ตอนที่ 8 เจ้าจะแย่งชิงเขาอย่างนั้นหรือ

1701 คำ
เว่ยซินเหยียนเองก็แอบชอบราชครูหนุ่มมาได้ปีกว่า สืบเนื่องมาจากพี่สาวที่คอยตามตื้ออีกฝ่ายอยู่บ่อยๆ จนนางเริ่มสนใจในตัวเขาไปด้วย สาวน้อยรู้มาว่าการตามเกี้ยวบุรุษมีแต่จะทำให้ตนเองขายหน้าจึงพยายามใช้วิธีออดอ้อนอย่างน่ารักแทน เมื่อก่อนเขาก็เฉยชาอยู่แล้วแต่ยามนี้กลับรู้สึกว่าเหมือนมีกำแพงสูงที่ขวางกั้นเอาไว้จนแทบไม่มีโอกาสได้พิชิตใจเขาอีกต่อไป ร่างบางเดินกลับตำหนักของพระมารดาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ในใจรู้สึกร้อนรนอย่างแปลกประหลาดทั้งที่ปกติเพียงมองภาพเขาไม่สนใจใครก็ทำให้ยังมีความหวังอยู่บ้าง ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมครั้งนี้แค่ชายหนุ่มไปเยี่ยมพี่สาวนางก็รู้สึกไม่ดีเสียแล้ว “เกิดอันใดขึ้นเหยียนเอ๋อร์” เสียงหวานมีชีวิตชีวาทักทายแขกที่มายังตำหนักของตน “ถวายพระพรเพคะเสด็จแม่ ลูกเพียงแค่รู้สึกไม่ดีกับเรื่องบางเรื่องเท่านั้นเพคะ” เว่ยซินเหยียนตอบพระมารดาพลางนั่งลง “มีสิ่งใดกวนใจเจ้าอย่างนั้นหรือ” มือบางส่งสัญญาณให้ข้ารับใช้ทั้งหมดออกไป เหลือไว้เพียงนางกำนัลอาวุโสที่ไว้ใจได้เท่านั้น “เสด็จแม่…ทรงทราบว่าลูกแอบชอบท่านราชครูหลิวใช่รึไม่เพคะ” ดวงตากลมช้อนมองใบหน้าหวานด้วยเกรงจะถูกตำหนิ “หลิวอู๋ซวนคนนั้นช่างร้ายกาจนัก นอกจากจะทำให้องค์หญิงใหญ่ตกหลุมรักจนโงหัวไม่ขึ้นยังทำให้บุตรสาวของแม่เป็นไปด้วยอีกคน” คำพูดหยอกเย้าทำให้เด็กน้อยใจชื้นมากขึ้นก่อนจะเอ่ยต่อ “ลูกพบเขาเดินมาจากตำหนักของพี่หญิงใหญ่เพคะ” คิ้วสวยของอันซูเฟยเลิกขึ้นด้วยความสงสัย “อืม ช่างน่าแปลกใจไม่น้อยที่คนอย่างราชครูหลิวจะไปหาองค์หญิงใหญ่ด้วยตนเอง บางทีอาจเป็นคำสั่งของฝ่าบาทก็เป็นได้” ใครบ้างไม่ทราบว่าฮ่องเต้แห่งแคว้นเว่ยทรงรักพระธิดาองค์โตมากเพียงใด ยิ่งหญิงสาวล้มป่วยเช่นนี้คงอยากเอาอกเอาใจกระมัง “เสด็จแม่คิดเช่นนั้นหรือเพคะ” ได้ฟังความเห็นของพระมารดาสาวน้อยก็มีสีหน้าดีขึ้น “เจ้าคิดจะแต่งให้บุรุษที่อายุมากว่าเจ้าเกือบสิบปีอย่างนั้นหรือเหยียนเอ๋อร์” แม้ตำแหน่งราชครูจะถือว่าไม่น้อยหน้าใคร แต่ตระกูลหลิวก็หาใช่ตระกูลใหญ่ ถึงจะมีอำนาจแต่ก็ยังมีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่า “โธ่ เสด็จแม่ ถึงจะอายุมากกว่าแต่ท่านราชครูยังหน้าตาดูไม่เหมือนคนอายุเยอะเลยนะเพคะ อีกทั้งเขายังเป็นคนคอยให้คำปรึกษาราชกิจกับเสด็จพ่อ ถ้าได้ผูกสัมพันธ์กับเขาก็ถือว่ามีผลประโยชน์ไม่น้อย” องค์หญิงรองพยายามโน้มน้าวก่อนจะต้องชะงักจากประโยคที่ตอบกลับมา “เจ้าจะแย่งชิงเขากับพี่หญิงใหญ่ของเจ้าอย่างนั้นหรือ” มองร่างเล็กแข็งค้างอันซูเฟยก็ลอบส่ายหัว เด็กๆ ถูกเลี้ยงดูมาด้วยกันเพราะในตอนนั้นตำแหน่งอ๋องหัวเมืองก็ไม่ต้องแก่งแย่งอำนาจถึงเพียงนั้น แต่บัดนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว ความสัมพันธ์พี่น้องจะยังมั่นคงอยู่รึไม่ “ลูกมิได้คิดขนาดนั้น…เพียงแต่ในเมื่อท่านราชครูยังไม่ตกลงปลงใจที่สตรีใด นั่นก็หมายความว่าทุกคนมีสิทธ์ที่จะพยายามมิใช่หรือเพคะ” ดวงตากลมรื้นน้ำขึ้นมาคล้ายอัดอั้นจากความรู้สึกบางอย่าง “ถ้าเจ้าคิดเช่นนั้นก็ลองดูเถิด เพียงแต่แม่อยากบอกเจ้าว่าบุรุษที่เหมาะสมกับองค์หญิงรองของแคว้นเว่ยยังมีอีกมาก มิได้มีเพียงราชครูหลิวเท่านั้น” เพราะอันซูเฟยไม่มีพระโอรสจึงไม่คิดจะขวนขวายหาอำนาจ เพียงแต่นางก็ต้องมอบบุตรสาวให้กับคนที่สามารถดูแลอีกฝ่ายได้ และต้องเกื้อหนุนตระกูลอันของนางได้ด้วย “ลูกจะจำไว้เพคะเสด็จแม่” หลังจากได้ปรึกษาพระมารดาเว่ยซินเหยียนก็สบายใจขึ้นมาก จากนั้นสองแม่ลูกก็ชวนกันปักผ้าเช็ดหน้าเหมือนเช่นทุกวันเพื่อให้ผ่านเวลาที่แสนว่างเหล่านี้ไป ห้องทรงงาน “มาแล้วหรือราชครูหลิว” เสียงทุ้มเปี่ยมอำนาจทักทายร่างสูงโปร่งที่เดินเข้ามาในห้องของตน “ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี” หลิวอู๋ซวนคุกเข่าคำนับนายเหนือหัวเฉกเช่นทุกครั้ง “ตามสบาย ว่าแต่เจ้าไปเยี่ยมอี้เอ๋อร์มาอย่างนั้นรึ” ดวงตาคมของบุรุษสูงศักดิ์ในชุดคลุมมังกรสีทองอร่ามทอดมองขุนนางของตนด้วยสายตายากจะคาดเดา “พ่ะย่ะค่ะ แต่องค์หญิงใหญ่ไม่ยอมให้กระหม่อมเข้าพบ คงเพราะเขินอายที่ใบหน้าซีดเซียว” คิ้วกระบี่ของผู้ครองแคว้นถึงกับกระตุก แม้เขาจะแสดงออกว่ารักบุตรีคนโตมากกว่าบุตรสาวคนอื่นเพื่อถ่วงสมดุลอำนาจในวังหลัง แต่ความรักที่เขามีให้ลูกทุกคนไม่ได้น้อยไปกว่ากันเลย ความหวงก็เช่นกัน…เมื่อมาได้ยินบุรุษที่บุตรสาวคนโตตามเกี้ยวอย่างออกนอกหน้ามาหลายปีพูดจาเหมือนเป็นคนรักกันเช่นนี้ ทำเอาหนังสือในมือแทบหลุดกระเด็นไปยังเป้าหมาย “บางทีอี้เอ๋อร์อาจคิดได้ว่าอะไรควรไม่ควร การเว้นระยะห่างจากบุรุษถือว่าเหมาะสมแล้ว ที่แล้วมาคงเพราะนางยังเยาว์วัยจึงทำไปโดยไม่ได้คิด ราชครูหลิวคงไม่ถือสา” ใบหน้าราวบัณฑิตผู้มีความรู้มืดครึ้มคล้ายจะกดดันอยู่ในทีแต่เหมือนคู่สนทนายังคงไม่สนใจ “ยามนี้องค์หญิงใหญ่ก็ถือว่าอยู่ในวัยที่ควรออกเรือนแล้ว กระหม่อมคิดว่าพระองค์คงเข้าใจความรักของหนุ่มสาวพ่ะย่ะค่ะ” แคว้ก! หนังสือที่แสร้งเปิดอ่านขาดคามือจนช่ายกงกงสะดุ้งสุดตัว แต่ก่อนเวลาหารือราชกิจทั้งสองคนก็เปิดศึกน้ำลายกันเป็นประจำอยู่แล้ว มาครานี้มีเรื่องอ่อนไหวอย่างการแต่งงานขององค์หญิงใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้อง ดูเหมือนว่าวันนี้เขาคงต้องสั่งไม่ให้ใครเข้ามารบกวนอีกตามเคย ตำหนักไทเฮา หญิงชราที่อายุเลยเข้าสู่เลขห้ากำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนตรงตั่งนั่งริมหน้าต่างพร้อมกับมองลูกสะใภ้เอกที่มาเยี่ยมเยือนกำลังรินชาให้ด้วยรอยยิ้ม นางคือมารดาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันที่โชคดีเดินทางไปหาบุตรชายยังต่างเมืองจึงรอดพ้นจากโรคระบาดในครั้งนั้นแม้จะต้องเสียบุตรชายอีกคนไปก็ตามที แต่ไหนแต่ไรนางไม่เคยฝากความหวังไว้ที่บุตรชายคนเล็กเพราะเขามีพี่ชายที่เก่งกาจอยู่แล้ว ถึงอย่างนั้นฟ้ากลับพลิกผันคนที่ไม่มีโอกาสได้ชิงบัลลังก์มากที่สุดกลับได้ครอบครองโดยไม่ต้องพยายามแม้เพียงนิด “เชิญเสด็จแม่เพคะ” มือบางขาวผ่องวางถ้วยน้ำชากลิ่นหอมกรุ่นให้แก่พระมารดาของสวามี “ขอบใจเจ้ามากที่นำชาดีมาฝากข้า” หลี่ไทเฮามีสีหน้าพึงพอใจ คนแก่อย่างนางการมีบุตรหลานมาเยี่ยมถือว่าคลายเหงาไปได้บ้าง แม้จะรู้ดีว่าแต่ละคนล้วนมีแผนบางอย่างแน่นอนจึงได้ถ่อมาหาตนที่ตำหนัก “เป็นหม่อมฉันที่มิได้มาเยี่ยมเสด็จแม่บ่อยนัก ครานี้ได้ชาดีมาจากพี่ชายที่แคว้นหมิงจึงได้รีบนำมาฝากเพคะ” ใบหน้าที่เริ่มมีริ้วรอยยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนสีหน้า “ฮ่องเต้แคว้นหมิงช่างรักน้องสาว หมั่นส่งของขวัญมาให้ไม่เคยขาด เจ้าโชคดีจริงๆ” ได้ยินเช่นนั้นซ่งฮองเฮาก็มีสีหน้ายิ้มแย้มแล้วเอ่ยบางอย่างขึ้น “เพคะ แต่พระเชษฐากลับมีเรื่องกลุ้มใจทำให้น้องสาวเช่นหม่อมฉันอยากยื่นมือช่วยเหลือตอบแทนบ้าง หลานชายที่เป็นถึงไท่จื่อยังไม่มีพระชายาเอกที่เหมาะสม หม่อมฉันเองก็ไร้สามารถมิได้รู้จักใครเท่าไหร่ ทำให้หม่อมฉันทุกข์ใจมิน้อยเพคะ” ดวงตาดอกท้อสว่างวาบเมื่อฟังคำพูดของลูกสะใภ้ ไท่จื่อแคว้นหมิงอายุได้ 20 หนาวกระมัง ถ้าต้องการหาคู่ครองคนที่เหมาะสมก็คงไม่พ้นหลานสาวคนโตของนาง นั่นหมายความว่าสตรีตรงหน้าต้องการส่งอี้เอ๋อร์ไปเป็นตัวประกันที่บ้านเกิดของตน นับว่าเป็นคนที่ดูเบาไม่ได้จริงๆ อีกอย่างเรื่องหลานชายทั้งสองใช่ว่านางจะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอันใดเลย ทำเช่นนี้คิดยืมมือนางทำร้ายหลานๆ อย่างนั้นหรือ เหอะ! “แคว้นหมิงขุนนางใหญ่ก็มีไม่น้อย จะไม่มีสตรีที่เหมาะสมเชียวหรือ คงไม่ต้องลำบากมาหาจากต่างแคว้นกระมัง เจ้าเองก็ต้องแต่งเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ คงเข้าใจหัวอกสตรีที่ต้องจากบ้านจากเมืองของตนดีใช่รึไม่” หญิงชรายิ้มเต็มใบหน้าแต่กลับไปไม่ถึงดวงตา แม้แต่ก่อนจะต้องสู้รบปรบมือกับเหล่าสนมด้วยกันมา แต่เมื่อแก่เฒ่านางกลับต้องการเห็นหลานทั้งหมดได้ดีมีสุขมากกว่าการต้องเป็นเครื่องมือให้กับบิดามารดาไร้หัวคิด “เพคะ หม่อมฉันจึงได้แต่หวังว่าพระเชษฐาจะแก้ปัญหานี้ได้โดยเร็ว อย่างไรเสียหากอายุเลยวัยเหมาะสมการจะเร่งสร้างทายาทก็คงลำบาก” รอยยิ้มฝืดฝืนบนใบหน้าสวยทำให้หลี่ไทเฮายกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบบดบังรอยยิ้มเย้ยหยันของตนจนมิดชิด ลูกสะใภ้ผู้นี้ยังอุตส่าห์กระแนะกระแหนหลานสาวคนโตของนางที่อายุเลยวัยปักปิ่นมาสองปีแต่กลับไร้คู่หมาย อยากให้นางลงเล่นหมากกระดานนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ งั้นก็มารอดูกันว่าเจ้าจะกล้ารังแกหลานข้ารึไม่!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม