จางหยูเฟยส่ายหน้า สำหรับนางแล้ว แม้จะชื่นชมของสวยงาม แต่เรื่องปากท้องของผู้คนในจวนมีความสำคัญกว่า
“ยิ่งเจ้าพูดว่าผ้าชิ้นนี้งดงามมาก ข้ายิ่งคิดว่าจะตั้งราคาได้สูงมากขึ้นไปอีก เอาละหลินเอ๋อร์ อย่าพูดมากอีกเลย ทำตามที่ข้าสั่ง ให้นำไปรวมกับผ้าไหมยกอื่นที่จะส่งขาย” จางหยูเฟยสั่งเสียงเฉียบ
“เจ้าค่ะ คุณหนู” เมื่อรุกคืบไม่ได้หลินเอ๋อร์จำต้องยอมแพ้เจ้านายสาวผู้ประเสริฐ นางรู้ดีคุณหนูทำเพื่อผู้คนทั้งจวน ไม่มีสกุลใดมีเจ้านายงามทั้งกายงามทั้งใจเท่ากับสกุลจางอีกแล้ว
หลินเอ๋อร์รับไปรวมไว้กับกองผ้าที่ห่อเสร็จแล้ว เตรียมนำไปส่งที่ร้านเถ้าแก่ฮง นางได้แต่สงสารคุณหนูของนางที่ไม่ยอมใช้เงินเพื่อตัวเองบ้างเลย ได้เงินจากการค้าเท่าไรก็นำมาใช้จ่ายภายในจวนหมด
จางหยูเฟยมองออกว่าหลินเอ๋อร์เสียดายผ้าไหมยกนั้นแทนนาง แต่นางไม่นึกเสียดายสักนิด ความงามไม่ได้ทำให้ท้องอิ่มได้ และนางก็ไม่ปรารถนาใช้ความงามเป็นบันไดพาตัวเองไปสู่ความมั่งคั่ง
ตอนนั้นบิดาเคยจะส่งตัวนางเข้าวังไปเป็นสนม แต่นางไม่อยากเข้าวังเลยขอร้องบิดาว่าให้แจ้งกับทางการไปว่านางเป็นสตรีที่รูปกายไม่งาม นางจึงไม่ต้องถูกส่งตัวเข้าวังโดยติดสินบนเจ้าหน้าที่ให้รายงานไปว่านางมีข้อบกพร่อง และเป็นเวลาเดียวกันกับที่เชี่ยนเสวี่ย ท่านน้าของนางถูกส่งตัวเข้าไปเป็นฮองเฮา นางเห็นท่านน้าถูกแต่งตั้งเป็นฮองเฮาแล้ว นางจึงไม่อยากใช้สามีร่วมกับน้าของตัวเอง จึงออกอุบายเช่นนั้นออกไป อีกอย่าง ก็เพราะไม่ชอบฮ่องเต้เกเรที่ชอบใช้อำนาจบุกรุกบ้านคนอื่น แล้วบิดาของนางและพี่ชายก็ถูกสั่งให้ไปออกศึกไม่เว้นว่าง
***‘แล้วจะให้ข้ารักคนแบบนั้นลงหรือ ชิ! สตรีใดต่างแย่งกัน แต่ข้าขอร้องยี้’***
จางหยูเฟยจึงติดสินบนเจ้าหน้าที่คนหนึ่งให้ลงบันทึกว่านางมีรูปกายใต้อาภรณ์ที่ไม่งาม นางแจ้งไปว่าไม่คิดแต่งให้บุรุษคนไหน หนึ่งปีที่ผ่านมานางจึงไม่รับหมั้นจากบุรุษคนใดเพื่อไม่ให้คนในราชสำนักจับผิดนางได้
จางหยูเฟยไม่คิดพึ่งพาบุรุษอยู่แล้ว ยอนฮวาเคยบอกนางว่า…
***“เป็นสตรีต้องสตรอง”***
นางไม่เข้าใจว่าสตรองคืออะไร หรือบางทีอาจเป็นภาษาของพวกชาวโชซ็อนโบราณ
แต่ยอนฮวาพูดเสมอว่าเป็นสตรีงาม หากไม่พบบุรุษที่พึงใจก็อย่าหมายให้ใครมาเชยชม นั่นก็เป็นความคิดที่ดี จางหยูเฟยถอนใจ คิดถึงแม่ของซารังน้อยขึ้นมา ยอนฮวาเป็นคนมีความคิดกว้างไกลเกินกว่าสตรีด้วยกัน การพูดคุยกับยอนฮวาจึงเป็นสิ่งที่นางชอบทำ แต่วันนี้ยอนฮวาไม่อยู่เสียแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร
ภาพเสื้อผ้าของยอนฮวาที่วางกองไว้ชายป่าทำให้นางไม่กล้าคิดต่อเลยว่าคนสนิทของนางจะถูกขืนใจแล้วฆ่าทิ้งกลางป่าที่ไหนหรือเปล่า นางไม่กล้าปริปากพูดเรื่องนี้ออกไป
เพราะเป็นห่วงความรู้สึกของซารังน้อย
“คุณหนูเจ้าคะ ดื่มชาเสียหน่อยเจ้าค่ะ” ซารังเดินออกมาพร้อมกับพี่เลี้ยงสาวคนใหม่ เสียงของเด็กน้อยทำให้คุณหนูคนงามหันไปมอง
ดวงตาของจางหยูเฟยสบประสานกับกงลี่ถิง แล้วเป็นจางหยูเฟยเองที่ต้องเบือนหลบ
“ชาอะไรของเจ้าซารังน้อย ข้าเพิ่งดื่มชาไปเมื่อครู่ ยังอิ่มอยู่เลย”
ซารังน้อยอมยิ้ม “วันนี้อากาศร้อนเจ้าค่ะ พี่ลี่ถิงคนงามแนะนำว่าควรดื่มชาบ่อยๆ จะได้ช่วยดับร้อนในร่างกาย ซารังกับพี่ลี่ถิงเลยช่วยกันชงชามาให้คุณหนูดื่มเจ้าค่ะ” ซารังพูดไปอมยิ้มไปดูน่ารักน่าชัง พร้อมกับพยักพเยิดหน้าไปทางพี่เลี้ยงให้ยกถาดไปให้นายสาว ซารังขยิบตาให้พี่เลี้ยงสาว
จางหยูเฟยมองไปที่ลี่ถิง แวบหนึ่งนางอดคิดไม่ได้ว่าเหตุใดจึงไม่ชอบจ้องตากับลี่ถิงเลย ดวงตาคู่นี้คมคายมีแววฉลาดเฉลียว เหมือนซ่อนอะไรบางอย่างไว้ แต่บางครั้งกลับดูซ่อนเล่ห์ บางครั้งก็เหมือนกำลังมองอย่างจับผิดนาง
“เจ้านำไปเก็บก่อนเถอะ ข้ายังไม่อยากดื่มตอนนี้” จางหยูเฟยบอกเสียงนิ่งเรียบ
ท่าทางเฉยชานั้นไม่ได้ทำให้ฮั่นหลิวตี้ยอมเลิกรา เขาอมยิ้มแล้วดัดเสียงพูด “ชานี้ข้ากับซารังช่วยกันทำอย่างตั้งใจ คุณหนูจะไม่ลองชิมจริงๆ หรือ เหตุใดจึงทำให้คนที่หวังดีต่อ
คุณหนูต้องเสียน้ำใจด้วยเล่า”
ท่าทางและคำพูดแปลกๆ ที่ไม่เหมือนคนเป็นบ่าวพูด ทั้งยังดูวางอำนาจอย่างประหลาด ทำให้จางหยูเฟยขมวดคิ้วมองพี่เลี้ยงสาว แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เข้าใจว่าความประหลาดนั้นคืออะไร
ดวงตาคู่หวานราวนัยน์ตาดอกท้อมองถ้วยชาที่อยู่ในถาดแวบหนึ่ง ก่อนจะยกขึ้นมาถือไว้ในมืออย่างระมัดระวัง
จางหยูเฟยคิดจะตัดรำคาญ “ข้าจะดื่มก็ได้” นางบอกพร้อมกับมองท่าดีอกดีใจของซารังที่อยากให้นางดื่มเต็มที นางยกชาขึ้นจิบอึกหนึ่ง ทันทีที่น้ำชาอุ่นๆ ไหลผ่านเข้าสู่โพรงปาก ความหวานกำซ่านก็แผ่ไปทั่วลิ้น ประหนึ่งดื่มน้ำค้างกลางหาวที่ทั้งใสและบริสุทธิ์
***‘รสชาติดีเยี่ยม’***
ร่างกายของนางรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาจนอดชมเชยไม่ได้
“ชานี้รสชาติดีจริง ข้าไม่รู้มาก่อนว่าในจวนของเรามีชาดีเช่นนี้ด้วย”
ซารังน้อยที่ยืนคอยอยู่แล้วรีบพูด “พี่ลี่ถิง จริงอย่างที่พี่พูดจริงๆ ด้วย คุณหนูของข้าดื่มชาของท่านแล้วต้องชอบแน่ ชาของท่านวิเศษไปเลยเจ้าค่ะ ข้าจะไม่ว่าพี่สาวขี้คุยอีกแล้ว” ซารังส่งยิ้มฟันขาว ลี่ถิงอยากจะเขกหัวนังเด็กตัวแสบนัก ทว่าจางหยูเฟยหันมามองพอดี
“เจ้าพูดอะไรซารัง ข้าไม่เข้าใจ” จางหยูเฟยวางถ้วยชาลงกับโต๊ะ แล้วหันไปถามซารังน้อย
เด็กน้อยส่ายหน้าไปมา จางหยูเฟยจึงเงยหน้าขึ้นมองสาวใช้คนใหม่ที่เพิ่งรับเข้ามา
“ตกลงว่าชานี้เป็นมาอย่างไรกันแน่ ลี่ถิง เจ้าอธิบายให้ข้าฟังเดี๋ยวนี้” จางหยูเฟยปรายตามองที่ลี่ถิง
“แค่ชาถ้วยหนึ่งคุณหนูไยต้องคิดมาก”
“แค่ชาถ้วยหนึ่งหรือ เจ้าเป็นบ่าวสามหาวจริงๆ ข้าจะเลี้ยงเจ้าไว้ดีไหมนะ” จางหยูเฟยพูดด้วยความโมโห สายตาเหลือบมองไปที่ซารัง ทำให้เด็กน้อยรีบยกมือส่ายหน้าเป็นพัลวัน
“ซารังก็ไม่รู้เรื่องชาเจ้าค่ะ ซารังกำลังเล่นกับเพื่อนๆ อยู่ แล้วพี่ลี่ถิงก็เดินมาหา พร้อมกับบอกว่ามีชาดีอยากให้คุณหนูชิม พี่ลี่ถิงจึงชวนซารังยกชามาหาคุณหนู แล้วบอกว่าถ้าพามาหาคุณหนูจะให้...”
ฮั่นหลิวตี้ได้ยินจึงรีบเอ็ด “เจ้ารีบไปจิบชาไปซารัง บ่นคอเจ็บไม่ใช่หรือ หยุดพูดได้แล้ว จะได้ไม่เจ็บคอ”
คุณหนูคนงามได้ยินแล้วถลึงตาใส่สาวใช้คนใหม่ “ลี่ถิง เจ้าเลี้ยงเด็กเป็นหรือไม่”
ลี่ถิงหน้าเจื่อน เกรงว่าความลับจะถูกเปิดเผยก็หันไปขึงตาใส่เด็กน้อยแล้วรีบหันมาตอบคุณหนูคนงาม “ลี่ถิงพูดผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ลี่ถิงจะบอกให้ซารังน้อยไปดื่มน้ำรากบัว จะได้ไม่
เจ็บคอ เมื่อเช้าลี่ถิงเห็นซารังน้อยไอไม่หยุดเจ้าค่ะ”
เขาตื่นมาตอนเช้าไม่มีอะไรทำ ให้อยู่กับเด็กก็น่ารำคาญ เขาเลยหลอกล่อให้เด็กซารังนั่นพามาหาจางหยูเฟยที่นี่ แล้วบอกจะซื้อขนมให้นางกินจนอิ่ม
“อะไรของเจ้าลี่ถิง” จางหยูเฟยส่ายหน้าราวกับเหนื่อยหน่าย
“คือ... ข้าอยากมาพบคุณหนูเจ้าค่ะ”
จางหยูเฟยตะลึงไปชั่วขณะ แต่รีบกลบเกลื่อนเสียงดุ เหตุใดนางต้องรู้สึกเขินด้วย “เจ้าชวนซารังมาวุ่นวายที่นี่ด้วยเหตุใด ข้ามีงานต้องทำมากมาย ข้าต้องตรวจดูโรงทอผ้าไหม ทั้งโรงเครื่องปั้น ข้าไม่ได้จ้างเจ้าให้มาเกะกะวุ่นวาย แต่จ้างให้เจ้ามาดูแลซารังกับเด็กๆ หรือแค่นี้ก็ทำไม่ได้ ข้าจะได้ส่งเจ้าออกไปนอกจวนแล้วหาคนมาทำหน้าที่แทน”
ท่าทางวางอำนาจเช่นนี้มีหรือที่ฮั่นหลิวตี้จะหวั่นเกรง เขากลับนึกนิยมชมชอบนางมากขึ้นไปอีก เขามีโอกาสได้พบน้าสาวของนาง แต่ยังไม่ทันแตะต้องนางก็หายตัวไป แต่จางหยูเฟยผู้นี้เวลาเอาจริง นางวางท่าดั่งนางพญา น่าสนใจยิ่งนัก
ถ้าอยู่ที่วังหลวงเขาคงจะทำอะไรกับนางอย่างที่อยากทำได้ถนัดกว่านี้ แต่อยู่ที่นี่ ปล่อยนางวางท่าไปก่อน
“ข้าน้อยไม่ได้คิดทำตัววุ่นวายเจ้าค่ะ แค่คิดถึงคุณหนู อยากให้คุณหนูได้ดื่มชาดีก็เพียงเท่านั้นเอง ความหวังดีนี้ขอให้คุณหนูอย่ามองเป็นอื่น ข้าน้อยมีใจภักดีต่อคุณหนูด้วยใจจริง”
เห็นลี่ถิงพูดนอบน้อม จางหยูเฟยก็ไม่อยากเอาความอีก “เจ้าช่างพูดนัก เอาเถอะ แต่ข้ายังสงสัยเรื่องชา ชานี้เหมือนใช้ดื่มในวัง ไม่น่าจะมีขายตามตลาด เจ้าไปได้มาจากไหนกัน”
***‘ไม่โง่นี่ ไม่ได้สวยแค่หน้าตา รู้จักสังเกตด้วย’***