บทที่ ๖-๒ : ให้ท่าไปทั่วพระนคร
“ให้ฉันช่วยนะจ๊ะ” เสียงหวานถาม บ่าวหญิงวัยไล่เลี่ยกันเงยหน้าจากเขียงที่กำลังสับผักในห้องครัว ที่มีหน้าต่างหลายบานอากาศถ่ายเทดี
“ไม่ได้เป็นอันขาดเจ้าค่ะ คุณพลอย คุณชายท่านสั่งไว้” เรียนไปตามความจริง แม่เย็นเป็นบ่าวที่ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ “แต่ถ้าคุณพลอยจะนั่งดูดิฉันทำกับข้าว หรือจะให้ดิฉันทำขนมอะไรให้รับประทาน บอกให้ดิฉันทราบ ดิฉันจะละมือจากผักตรงนี้ได้ก่อนเลยเจ้าค่ะ”
“โอเค” ตอบแล้วก็คว้าเก้าอี้ตัวเล็กเตี้ยตัวหนึ่งมานั่งชันเข่า หน้าบ่าวที่ทำหน้างงอยู่ครู่หนึ่งกับคำว่าโอเค แต่ไม่ได้เอะใจอะไรมาก
“คุณชายสั่งอะไรไว้บ้างจ้ะ?”
“คุณพลอยต้องการอะไร ให้โทรไปบอกท่าน ไม่ให้คุณพลอยทำงานบ้านทุกอย่าง ท่านหญิงจอมจะเสด็จไปไหน หากพาคุณพลอยไปด้วย ให้โทรบอกท่านเจ้าค่ะ” บ่าวตอบชัดถ้อยชัดคำ เห็นแก้มแดงระเรื่อของนายผู้หญิง จะว่าไม่สบายก็ไม่เชิง เพราะเพิ่งมาเป็นเมื่อสักครู่
“คุณพลอยไม่สบายฤาเจ้าคะ?”
“ออ.. เปล่าจ้ะ ฉันสบายดี” อดไม่ได้ที่จะลูบหน้าตัวเอง เธอค่อยรวบรวมสติกระเจิดกระเจิงกับความช่างเอาอกเอาใจ ขี้หวงของชายหนุ่ม กลับมายังบทสนทนา
“ฉันว่าจะถามสักหน่อย คือฉันมาอยู่ที่นี่กับคุณชาย แฟน.. ไม่ใช่สิ คนรักเขาจะไม่ว่าฉันหรือคะ?”
บ่าวหัวเราะเบา ๆ จึงว่า “ดิฉันอยู่ที่นี่กับแม่มานาน คุณชายไม่เคยพาผู้หญิงเข้าบ้าน มาไหว้ท่านหญิงสักคนยังไม่มีเจ้าค่ะ”
“ไม่มีเลยเหรอคะ?” ถามอย่างตกใจ ก่อนจะเผลอยิ้มออกมาทั้งที่ยังสงสัย “ฉันได้ยินว่าสมัยนี้ผู้ชายมีเมียเยอะ ๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกใช่เปล่า?”
บ่าวมีสีหน้าสงสัย “คุณพลอยถามชอบกล ภาษาก็ประหลาด... คนหัวใหม่ ไม่นิยมมีเมียมากมาย เพราะถือธรรมเนียมตามฝรั่ง จะมีอยู่บางผู้หัวเก่า ผิดสมัยไป ถึงมีเมียเกลื่อนกลาดเจ้าค่ะ”
“ฉันถามเยอะหน่อย ยังไงก็ขอบคุณนะคะ คุณเย็น” เธอส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร และได้รับมิตรภาพกลับมาเช่นกันในอีกรูปแบบหนึ่ง
“เรียกดิฉันเย็นเถิดเจ้าค่ะ”
“หรือจะให้เรียกพี่เย็นดีไหมคะ?”
“เช่นนั้น ดิฉันขอเป็นคุณเย็น”
เสียงหัวเราะเบา ๆ ระคนกันไป พลอยพิลาลอบมองวงหน้าหวานด้วยแววตาระรื่น จะไม่ให้คิดถึงยังไงไหว กชกรเป็นคนร่าเริงยิ้มง่ายเหมือนบ่าวเย็นไม่มีผิดเพี้ยน
“จริง ๆ ฉันอยากเรียกคุณกชด้วยซ้ำ เพราะคุณเย็นเหมือนเธอมาก ๆ”
“มีผู้หน้าตาสะสวยเหมือนดิฉัน พิกลนักเจ้าค่ะ” เย็นนึกขันว่าจะมีใครหน้าตาเหมือนเธอ ก้มหน้าสับผักต่อ ขณะที่เสียงจากมีดคม ไม่เป็นอุปสรรคกับคนถาม
“นอกจากป้าแช่ม คุณเย็น บ้านนี้มีแค่คุณชายกับท่านหญิงจอมหรือคะ?”
บ่าวหยุดการกระทำทุกอย่างเพราะคำถามของคุณผู้หญิง กลอกตาไปมา คิดอยู่ว่าควรพูดดีหรือไม่ หล่อนไม่ใช่บ่าวปากบอนที่ชอบพูดเรื่องของเจ้านายนัก
“บอกฉันเถอะค่ะ คุณเย็น ฉันจะได้รู้ว่าควรทำตัวยังไงเวลาที่อยู่ที่นี่ อะไรที่ไม่ควรถาม หรือคุณชายไม่ชอบอะไร ท่านหญิงไม่โปรดอะไร”
นายผู้หญิงพอจะมีเหตุผลอยู่มาก บ่าวครุ่นคิดถึงคำพูดของมารดาที่รู้เรื่องในบ้านนี้มากกว่าเธอซึ่งอยู่แต่ในครัวกับทำความสะอาดบ้าน ก่อนจะวางมีดลงจากมือที่สะบัดผักออกลวก ๆ
“คุณชายอยู่กับท่านหญิงจอมเจ้าค่ะ วังนี้เป็นทรัพย์สมบัติองค์ท่านเอง ท่านตัดสินพระทัยพาบุตรชายเสด็จกลับมาตั้งนมนาน เพราะกรมหมื่นรามนเรศ ท่านมีเมียน้อยมากมายเจ้าค่ะ บ่าวที่นี่นอกจากดิฉันกับแม่ มีอีกห้าคนอยู่เรือนหลังเจ้าค่ะ”
เป็นเรื่องเศร้าที่ทำให้ไม่กล้าถามต่อในเรื่องครอบครัวของชายหนุ่ม ทั้งสีหน้าของคนเล่าเองก็ดูไม่ค่อยจะดีนัก
“อ้อ.. บ่าวอยู่เรือนข้างหลังบ้านนี้หรือคะ?”
“เจ้าค่ะ มีแต่ดิฉันกับแม่ได้รับอนุญาตให้มารับใช้ท่าน คุณชายท่านไม่ชอบให้บ่าวผู้หญิงมาวุ่นวายที่นี่ แต่กับดิฉัน ท่านเห็นดิฉันมาแต่ตัวเล็ก ๆ เจ้าค่ะ ตัวท่านเองก็เปรียบเสมือนผู้ใหญ่สำหรับดิฉันเจ้าค่ะ”
ด้วยหน้าตาสะสวยของบ่าวเย็นแล้วได้เป็นชายคงจะต้องมีความคิดในเชิงชู้สาว พลอยพิลาเห็นเป็นอีกอย่าง เลิกคิ้วหลิ่วตาถามซุกซน
“คุณชายท่าน.. ไม่ชอบบ่าวผู้หญิง แล้วท่าน.. ชอบผู้ชายหรือจ้ะ?”
“อุ๊ยตาย.. คิดกระไรเช่นนั้นเจ้าคะ? คุณพลอย” บ่าวสาวมีสีหน้าตกใจ แต่นายผู้หญิงกลับยิ้มกรุ้มกริ่ม
“คือฉัน.. เคยดูในละครน่ะ มันมีความรักนายบ่าว อะไรประมาณนี้น่ะจ้ะ ฉันไม่ได้หึงหวงอะไรคุณชายนะ คืออยากรู้อ่ะ..”
“คุณชายท่าน..” เย็นหรี่ตาเล็กลง ขณะอีกคนขยับเข้าหาหล่อนด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็น
“คุณชาย.. ทำไมจ้ะ?”
“ท่านหลงคุณพลอยเสียขนาดนั้น คุณพลอยไม่แลเห็นความรักใคร่ของท่าน ก็คงจะตาบอดไปเสียแล้วกระมัง”
ใบหน้าสดสวยเห่อร้อนจัดทันทีที่ได้ยิน เธอถอยห่างออกจากบ่าวช่างแซวเพื่อดึงสติกลับมา อย่างน้อย ๆ เธอต้องรู้จักวางตัวและเอาตัวรอดอยู่ที่นี่ จะได้ไม่ต้องไปตกระกรำลำบากที่ไหน
“แล้วคุณชายเธอเป็นคนยังไง มีอะไรที่ไม่ชอบเป็นพิเศษไหมคะ?”
สัญชาตญาณของบ่าวที่มีได้อยากรู้อยากเห็นคงอดไว้ไม่ไหว “คุณพลอยไม่ได้เป็นคนรักของคุณชายฤาเจ้าคะ?”
“คุณชายเป็นผู้มีพระคุณของฉันจ้ะ ท่านช่วยชีวิตฉันไว้ แต่อนาคตอาจจะเป็นอย่างอื่นก็ได้ ถ้าคุณเย็นบอกฉันว่าคุณชายท่านชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ฉันจะได้เอาใจคุณชายถูก”
หากนับว่าเป็นการเกลี้ยกล่อมก็หลอกบ่าวได้ดีอยู่ทีเดียว คนที่ดูไม่ค่อยเชื่อแอบอมยิ้มอยู่ ยังยอมตอบ
“คุณชายท่านใจดีเจ้าค่ะ มีเงียบขรึมอยู่แค่ตอนสอนหนังสือ บางครั้งท่านพูดจาภาษาชอบกล ก็ต้องหาวิธีเข้าใจเอาเอง บางวันคุณชายเกิดอยากว่าภาษาอโยธยา ก็ว่าอยู่ครึ่งค่อนวัน เจ้าค่ะ”
หญิงสาวพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวในหัว คิดไม่ต่างกันว่าชายหนุ่มทำตัวแปลก ๆ ไหนจะเรื่องที่เขารู้เรื่องราวของผู้คนในยุคเธอ กับเรื่องสร้อยทับทิม ว่าภาษาอโยธยาได้ครึ่งค่อนวันยิ่งไปกันใหญ่
“คุณเย็นบอกว่า คุณชายพูดภาษาแปลก ๆ นี่มันยังไงคะ?”
“ภาษาไม่ผิดเพี้ยนไปจากคุณพลอยเทียวเจ้าค่ะ ดิฉันยังเห็นเป็นเช่นเดียวกับท่านหญิงว่า”
“แปลว่า... ท่านหญิงจึงอนุญาตให้ฉันอยู่ที่นี่?”
บ่าวส่ายหน้าไปมา “เพราะคุณชายเจ้าค่ะ ท่านดูชอบพอรักใคร่คุณพลอยกว่าใคร”
คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเป็นปมกับคำว่า “กว่าใคร?”
“คุณชายท่าน เห็นกันว่าให้ท่าอยู่ทั่วไป คุณหญิง คุณนาย ท่านได้พะนอด้วยคำหวาน แต่ก็เท่านั้น ไม่เคยจะพาใครมากราบท่านหญิงสักคนเจ้าค่ะ” บ่าวช่างตอบก็ตอบอย่างลืมตัว มาทำหน้าตกใจอยู่ทีหลังว่าเผลอหลุดปากอะไรไป
พลอยพิลาได้ยินอยู่แค่คำแรก ๆ ‘ให้ท่าอยู่ทั่วไป’ สะบัดหน้าพรืด ลุกไปจากเก้าอี้ตัวเตี้ยกลมเสียดื้อ ๆ
“ให้ท่าไปทั่วพระนครสินะ!”