตาไปจากคุณผู้หญิง
“ข้าได้ยินมาว่าบ้านคุณหญิงรักลูกไม่เท่ากัน คนหนึ่งส่งไปโรงร่ำโรงเรียนถึงเมืองฝรั่ง อีกคน..” เงียบไป ด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายความไม่ออก จนจำปาถาม
“ทำไมรึลุงอ่ำ?”
“ท่านมีปัญหาเรื่องเงิน จึงตัดสินใจส่งลูกสาวคนโตไปบ้านโคมเขียว แต่ว่า...คุณพิมพ์พลอยดันหายตัวไปเสียก่อน” เสียงเข้มเครียดของนายสารถี ต่างคนหน้าตะลึงลาน ยกมือป้องปาก
ในความรู้สึกที่แตกต่าง ที่แน่ ๆ คือเห็นอกเห็นใจหญิงสาววัยสวยสะพรั่ง ครอบครัวของแช่ม แดงนั้นเป็นญาติห่าง ๆ กัน อบรมลูกหลานมาให้มีสำนึกดี ชักชวนกันมาทำงานที่นี่มีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างแต่ก็ยังเป็นครอบครัว
“คุณผู้หญิงท่านทำไมช่างน่าสงสาร ฉันเองก็สวย ป้าแดงยังไม่เคยคิดจะขายฉันกิน” จำปาบ่นตัดพ้อกับตัวเอง ก่อนจะกอดเอวอวบอัดของป้าแดงไว้ ขณะที่ผู้ใหญ่อีกคนส่งเสียงแหลมปรี้ด
“เจ้าพระคุณ! คุณผู้หญิงหนีจากขุมนรกมาได้ เป็นบุญของท่าน เป็นแม่คนแท้ ๆ เหตุใดช่างใจไม้ไส้ระกำทำลูกสาวแท้ ๆ ได้ลง สวยปานฉะนี้ จะส่งไปซ่องนางโลมให้ไอ้พวกหื่นมันปู้ยีปู้ยำ”
“เรื่องเงินมันไม่เข้าใครออกใครดอก แม่แช่ม” นายอ่ำบอก แล้วก็เกิดหงุดหงิดขึ้นมาน้อย ๆ อย่างไรนายผู้หญิงคนเก่าก็มีบุญคุณคุ้มกะลาหัวเขามาก่อน
“นี่แน่ะ พวกเอ็งอย่ามาซักไซ้เอาถ้อยเอาความอะไรกับข้ามากนักเลย ข้าเลิกราจากบ้านนั้นมาตั้งนมนาน ประเดี๋ยวนี้เป็นอย่างไรบ้างก็ไม่เห็นจะได้ข่าวคราว”
“ข่าวกระไรรึ?” เสียงที่ดังมาจากข้างหลัง พวกเขานั้นมุ่งสายตรงไปยังใบหน้าสะสวยยามพริ้มตาหลับรับลมสบาย เว้นแต่นายอ่ำ
“ข้าก็บอกว่าอย่าซักไซร้ เอ็งนี่พูดไม่รู้เรื่อง”
“ชะ ๆ ทำเป็นบ้าไปได้ อุตส่าห์เล่าความมาตั้งมาก ก็เล่าต่อซี” สุรเสียงดังชัดเจนว่าได้เกิดเคืองแน่ แต่ละคนค่อย ๆ เบือนหน้ากลับไป เบิกตากว้างมองรอยแย้มโอษฐ์กว้างเต็มพักตร์ และหัตถ์เรียวที่แตะอยู่บนบ่าของนายอ่ำ
“ท่านหญิง!”