บทที่ ๕-๒ : คุณชายสายอ่อย

1660 คำ
บทที่ ๕-๒ : คุณชายสายอ่อย กริยาปลุกปั่นอารมณ์ชายแกร่งทำให้เขาต้องโต้กลับด้วยการพ่นลมหายใจร้อน ๆ ลงบนลำคอเพรียวระหง เลื่อนมือข้างหนึ่งลงแตะเอวบางร่างน้อย กระซิบเสียงแหบพร่า “แม่พลอย... ฉันไม่ช่วยใครฟรี ๆ” ไม่มีทางที่ผู้หญิงรุ่นเธอจะไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรกับเจตนาคุกคามทางเพศอย่างโจ่งแจ้ง! ฝ่ามือร้อนไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวไปจากเอว ซึ่งเธอดันอยากถูกบีบเฟ้นให้หนำใจเสียอย่างนั้น เรียวปากงามเม้มแน่นแล้วคลายออก “ฉัน.. ขอติดไว้ก่อนนะคะ...” “เอาตัวรอดเก่งดีนะเรา” ไม่ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ต้องการหรือไม่ก็ตาม เขาคงยอมได้สักหน่อย “ได้ซี ฉันจะให้ติดไว้ก่อน” คนได้ยินเหลือบตามองกรามแกร่งที่มีเคราเขียวขึ้นแซม ใจตุ้มต่อม “แต่ดอกเบี้ย จะมาเก็บทุกวัน” “ดอกเบี้ย..?” ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง เมื่อริมฝีปากหนาหยักได้รูปฝังจุมพิตแสนนุ่มนวล ทะนุถนอม พากระแสไฟลูกเล็ก ๆ วิ่งผ่านกลางหน้าผากไป พร้อมแววตาวูบไหวครู่หนึ่ง ดอกเบี้ยแสนปราณีเหมือนเป็นกำไรให้ลูกหนี้เสียมากกว่า วงหน้าเห่อร้อนเงยขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาลงตัว จะว่าสวยก็สวยเสียกว่าผู้หญิง หากแฝงความคมคายไว้ในรอยยิ้มที่ปรากฎเขี้ยวคมไว้ตรงมุมปาก เขาอยู่ใกล้เสียจนได้กลิ่นตลบอบอวลของน้ำหอมบุรุษจนสมองอื้ออึง “มองฉันด้วยสายตาแบบนั้น.. ฉันจะถือว่าหล่อนต้องการจ่ายพิเศษ” คนถูกทักหลุบตาหนีในทันที ขณะที่รอยยิ้มกรุ้มกริ่มปรากฏบนใบหน้าหวานคม ไม่รู้ว่ามีแผนการอะไรอยู่หรือเปล่า “ไปล้างหน้าล้างตาเถอะ ฉันจะพาหล่อนไปกินอะไรเย็น ๆ ให้คลายร้อนสักหน่อยปะไร” ผ่านถนนหนทางของกรุงเทพฯแรกเริ่มเจริญ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติสัญจรโดยรถเกวียนวิ่ง รถม้า รถยนต์รุ่นโบราณ ตึกรามบ้านช่องรายเรียงสองข้างทางเล็กแคบ มีไปรษณีย์โทรเลข เสาไฟฟ้าโบราณ ดูศิวิไลซ์กว่าที่จินตนาการไว้ แม่น้ำ ลำคลอง ต้นไม้ตลอดรายทาง ร่มรื่น เย็นตา ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใจ ผู้ชายยังนุ่งโจงกระเบน เสื้อคอเปิดผ้าเบาสบาย ผู้หญิงนิยมนุ่งซิ่น มีเครื่องประดับคาดรอบศีรษะเป็นแฟชั่น บางคนนิยมตัดสั้นแบบเรียกว่าทรงซิงเกิ้ล คนอายุมากยังนุ่งโจงกระเบน ไว้ผมทรงดอกกระทุ่ม ต่างจากผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วที่แต่งตัวเนี้ยบ ในชุดราชปะแตน หรือเสื้อผ้าฝรั่ง มีรถยนต์ขับ มีให้พบอยู่ประปราย คุณชายอินทรีคอยให้ข้อมูลเรื่องสถานที่และการใช้ชีวิตของผู้คนในยุคนี้ จนรถยนตร์รุ่นโบราณคลาสสิคจอดลง หน้าตึกสองชั้นสีครีมสลับบานหน้าต่างสีเขียวในรูปแบบเดิม ๆ มีรถรางที่เลิกให้บริการมาแล้วร่วมกึ่งศตวรรษ “ถนนเจริญกรุง ถนนคอนกรีตสายแรกของไทย ใช้เทคนิคการสร้างแบบยุโรป สภาพไม่ต่างจากร้อยปีจากนี้เท่าไร หล่อนคงจะจำได้” ชายหนุ่มยังคงไม่บอกถึงที่มาที่ไปว่ารู้เรื่องอนาคตได้อย่างไร ซึ่งคนที่เอาแต่ทำตาโตก็ไม่มีท่าทีว่าจะสนใจเรื่องอะไรไปมากกว่าทุกสิ่งรอบกาย ลืมความคิดที่ว่าปีพ.ศ. 2455 ไม่มีอะไรให้เที่ยวไปเสียสนิท ยังไม่ถามว่าจะกลับบ้านยังไงแม้สักคำ “ฉันยังไม่เห็นตู้เย็น อยากกินอะไรเย็น ๆ เลยต้องมาซื้อถึงที่ถนนเจริญกรุงใช่ไหมคะ?” “ก็มีอยู่ หลายปีก่อนมีตู้เย็นรุ่นแรกทำด้วยไม้ชื่อ ‘โดเมลรี’ ที่เมืองชิคาโก บ้านเรายังไม่ได้นำเข้ามาใช้ ถ้าอยากกินของเย็น ๆ ต้องมา ‘น้ำแข็งสยาม’ หรือที่ชาวบ้านเรียก ‘โรงน้ำแข็งนายเลิศ’” “คุณชายเคยไปชิคาโกหรือคะ?” “ไม่เคย” “แล้วคุณชายรู้ได้ไง?” ถามด้วยสีหน้าสงสัย และได้รับรอยยิ้มในแบบที่เธอไม่ชอบเอาเสียเลย เพราะไม่รู้ว่าหลอกล่อสาวมาไม่รู้ต่อกี่ราย ไหนจะสายตาอ้อนหวาน แต่กลับแฝงความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ “ทีเรื่องที่อยากรู้ ไม่ตอบ เอาแต่ยิ้มอะไรก็ไม่รู้” บ่นแล้วเบือนหน้าไปอีกทาง ก่อนที่เธอจะได้คำตอบในน้ำเสียงจริงจัง “ฉันไม่รู้จะเริ่มตอบหล่อนตรงไหนดี เพราะเรื่องราวมันยาวอยู่มาก ตอนนี้ฉันกำลังคิดอยู่แต่เรื่องน้ำแข็งกด หรืออะไรสักอย่างหนึ่ง ให้หล่อนได้คลายเหงาจากความคิดถึงบ้านลงบ้าง อืม.. ฉันคงดั้นด้นไปหาให้หล่อนได้ทุกอย่างกระมัง” เสียงอึกทึกในอกสาวดังต่อจากนั้น กับการเอาอกเอาใจสไตล์คุณชายปู่ทวด! ดวงตาคู่สวยหลุบหนียังว่า “คุณชาย.. คิดอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ?” “ให้ท่าไปไม่รู้ต่อกี่รอบ ถ้ายังไม่รู้ตัวก็ไม่รู้จะว่าไง... ไปเถอะ” คนพูดไหวไหล่ ก่อนจะก้าวลงจากรถไปให้ความช่วยเหลือสุภาพสตรีในอีกฝั่งหนึ่ง แม้จะถูกค้อนวงโต บ่นงึมงำ ‘อ่อยไปทั่วหรือเปล่าก็ไม่รู้’ ท่าทีเง้างอนที่ดูเท่าไรก็ช่างน่ารักเสียเหลือเกิน ทำเอาเขาอมยิ้มไปตลอดทางเดิน ไม่ไกลจากที่จอดรถยนต์ไว้ ท่ามกลางความพลุกพล่านของเรือแจวขนข้าวในคลองผดุงกรุงเกษม สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ไฮโซสาว ผู้ไม่เคยเหยียบสถานที่แห่งไหนนอกจากเพ้นเฮ้าส์หรู ที่ทำงาน และห้างสรรพสินค้า แม้มีกำแพงมนุษย์คอยเดินบังหน้าตลอดเวลาจนมองแทบมองไม่เห็นทาง แต่เขาก็จะคอยเหลียวหลังอยู่เสมอ คุณชายอินทรีมีความคิดอยู่อย่างหนึ่งที่อยากพูดแต่ไม่ได้พูดสักที จึงละฝีเท้าให้ช้าลง เอี้ยวตัวบอกคนข้างหลัง “หล่อนเป็นคนตลกนะแม่พลอย ชอบทำหน้าตลกตกใจ แต่พอถูกมองเข้าหน่อย ทำวางมาด ไม่รู้ว่ากลัวไม่สวยหรือยังไง” “คะ.. อะไรนะคะ?” สีหน้างุนงงกลับเป็นปรกติ เธอคงจะได้เอาเรื่อง หากไม่พบรอยยิ้มที่มาพร้อมคำหยอดหวาน “คนสวยยังไงก็สวย หล่อนสวย.. เกินกว่าจะเป็นผู้หญิงในยุคนี้” เขาเดินนำไปเหมือนที่เคยทำ พลอยพิลาลอบยิ้มกับคำชม และท่าทางเหมือนเด็กขี้หวงที่ชอบซ่อนของเล่นไว้ข้างหลัง เพราะไม่อยากให้เพื่อนหรือใครเห็น หน้าร้านค้าที่มีลักษณะเป็นห้องใต้อาคารมีโดมหลังคา ได้ยินสำนวน ‘ปั้นน้ำเป็นตัว’ ที่มาของแรกเริ่มมีน้ำแข็งว่าเป็นเรื่องโกหก ระหว่างผู้คนสนทนากัน เธอสังเกตว่าคนขาย นาย บ่าวที่รู้จักมักจี่คุณชายนายเรือ มักเป็นฝ่ายยกมือไหว้ก่อน ทั้งที่เจ้าตัวออกจะหน้าเด็กกว่า คนส่วนใหญ่ยังเรียกเขาว่าเจ้าคุณพิพิธฯ ท่านเจ้าคุณ แทนที่จะเรียกคุณชาย ซึ่งเธอคาดเดาว่าคงมีแค่คนสนิทเท่านั้นที่เรียก ครั้นพอนึกถึงคำพูด ‘...ฉันเกิดปี พ.ศ. 2413..’ มือเรียวถึงได้ยกขึ้นป้องปาก “คุณชายอายุสี่สิบสอง?” คนถูกทักดูภูมิใจกว่าปรกติที่มีแต่คนคอยบอกว่าหน้าเด็กอยู่บ่อยไป เขาอยากได้ยินจากปากหญิงสาวมากกว่า “เป็นคำถาม คำชม หรือจะบอกว่าฉันแก่ใช่ไหม? หล่อนคิดว่าฉันอายุเท่าไรกันล่ะ” “ฉันนึกว่าคุณชายอายุราว ๆ สามสิบ..” “นั่นซี คงเพราะฉันดูแลตัวเอง ท่านแม่ชอบเอาสมุนไพร เอาอะไรมาให้ใช้.. นุ่มเนียนดีไหม?” ชายเสื้อเชิ้ตแขนยาวถูกเลิกขึ้นเล็กน้อย คล้ายให้ท่าตามที่ลั่นวาจา พลอยพิลาคงไม่ได้เอะใจ เพราะมัวแต่ก้มหน้ามองผิวนวลน้ำผึ้งละเอียดพอ ๆ กับผิวของเธอผู้ใช้แต่เครื่องประทินผิวดี ๆ ตามประสาคนรักสวยรักงาม แน่ว่ามีเผลอใจจนอยากลองจับหาความจริงดูสักหน่อย แต่ไว้เชิงอยู่ไม่น้อย... “ติ้กต้อก..” เสียงทุ้มว่า ให้โอกาสหญิงสาวที่ยกมือช้าไป แขนเสื้อสีขาวสะอาดถูกดึงไว ๆ ปิดไว้เช่นเดิม “หมดเวลา” ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะบอกคำเฉลยไปตามจริง “เมื่อก่อนตอนหนุ่ม ๆ ตากแดด ตากลมทะเล ฉันไม่ได้ขาวเท่านี้ดอก แต่เป็นเพราะว่าย้ายมาอยู่แต่ใน ออฟฟิซ ผิวมันคงจะผลัดดำเป็นขาวไปเองกระมัง” แล้วคนช่างแกล้งก็เดินไป มือหยิบเศษสตางค์ในกระเป๋าเสื้อส่งให้คนขาย “น้ำแข็งกดแท่งหนึ่ง” นี่เขาอ่อย! หญิงสาวหน้าตะลึงงัน ในอีกครู่หนึ่งน้ำแข็งใสเป็นเกล็ด อัดลงในถ้วยเป็นแท่ง เอาไม้เสียบถือ ราดด้วยน้ำหวาน ในมือหนายื่นมาตรงหน้า “ลองชิมดู” ชายหนุ่มอยากให้คนพลัดถิ่นได้ลองอะไรในยุคนี้จริง ๆ ทว่าแม่สาวคนงามกลับทำท่าลังเล ยืนนึกอะไรอยู่หลายนาน จนต้องเรียก “แม่พลอย เดี๋ยวมันจะละลาย” “ค่ะคุณชาย ขอบคุณค่ะ” สุดท้ายเธอก็รับเจ้าน้ำแข็งเสียบไม้ อย่างรักษามารยาท หยดน้ำเหนียวเหนอะหนะจึงไหลลงตามแรงโน้มถ่วง มือหนาคว้าเข้ามือเรียวหมับ! ในท่าทางมีลับลมคมในเท่านั้น “ท่าทางหล่อนจะไม่ชอบของหวาน” ร่างสูงโน้มตัวลง ละเมียดละไมชิมน้ำแข็งเสียบไม้อย่างเอร็ดอร่อย ดวงตาคู่กลมโตโพล่งมองปลายลิ้นหนาที่ผลุบ ๆ โผล่ ๆ จนริมฝีปากหนาหยักได้รูปสวยอมแดงชมพูแตะจุมพิตร้อนลงบนหลังมือ ดูดกลืนหยดน้ำหวานจนเกลี้ยงเกลา เหมือนว่าไม่เคยมีสิ่งเปรอะเปื้อนมาก่อน ก่อนจะผละออกพร้อมยิ้มกริ่ม หลุบตามองด้วยสายตามีเลศนัย “หวานดีนะ หนูพลอย” พลอยพิลาขี้คร้านจะสั่นไปทั้งตัว!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม