บทที่ ๖-๑ : ให้ท่าไปทั่วพระนคร

1269 คำ
บทที่ ๖-๑ : ให้ท่าไปทั่วพระนคร โรงเรียนนายเรือ ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ “อาตมาบิณฑบาตผ่านมาทางนี้ เห็นว่าโยมท่านกำลังหลงทาง ได้รับความลำบากอยู่ ตามอาตมามาที่วัดเถิด” น้ำเสียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาราวพระโพธิสัตว์ บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยตามวัยของพระภิกษุสูงอายุผุดรอยยิ้มบาง ๆ หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบเอ็ดปีในชุดราชปะแตน นุ่งโจงกระเบนม่วง สภาพเปียกปอนน้ำชุ่มโชกกายมองไปรอบ ๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ผิดเพี้ยนไปจากความทรงจำอย่างงุนงง ไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ขมับเต้นตุบทำให้ต้องยกมือกุม ก่อนที่จะถูกเร่งเร้าอีกรอบ “มาสิ โยมท่าน..” “เอ่อ.. ขอรับ.. พระครู” คุณชายอินทรียกมือไหว้ปลก ๆ รีบลุกจากพื้นปูนร้อน อาสาช่วยเด็กวัดถือของ เดินตามพระสงฆ์ไป ในเมืองอันแสนวุ่นวาย คอยลอบมองซ้าย ขวา ด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด บ้างยกมือขึ้นป้องปาก รถยนต์หน้าตาประหลาด ดูล้ำหน้ากว่ารถยนต์เมืองฝรั่งเป็นหลายเท่า ฝุ่นควันที่ทำเอาสำลักนี่อะไร? ผู้คนเดินไว ๆ เหมือนรีบไปไหน แต่งตัวชอบกลนัก หน้าตาคร่ำเครียดทำอะไรกันก็หาได้ทราบ เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับจอสี่เหลี่ยมในมือ กดไปกดมาไม่สนใจผู้ใด เดินมาได้สักพัก เขาก็ทนไม่ไหว “พระครู.. กระผมอยากจะเรียนถาม” “ไม่ต้องตกใจโยมท่านเจ้าคุณว่างถือของ ก็ไม่ต้องมองเยอะ คิดเสียว่าเดินจงกลม นับลมหายใจไปเรื่อย ๆ พอถึงวัด อาตมาจะเล่าให้ฟัง” พระครูพูดดูง่าย ใครมันจะทำได้! คงต้องบรรลุเปรียญธรรมเก้าประโยค สมาธิแตกฉานจนมีณาน ณานหรือ..? ใช่ทีเดียว พระท่านนี้รู้จักเขาได้ยังไง? คิ้วเข้มหนาที่เรียบเฉียงไปกับดวงตาคู่คมขมวดเข้าหากัน ยามเพ่งมองผ้าจีวรสีเหลืองเข้ม และกริยาย่างเดินอย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยสัมปชัญญะ ครั้นจะอ้าปากถาม ท่านเหมือนคาดเดาใจของเขาได้อย่างแม่นยำ “ได้นับลมหายใจหรือเปล่า? โยมท่านเจ้าคุณ อนาปานุสติกรรมฐาน หายใจเข้านึกว่า ‘พุท’ ในใจ หายใจออกนึกว่า ‘โธ’ ในใจ ไม่ยากหรอก ไม่เป็นก็ลองทำดู” พระอาจารย์ธรรมธรว่าแล้วก็หยุดย่างก้าวลงเพื่อบอกเด็กวัดอีกคน “แกก็ทำด้วย ไอ้เป็ด” “อ้าว! หลวงตา ไมเรียกผมไอ้เป็ด เรียกไอ้นี่เจ้าคุณ มันเป็นยาดมเหรอหลวงตา” ถึงมีความหมายที่ไม่อาจทราบ ราชนิกุลหนุ่มใหญ่ไม่รอช้าที่จะเอาเรื่อง! “กูเป็นโอรสคนเดียวของหม่อมเจ้ากุลนาถ แลได้รับตำแหน่งพระยาพิพิธพัฒนากร อ้ายเด็กปากเปราะนี่ มึงรุ่นไหน?” ได้ยินภาษารุ่นคุณปู่ เด็กวัยรุ่นหัวเกรียนเวียนหัวรีบยกมือไหว้ปลก ๆ “โทษครับพี่” พระภิกษุสูงวัยก็ปรามทางสายตาให้หายข้องใจ ก่อนจะเดินบิณฑบาตต่อไป กระทั่งถึงจุดหมายคือวัดร่มรื่นริมแม่น้ำเจ้าพระยา ชายหนุ่มได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเช่นแขกเหรื่อ เด็กที่ชื่อเป็ดพาเขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องพักของเสมียนวัด คนทำบัญชี ตามคำขอของพระอาจารย์ธรรมธร ที่ไม่ได้บอกแม้กระทั่งว่าเขาเป็นใคร ด้วยคงไม่อยากโป้ปดให้ผิดศีล หรือตอบคำถามให้มากความ ว่ากันว่า พระอาจารย์ธรรมธร เป็นพระภิกษุอาวุโสผู้ปฏิบัติกิจของสงฆ์อย่างเคร่งครัด ตลอดระยะเวลาที่บวชมากว่าห้าสิบพรรษา ชาวบ้านละแวกนี้จึงให้ความนับถือท่านเป็นอย่างมาก ถึงขั้นลือกันไปว่าท่านเป็นพระผู้สำเร็จธรรมตามรอยพระพุทธองค์ ปลงวัฏสงสารได้จนรู้เห็นอดีตชาติ อุบาสก อุบาสิกาบางคนชื่นชอบที่จะมาขอเลขเด็ด ๆ ก็บ่อยไป ทว่าพระครูไม่จะไม่พูดอะไรแม้สักคำเดียว เพราะพูดไป คนฟังมักเอาไปตีเป็นเลขเสียหมด พระอาจารย์ธรรมธรปฏิบัติกิจสงฆ์เสร็จ นั่งสมาธิอยู่ในพระอุโบสถ ท่านรับรู้ได้ แม้อีกคนยังไม่ก้าวขาเข้าโบสถ์ดีด้วยซ้ำ “โยมท่านเจ้าคุณพิพิธฯเดินทางมาไกล อาบน้ำเย็น ๆ แล้วสบายดีไหมเล่า?” เจ้าของร่างสูงในชุดลำลอง เสื้อยืด กางเกงยีนส์คุกเข่าลงคลานไปนั่งหน้าอาสน์สงฆ์ ยกสองมือขึ้นประนม “กระผมสะดวกสบายดีขอรับพระครู น้ำอุ่นก็มี ทั้งที่อากาศร้อนเช่นนี้ ผู้คนที่นี่ทำตัวพิลึกพิกลนัก” “สบายดีก็ดีแล้ว ก่อนอื่น ขอสร้อยที่คอให้อาตมา เอาใส่พานไว้ตรงนั้น” ปรายตามองไปทางพานสีทองที่วางอยู่หน้าพระประธานศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธรูปปางมารวิชัยหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ชายหนุ่มถอดสร้อยคอทับทิมแล้ววางไว้บนพานตามที่พระอาจารย์ธรรมธรบอก “สร้อยทับทิมเส้นนี้ เป็นต้นเหตุให้ท่านต้องมาอยู่ที่นี่ อาตมาไม่อยากให้เอาเข้าวัดด้วยซ้ำ แต่ดูท่าจะไม่ง่าย มันคงอยู่กับโยมท่านไปพักใหญ่ ช่วงนี้พยายามอย่าห่างวัด อาตมาคงพอช่วยอะไรได้บ้าง” ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่กับเขาซึ่งสำนึกรู้ในอดีตชาติตนมานมนาน แต่ที่น่าตกใจคือคำพูดของนายเป็ดว่าที่นี่เป็นเมื่อไร ใบหน้าเครียดเข้มเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “กระผมมาไกลถึงพระพุทธศักราชนี้เพราะหล่อน หรือว่าเป็นเพราะสร้อยเส้นนี้กันแน่ พระครู.. กระผมควรทำอย่างไรดีขอรับ?” พระอาจารย์ธรรมธรสูดลมหายใจเข้าลึก “ให้เป็นไปตามบุญกรรมที่ทำมาเถอะโยม หากบุญพาวาสนาถึง ก็คงจะได้พบกัน แต่ถ้าไม่... โยมท่านเจ้าคุณก็ต้องรอ อย่างที่เคยรอมานั่นแหละ” ถึงเศร้าอยู่เท่าไร แววตาคู่หวานคมเต็มไปด้วยประกายแห่งความหวัง เมื่อพบคนที่จะสามารถตอบคำถามของเขาได้ “กระผมยังสงสัย.. บางครั้งผมระลึกชาติตนไม่ได้ บางครั้งผมก็จำได้ บางครั้งยังเหมือนมีใครพูดจาผ่านตัวผม มันคืออะไรขอรับ?” “เป็นดวงจิตในภพชาติก่อนของโยมท่าน สร้อยเส้นนี้มีทั้งของดีและไม่ดี แต่ดูว่าท่าทางจิตอาฆาตนั้นจะมีเยอะกว่า มันถึงได้ร้อนยังไงเล่า? อาตมาคงบอกได้เพียงเท่านี้ เพราะจะไม่เป็นการดีทั้งโยมท่านเอง บรรดาเหล่าเจ้ากรรมนายเวรก็จะไม่พอใจอาตมาที่เข้าไปแทรกแซง” “ขอรับ พระครู” ชายหนุ่มก้มหน้าลงกราบเบื้องหน้าอาสนะ เบื้องหน้าพระรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เมื่อได้รับความช่วยเหลือมาถึงขนาดนี้ ก็มากเกินพอกับตัวเขาที่สร้างเวรกรรมไว้กับผู้คนมากมาย ตัวเขานั้นรู้ดีเพราะกรรมที่จะต้องจดจำเหตุการณ์เหล่านั้นได้ทุกชาติไป หากเป็นเพราะเมตตาธรรมอันยิ่งใหญ่ พระภิกษุชรานึกเวทนาชายตรงหน้าที่กลับตัวกลับใจเป็นคนดีมาตลอด ตัดสินใจเล่าความอีกเล็กน้อย “ในอดีตชาติของอาตมานั้นเคยเป็นถึงพระโหราธิบดี แต่ด้วยความมักใหญ่ใฝ่สูง เข้าข้างคนผิด อาตมาจึงได้สร้างกรรมใหญ่ไว้กับโยมท่าน กับลูกเมียของโยมท่าน อาตมาแก้กรรมไม่ได้ ไม่มีใครสามารถทำได้ อาตมาคงให้ความช่วยเหลือได้เท่านี้ อาตมาจะให้ไอ้เป็ดมันพาไปชมรอบ ๆ เมือง รับรองว่าโยมท่านจะติดใจ จนไม่อยากกลับไปยุคสมัยของตนเชียว”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม