bc

ตัวร้ายอย่างข้าไม่ขอเป็นฮองเฮา

book_age18+
40
ติดตาม
1K
อ่าน
จบสุข
คู่ต่างขั้ว
เบาสมอง
สยองขวัญ
like
intro-logo
คำนิยม

โปรยปก

‘บิดาของนางต้องพรากจากมารดา ก็เพราะฮั่นหลิวตี้ ฮ่องเต้อันธพาล’

‘ท่านอาที่นางรักเคารพประดุจมารดาแท้ๆ หายสาบสูญไป ก็เพราะฮั่นหลิวตี้ ฮ่องเต้อันธพาล’

‘ซารังน้อย เด็กในปกครองของนางต้องพลัดพรากจากพ่อแม่ ก็เพราะฮั่นหลิวตี้ ฮ่องเต้อันธพาล’

จางหยูเฟย รังเกียจฮ่องเต้อันธพาลผู้นี้ยิ่งนัก จนไม่อยากเฉียดกายเข้าใกล้ นางถึงขั้นหลอกลวงเบื้องสูงหนีการคัดเลือกนางในก็ทำมาแล้ว แต่เหตุไฉนฮ่องเต้อันธพาลนั่นกลับกล้าปลอมตัวมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กอยู่ข้างกายนาง แล้วยังใช้เล่ห์กลวางหมากหลอกนางเข้ามาในวังแล้วยัดเยียดตำแหน่ง ‘หลานสาวฮองเฮา’ ให้

ตำแหน่งอะไร! ไม่เคยปรากฏในหน้าประวัติศาสตร์มาก่อน แต่เชื่อเถอะ ฮั่นหลิวตี้ โอรสสวรรค์ผู้นี้ทำได้ทุกอย่างโดยไม่สนกฎหรือธรรมเนียมใดๆ

“เอาหูมานี่”

คุณหนูจางหยูเฟยกระดิกนิ้ว ลี่ถิงเอียงหูมาใกล้นาง จากนั้นริมฝีปากแดงระเรื่อก็ขยับเอื้อนเอ่ยให้ได้ยินกันเพียงสองคน

“ฮ่องเต้ไร้คุณธรรมผู้นั้นรูปงามเสียที่ไหน อ้วนลงพุง คนขายหมั่นโถวที่ตลาดยังรูปงามกว่าหลายเท่า เจ้าไม่เคยเข้าวังคงยังไม่รู้”

คุณหนูคนงามไม่คิดว่าคนที่นางกำลังนินทาจะได้ยินบทสนทนานี้

‘ข้าลงพุงหรือ ข้าขี้เหร่กว่าคนขายหมั่นโถวที่ตลาดงั้นหรือ ดีละ พรุ่งนี้ข้าจะส่งทหารไปลากตัวคนขายหมั่นโถวไปประหาร โทษฐานที่หล่อกว่าข้า’

ฮั่นหลิวตี้ลอบมองจางหยูเฟย พอนางบอกเสร็จก็มองออกไปนอกหน้าต่างขณะที่รถม้ากำลังเคลื่อนไปข้างหน้า

‘ข้าว่าที่เจ้าไม่เข้าวัง คงเพราะคิดว่าข้าอ้วนลงพุงและไม่หล่อ’

“แล้วคุณหนูเคยเห็นพระพักตร์ฮ่องเต้แล้วหรือเจ้าคะ”

“ใช่ ข้าเคยเห็นครั้งหนึ่ง ท่านอาวาดภาพฮ่องเต้พอดี อาสาวของข้ามีฝีมือการวาดภาพยอดเยี่ยม เห็นจากภาพก็เหมือนเห็นจากพระองค์จริงนั่นแหละ แล้วอย่าปากมากเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเล่า ถึงหูฮ่องเต้โฉดเมื่อใด ข้ากับเจ้าอาจไร้เงาหัว”

‘ไม่ต้องห่วงแค่หัว ตัวเจ้าข้าก็จะฉีกเป็นชิ้นๆ’

‘บังอาจเกินไปแล้วนังหนู

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
1
ฮั่นหลิวตี้ประทับอยู่ที่โต๊ะทรงพระอักษรด้วยสีพระพักตร์สงบนิ่งมานานกว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว ขณะที่เว่ยกงกงได้แต่ลอบมองโอรสสวรรค์ด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่กล้าผลีผลามถามอะไรในเวลานี้ มหาขันทีผู้รับใช้ใกล้ชิดจึงได้แต่ฝนหมึกไปเงียบๆ ดวงตาผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างยาวนานลอบมองสีพระพักตร์ฮ่องเต้ครั้งหนึ่ง หากบอกว่าพระองค์เป็นฮ่องเต้รูปงาม ล้วนแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น ด้วยพระองค์นั้นอยู่ในวัยหนุ่มฉกรรจ์ ร่างกายกำยำสูงโปร่ง อกผายไหล่ผึ่ง เพียงแต่ยามสวมใส่อาภรณ์กลับดูซ่อนรูป มิได้ดูมีมัดกล้ามบึกบึนจนน่าหวั่นเกรงเฉกเช่นเหล่าขุนพลในกองทัพฮั่น พระพักตร์ของโอรสสวรรค์นั้นงดงามเกลี้ยงเกลาราวหยกขาวสลักเสลา พระเนตรมังกรที่ควรจะคมดุ น่าเกรงขามเฉกเช่นพระบิดากลับมีความคมและหวานล้ำราวนัยน์ตาท้อเช่นพระมารดา หากโอรสสวรรค์ผลิยิ้มจะมองเห็นฟันขาวงดงามราวกับไข่มุกทอประกาย ยามใดสวมชุดฉลองพระองค์สีขาว กลับยิ่งดูงดงามสูงส่งประหนึ่งเทพเซียนบนสวรรค์ที่ลงมาเดินอวดโฉมเล่นให้มนุษย์ในแดนดินได้ยลโฉมเป็นบุญตา ว่ากันว่าหากพระองค์เกิดมาเป็นสตรี คงเป็นสตรีที่สวยเทียมฟ้า งดงามล่มบ้านล่มเมืองไม่แพ้พระมารดาในวัยสะคราญซึ่งถูกยกย่องให้เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในแผ่นดินฮั่น ซ้ำยังมีกลิ่นกายหอมจนเป็นที่เลื่องลือไปทุกทิศ ฮั่นหลิวตี้มักจะไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาทางสีพระพักตร์ ไม่ว่าพระองค์จะอยู่ในอารมณ์กรุ่นโกรธหรือยินดี สีพระพักตร์สง่างามก็ยังราบเรียบเช่นเดียวกันเสมอ ฮั่นหลิวตี้หรืออดีตรัชทายาทหลิวตี้ได้รับการสถาปนาให้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระบิดาเมื่ออายุยี่สิบชันษา เวลานี้พระองค์อยู่ในวัยยี่สิบห้าชันษา ตั้งแต่ขึ้นครองราชย์ พระองค์ปรับปรุงการรบ การเข้ารับราชการภายในราชสำนัก รวมถึงปฏิรูปการปกครองเสียใหม่ เลือกใช้ขุนนางที่มีความซื่อสัตย์ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวย่อมส่งผลอันดีต่อราษฎร แต่ไม่เป็นผลดีต่อขุนนางกังฉิน ฮ่องเต้ฮั่นหลิวตี้ทรงพระปรีชาสามารถทั้งด้านการเมืองและการทหาร เมื่อสองปีที่แล้วพระองค์นำทัพไปปราบพวกซยงหนูซึ่งอาศัยอยู่ทางภาคเหนือ คนกลุ่มนี้มักรวมตัวกันแล้วเข้าปล้นชิงเงินจากพ่อค้า นักเดินทาง บางครั้งลามมาถึงในเมือง และเมื่อต้นปีนี้ พระองค์ส่งสองขุนพลใหญ่นำกองทัพหลายแสนนายบุกไปตีอาณาจักรใหญ่น้อยจนนำชัยชนะกลับมาได้ ดวงตาคู่คมของฮั่นหลิวตี้มองปิ่นประดับผมโบราณชิ้นหนึ่งที่อยู่ในมือ ปิ่นชนิดนี้มีลักษณะหัวใหญ่ ประดับด้วยเพชรนิลจินดางดงามมาก แต่สายพระเนตรปลาบคมย่อมรู้ว่าเป็นเพชรแท้นิลเทียม ปิ่นในพระหัตถ์ที่ฮั่นหลิวตี้กำลังจ้องเขม็งและหมุนไปมานั้นงดงามอ่อนช้อย อัญมณีที่ประดับอยู่นั้นล้อกับแสงเทียนจนเกิดแสงทอประกายงดงาม ฮั่นหลิวตี้จ้องมองอย่างสนพระทัย “เรื่องนี้ทำให้ข้าสนใจนัก” พระองค์จะไม่สนใจเครื่องประดับชิ้นนี้เลยหากเมื่อคืนก่อนไม่มีคนร้ายลอบเข้ามาในตำหนักที่ประทับแล้วทำปิ่นชิ้นนี้ตกไว้ คนร้ายแต่งกายมิดชิดคล้ายจะเป็นผู้ชายบุกเข้ามาถึงห้องพระบรรทม แต่มันดันทำปิ่นที่เป็นเครื่องประดับของสตรีหล่นไว้ มันหนีการไล่ล่าของเหล่าองครักษ์เสื้อแพรไปได้ นับว่าเป็นสุดยอดฝีมือ แต่ที่น่าตลกคือมันทำปิ่นชิ้นนี้ตก ท่าทางสูงส่งของโอรสสวรรค์คล้ายไม่แยแส แต่ในพระทัยเต็มไปด้วยความสงสัย ***‘ใครกันลอบเข้ามาในตำหนักส่วนพระองค์’*** ***‘คนร้ายเป็นใคร เกี่ยวอะไรกับปิ่นนี้’*** ***‘จุดมุ่งหมายของมันคืออะไร ลอบฆ่าพระองค์หรือไม่’*** “เว่ยกงกง เจ้าไปสั่งให้คนเตรียมม้าและเสบียงให้พร้อม ข้าจะเดินทาง เรื่องการเดินทางครั้งนี้ข้าไม่ต้องการให้ใครรู้ เข้าใจหรือไม่” “ฝ่าบาทจะเสด็จเป็นการส่วนพระองค์หรือพ่ะย่ะค่ะ” “ไม่น่าถาม ข้าสั่งให้ปิดเป็นความลับ ย่อมต้องการให้การเดินทางครั้งนี้เงียบที่สุด ห้ามแพร่งพรายให้ผู้ใดรู้ ผู้ใดรู้เรื่องนี้ ข้าจะตัดหูเจ้าซะ เว่ยกงกง” แม้พระพักตร์จะงดงามราวกับอิสตรี แต่เว่ยกงกงรู้ว่าโอรสสวรรค์เป็นฮ่องเต้เฉียบขาดมากที่สุดพระองค์หนึ่ง ถ้าเอ่ยจะตัดหู นั่นคือตัดจริง เว่ยกงกงรู้สึกขนลุกเมื่อลอบเห็นมุมปากที่ผลิยิ้มงดงามปานกลีบเหมยเปื้อนเลือด แม้เป็นช่วงฤดูหนาวที่อากาศค่อนข้างเย็น เมฆหนาทึบ แต่เสียงสวบสาบย่ำไปบนใบไม้แห้งราวกับไม่กลัวหนาวดังขึ้นเป็นระยะ เสียงหัวเราะของเด็กหญิงชายหลายคนในจวนวิ่งไล่จับผีเสื้อกันสนุกสนาน ในขณะที่ผู้รับใช้ภายในจวนต่างเร่งมือทำความสะอาดเรือน หนึ่งในเสียงหัวเราะนั้นคือ ซารัง เด็กหญิงตัวน้อยอายุสี่ขวบเศษ ซารังมีเลือดครึ่งหนึ่งเป็นชาวฮั่นและเลือดครึ่งหนึ่งสืบเชื้อสายมาจากชาวอาณาจักรโชซ็อนโบราณ เด็กหญิงมีใบ หน้างดงามราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ ซารังช่างพูดช่างเจรจา น่าเอ็นดูนัก เสียดายที่ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าแม่ตั้งแต่ยังเยาว์ แม่ของซารังไม่เคยทิ้งนางไปหลายวันแบบนี้ ข่าวล่าสุดที่ได้รับมาทำให้ผู้ที่อุปการะเด็กน้อยปวดใจนัก และยังไม่รู้ว่าจะหาทางบอกซารังน้อยยังไง จางหยูเฟย ธิดาคนงามคนเดียวของอดีตท่านแม่ทัพจางจิ้นเหอเดินนำขบวนสาวใช้ที่ถือถาดไม้ตามมา บนถาดของสาวใช้แต่ละคนมีเข่งไม้ไผ่สาน ในนั้นบรรจุหมั่นโถวร้อนๆ และซาลาเปารสเลิศ ขณะที่เด็กหญิงซารังยังเล่นสนุกกับเพื่อนโดยไม่รู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้น เมื่อดวงตาสุกใสเป็นประกายเหลือบไปเห็นขบวนของจางหยูเฟย ซารังตัวน้อยรู้ดีว่าวันนี้คงได้กินของอร่อยจนพุงกาง เด็กหญิงลอบยิ้มแอบเลียริมฝีปาก ค่อยๆ เดินเข้ามาหานายสาวแล้วยอบตัวคารวะ “คารวะคุณหนูเจ้าค่ะ” ตามที่มารดาเคยพร่ำสอนให้ทำตัวเป็นเด็กดี เชื่อฟังผู้ใหญ่ทุกคนในจวนนี้ เพราะคนที่นี่มีบุญคุณต่อพวกนางสองแม่ลูกยิ่งนัก “ลุกขึ้นเถอะซารัง” จางหยูเฟยทรุดกายอ้อนแอ้นงดงามปานเทพธิดานั่งลงบนเก้าอี้ นิ้วเรียวขาวสะอาดลูบไล้ไปตามกรอบหน้าของเด็กน้อย แล้วดึงสองแก้มขาวอมชมพูราวกับซาลาเปาของซารังเบาๆ เป็นการหยอกเย้า “ซารัง เจ้ามีซาลาเปาแล้วสองลูก ข้าให้เจ้าลูกเดียวคงพอ” จางหยูเฟยส่งยิ้มอ่อนโยน

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

เชลยรักท่านอ๋องอำมหิต

read
13.3K
bc

คุณหนูสิบเจ็ดตระกูลเจียง

read
8.0K
bc

พันธะร้าย..ดวงใจรัก

read
1K
bc

พะยอมอธิษฐาน

read
1.8K
bc

แม่หมอแห่งซูโจว

read
6.2K
bc

รักต้นฉบับ(ไม่ลับ)แม่มดมนตรา

read
1K
bc

ป๊ะป๋าผมเป็นมาเฟีย

read
1.3K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook