จางหยูเฟยไม่อยากถือสาเพราะนี่ก็มืดค่ำ ลี่ถิงเพิ่งมาอยู่ใหม่คงไม่ได้สังเกต อีกอย่าง สกุลอื่นคงไม่มีการฝังศพแบบนี้ แต่นี่คือความปรารถนาของมารดาที่อยากนอนหลับฝันไปชั่วนิรันดร์อยู่ที่ใต้ต้นบ๊วยต้นนี้ ซึ่งต้นบ๊วยต้นนี้อยู่กลางสวน มารดาของนางจะได้มองเห็นท่านพ่อของนาง และลูกๆ ทั้งสองคนได้อย่างชัดเจน
“ช่างเถอะ ข้ารู้เจ้าไม่ได้ต้องการลบหลู่ เจ้าคงไม่สังเกต ดึกดื่นแล้วเจ้าไปนอนเถอะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาดูแลเด็กๆ เพราะช่วงนี้ข้าต้องออกไปพบพวกพ่อค้าเร่แทบทุกวัน ไม่มีเวลาดูแลพวกเด็กๆ ยิ่งพ่อค้าที่เข้ามาค้าขายกับเราต้องการผ้าไหมมากขึ้น ข้าก็ต้องออกไปกว้านซื้อสินค้าจากชาวบ้านมากขึ้น”
“ข้าเคยได้ยินมาว่าพวกพ่อค้าเร่ที่เข้ามาทำการค้ากับชาวฮั่น บางครั้งมีพวกหน้าตาแปลกๆ สีผิวและสีผมแตกต่างจากพวกเรา นอกจากนี้ยังพูดคนละภาษากับพวกเรา คุณหนูสื่อสารกับคนพวกนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ” ดวงตาของลี่ถิงลอบมองอย่างจับสังเกต
จางหยูเฟยเอื้อนเอ่ยแต่ละครั้ง ริมฝีปากของนางราวกับกลีบดอกไม้พลิ้วไหวชวนมองนัก “ข้าสื่อสารภาษาของคนพวกนั้นได้ก็เพราะพี่ยอนฮวา นางเป็นคนสอนข้า นางเป็นแม่ของซารัง แต่เวลานี้นางหายตัวไปจนข้าอดห่วงไม่ได้”
***‘ยอนฮวา แม่ของซารัง น่าสงสัยนัก’***
แม่ของซารังเป็นคนสอนภาษาเพื่อใช้ติดต่อสื่อสารกับผู้คนจากดินแดนอันไกลโพ้น จางหยูเฟยเป็นคนเรียนรู้เร็ว ไม่นานนางก็สื่อสารได้หลายภาษา แรกเริ่มนางเองก็รู้สึกแปลกใจ เหตุใดยอนฮวาถึงรู้ภาษาของชาวต่างชาติมากมายนักทั้งที่อ้างว่าความจำเสื่อม จำได้เพียงว่ากำลังวิ่งหนีสงครามระหว่างที่ฮั่นบุกเข้าล้อมอาณาจักรโชซ็อนโบราณ
ซึ่งยอนฮวาบอกว่า บางครั้งสมองของนางกลับมีความทรงจำอันพร่าเลือน ว่านางถูกขายเป็นทาสให้แก่คนต่างชาติตั้งแต่ยังเด็ก แม้ความทรงจำของนางยังปะติดปะต่อไม่ได้ แต่นางกลับสื่อสารกับคนพวกนั้นได้รู้เรื่อง
การที่สกุลจางนำชาวโชซ็อนโบราณมาอยู่ในจวน ซ้ำยังพูดสื่อสาร ทำการค้ากับพ่อค้าเร่ต่างชาติได้เช่นนี้ นับว่าประหลาดนัก แล้วจะให้พระองค์ปล่อยผ่านไปได้อย่างไร ไม่ผิดแล้วที่พระองค์ยอมลงทุนปลอมแปลงพระองค์เข้ามาสืบหาความจริง เพราะเวลานี้ รองแม่ทัพจางจิ้นไฉ พี่ชายของจางหยูเฟยก็นับว่ามีบทบาทในกองทัพ
“ถ้าเช่นนั้นข้าน้อยไม่รบกวนคุณหนูแล้ว ข้าขอไปดูแลท่านแม่ก่อนเจ้าค่ะ”
ร่างสูงโปร่งในชุดสีขาวปานเทพเซียนกำลังหมุนกลับไป ทว่า...
“เดี๋ยว ลี่ถิง คืนนี้ร้อนอบอ้าว ข้ารู้สึกอยากอาบน้ำ เจ้าตามข้ามา ช่วยอาบน้ำให้ข้าก่อนแล้วค่อยกลับไปที่เรือน”
นางทำงานหนัก ช่วงเวลาที่ได้ผ่อนคลายที่สุดนั่นก็คือเวลาที่ร่างกายของนางได้แช่ลงไปในน้ำอุ่นๆ โดยมีสาวใช้ช่วยกันปรนนิบัตินวดเฟ้น เพียงแต่ว่าพรุ่งนี้พ่อค้ารายหนึ่งนัดจะมารับเครื่องปั้นดินเผา นางให้สาวใช้ในจวนช่วยกันเตรียมสินค้า ที่เหลือก็ถูกนางใช้ไปดูแลเด็กๆ ในเมื่อตอนนี้ลี่ถิงกินข้าวสกุลจาง รับเงินสกุลจาง นอกจากจะดูแลเด็กๆ แล้ว ก็
ต้องทำงานให้นางด้วย
“แต่ว่าข้า...”
จางหยูเฟยเห็นสีหน้าท่าทางตกใจของลี่ถิง หรือหญิงสาวนางนี้จะเป็นคนเกียจคร้านอย่างนั้นหรือ นางไม่น่าตามใจซารังน้อย จ้างพวกเกียจคร้านมาทำงานเลย
“เจ้าทำตามที่ข้าสั่งไม่ได้หรือ”
โอรสสวรรค์เองนั้นเคยชินต่อการถูกปรนนิบัติมาตั้งแต่เปิดพระเนตรขึ้นมาดูโลก พระองค์เป็นฝ่ายถูกปรนนิบัติจนชิน พระองค์ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นผู้ปรนนิบัติใคร
จางหยูเฟย นางกล้าดีอย่างไรบังอาจใช้พระองค์อาบน้ำให้ แต่เมื่อคิดได้ว่า บัดนี้พระองค์ปลอมตัวมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กในจวนสกุลจางเพื่อภารกิจบางอย่าง อีกทั้งจางหยูเฟยนั้นก็งดงามราวกับอัญมณีล้ำค่า งานนี้เห็นเพียงแต่กำไร
วันนี้พระองค์จะยอมลดตัวลงไปปรนนิบัติอาบน้ำ ถูหลัง นวดเฟ้น ให้นางสักวันก็ได้
เห็นสีหน้าคิดหนักของกงลี่ถิง จางหยูเฟยเลยเอ่ยเสียงเข้ม “หรือว่าเจ้าไม่เต็มใจปรนนิบัติข้า”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ลี่ถิงเต็มใจปรนนิบัติคุณหนูเจ้าค่ะ”
“ดี ถ้าเช่นนั้นก็รีบตามมา ข้าร้อนจะแย่ วันนี้ขอแช่น้ำนานๆ หน่อยก็แล้วกัน”
ร่างอ้อนแอ้นพลิ้วไหวเดินนำหน้าลี่ถิงเข้าสู่โถงห้องนอน ต่อให้ไม่อยากเจรจาด้วย แต่จางหยูเฟยก็ต้องหันกลับมาถาม
“ข้าจะอาบน้ำ เจ้าไม่รู้หรือไรว่าต้องทำอย่างไรบ้าง”
จางหยูเฟยขมวดคิ้วมอง ไม่รู้ว่ากงลี่ถิงผู้นี้ นางเคยมีสาวใช้ปรนนิบัติพัดวีมาก่อนหรือไม่ ถึงได้ไม่รู้หน้าที่ว่าเวลานี้ควรเข้ามาช่วยนางปลดเปลื้องอาภรณ์ หรือว่านางคำนึงถึงมารยาท?
จางหยูเฟยเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่มาแต่กำเนิด นางมีสาวใช้ปรนนิบัติอาบน้ำให้ตั้งแต่แรกเกิด การเปลื้องผ้าอวดผิวเปล่งปลั่งงดงาม ให้สาวใช้ช่วยขัดผิวให้ผ่องใสอยู่ตลอดเวลาจึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องเก้อเขิน
“ข้าต้องบอกเจ้าหรือไม่ว่าเข้ามาถอดชุดให้ข้าได้แล้ว”
มันน่าตื่นเต้นแกมตื่นตัว แต่พระองค์รู้สึกว่ากำลังตื่นตัวมากว่า อวัยวะหลายส่วนกำลังตื่นพร้อมๆ กัน ทุกค่ำคืนในวังหลวง พระองค์เรียกสาวงามนับสิบมาช่วยปรนนิบัติเวลาอาบน้ำ ทว่าเวลานี้ต้องเป็นคนปรนนิบัติจึงไม่รู้ว่าควรจะทำสิ่งใดก่อนหลัง
กงลี่ถิงสูงกว่าจางหยูเฟย เมื่อเดินไปยืนซ้อนทับร่างอ้อนแอ้น ก็เหมือนกับว่าคุณหนูคนงามถูกกลืนหายเข้าไปในอ้อมกอด
“ลี่ถิง วันนี้ข้าเหนื่อยมาก เดี๋ยวเจ้าอาบน้ำให้ข้า แล้วช่วยนวดขมับให้ด้วย”
ยามปกติเวลาเหล่าสนมเข้ามาถวายงาน พวกนางล้วนมีผ้าแพรพันกายก่อนจะปลดเปลื้องออกด้วยมือของพวกนาง
เองแล้วส่งให้เหล่านางกำนัล
แต่เวลานี้พระองค์กำลังทำหน้าที่ประดุจนางกำนัลภายในวังหลวง ท่าทางจึงงกๆ เงิ่นๆ เพราะยามปกติการถอดอาภรณ์ของสตรีไม่เคยต้องถึงมือพระองค์ จึงไม่รู้ว่าจะเริ่มถอดที่ใดก่อนดี
เหมือนจางหยูเฟยจะใจร้อนเพราะคืนนี้อากาศร้อน คิ้วสวยขมวดมุ่นเข้าหากัน แล้วหมุนร่างงดงามกลับมาหาลี่ถิงในจังหวะที่ลี่ถิงกำลังจะหาจุดถอดชุดออกจากเรือนกายสาวงาม ทำให้ทั้งคู่อยู่ในสภาพราวกับว่ากำลังกอดกัน ดวงตาสองคู่ต่างสบประสาน