ตอนที่ 1 ความฝันแสนยาวนาน
ฝ่าเท้าขาวนวลเนียนเยื้องย่างแผ่วเบาไปตามเส้นทางอันแสนคุ้นเคย ทุกก้าวเดินเต็มไปด้วยของเหลวหนืดเหนียวสีแดงข้นจนทั่วทั้งพื้นที่มีแต่กลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งเต็มไปหมด รอบบริเวณคือซากศพของผู้คนนับร้อยพันในชุดสีขาวและดำของลูกศิษย์สองสำนักธรรมะกับอธรรม จุดหมายปลายทางของนางคือจุดที่หนึ่งบุรุษในชุดสีขาวเปื้อนเลือดกำลังยืนอยู่เคียงข้างอีกหนึ่งสตรีที่เป็นคนรัก
“หม่าอู๋ซวน ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!” เสียงหวานระโหยโรยแรงเอ่ยถามด้วยความอัดอั้นที่จุกแน่นจนล้นอก ดวงตาคู่สวยจ้องมองชายที่ตนปักใจมาเนิ่นนานจนยอมกระทั่งหักหลังตระกูลเพื่อเขา ทั้งที่นางเป็นบุตรีคนโตของเจ้าสำนักฝ่ายธรรมะ
“เป็นเจ้าตัดสินใจเองทุกสิ่ง” เสียงทุ้มเย็นชาเอื้อนเอ่ยไร้ระลอกคลื่นใด เขาคืออดีตเจ้าสำนักมารที่ยอมทิ้งคนของตนเนื่องจากสตรีอันเป็นที่รักได้ร้องขอ
“หึหึ ช่างน่าขำนัก ข้าหยางซินอี้ เฝ้าตามรักท่านมาเนิ่นนานนับสิบปี ทิ้งทุกสิ่งเพื่อมาอยู่เคียงข้างท่าน แต่ท่านกลับเลือกสตรีผู้นั้นซึ่งนางเป็นคนทำให้พี่น้องร่วมสำนักต้องเข้าสู่สงคราม!” หญิงสาวตวาดลั่นด้วยเนื้อตัวสั่นเทาจากโทสะ นางหนีจากตระกูลมาอยู่ที่นี่นับสิบปีย่อมผูกพันกับศิษย์ทุกคนไม่มากก็น้อย อีกทั้งสงครามครั้งนี้ตระกูลหยางก็เข้าร่วมกับฝ่ายตรงข้ามทำให้นางไม่มีทางเลือกต้องลงมือสังหารคนของตน
“มะ แม่นางซินอี้ ข้าเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ตะ แต่ข้าไม่ได้หวังให้เป็นเช่นนี้” เจียงเจียวหย่งผู้เป็นบุตรีคนโตของเจ้าสมาพันธ์ซึ่งมีอำนาจขอความร่วมมือจากสำนักฝ่ายธรรมะทั้งหมดตอบกลับทั้งน้ำตา
“อย่าได้ตำหนินาง ข้าคือคนที่พานางมาที่นี่เอง” ดวงตาคมทอดมองร่างบางเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดเล็กน้อย ก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่น
“มันน่าแปลกใจจริงนะที่ท่านช่วยนางได้โดย ‘บังเอิญ’ และทางสมาพันธ์ก็ตามหานางมาเป็นปีจนกระทั่งทราบว่านาง ‘ถูกกักขัง’ อยู่ที่สำนักมาร ตลกเสียจริงเพราะสุดท้ายทางสมาพันธ์กลับเลือกส่งคำร้องไปที่สำนักของตระกูลหยาง ทั้งที่มีสำนักธรรมะอีกมากมายซึ่งอยู่ใกล้กว่าตระกูลของข้า ถ้าท่านจะหลงสตรีก็ช่วยไตร่ตรองเสียหน่อยเถิด แต่ไม่ว่าเช่นไรข้าก็จะสังหารนางเพื่อเซ่นไหว้ให้กับดวงวิญญาณกว่าร้อยพันที่ตายตกในวันนี้!”
มือบางยกกระบี่ในมือขึ้นมาชี้ไปด้านหน้า หยาดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลรินไม่ขาดสาย คนรู้จักมากมายต้องมาตายจากไปโดยที่ไม่ทันได้แก้ไขความเข้าใจผิด ส่วนคนต้นเรื่องกลับร้องไห้ประหนึ่งเป็นผู้ถูกทำร้ายทั้งที่ตนเองหาได้ทำสิ่งใดเลยนอกจากการออดอ้อนบุรุษ
“ข้ามิอาจให้เจ้าสังหารนางได้” หนึ่งกระบี่ชี้มาอีกหนึ่งคมดาบก็หันเข้าหาราวกับการประกาศว่าเขาจะปกป้องคนรัก นั่นยิ่งทำให้หยางซินอี้เจ็บปวด
“ในเมื่อท่านหน้ามืดตาบอดเพราะความรัก ข้าก็จะทำให้มันกระจ่างชัดด้วยตัวข้าเอง”
ปลายเท้าเล็กสะกิดพื้นก่อนจะใช้วิชาตัวเบาพุ่งเข้าหาคนทั้งสอง กระบี่สีเงินหม่นหมองไปด้วยโลหิตตวัดเข้าหาชายหนุ่มโดยมีเป้าหมายที่แท้จริงคือร่างอรชรด้านหลัง
เคร้ง เคร้ง เคร้ง
ดาบใหญ่คู่กายอดีตประมุขสำนักมารรับคมกระบี่นั้นอย่างไม่ยากเย็นเท่าใดนัก อีกทั้งยังปัดการโจมตีจากอาวุธลับทั้งหลายได้อีกด้วย ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นก่อนจะใช้กำลังภายในดีดตัวหลบอาวุธที่เขาฟันมาพร้อมกับหมุนตัวกลางอากาศแล้วปามีดสั้นเข้าสะกัดดาบในมือแกร่ง หม่าอู๋ซวนลอบชื่นชมในฝีมือของอีกฝ่ายไม่น้อย ด้วยกำลังของสตรีเพศย่อมเสียเปรียบบุรุษมากมายนัก หากแต่นางกลับปกปิดจุดด้อยนั้นด้วยอาวุธลับที่ไม่รู้ว่าพกมาขนาดไหน
เวลาผ่านไปกว่าเค่อ (15 นาที) ทั้งสองก็ยังคงเหวี่ยงคมดาบเข้าหากันอย่างไม่ลดละ ร่างบางเริ่มขยับไม่คล่องเหมือนคราแรกแต่ก็มิได้ยอมหยุดพักเพราะชายหนุ่มเองก็เริ่มมีเหงื่อซึมตามขมับแล้วเช่นกัน จะดูเบาเข็มพิษที่แอบซัดมาตามมุมอับสายตาไม่ได้เลย ฝึมือของนางเรียกได้ว่าสมควรแล้วที่เหล่าศิษย์ในสำนักมารและสำนักตระกูลหยางล้วนยกย่อง น่าเสียดายนัก…
ฉัวะ! ฉึก!
“อึก!”
เสียงหวานครวญแผ่วเมื่อเอวบางได้รับบาดแผลเป็นทางยาวจนเริ่มมีเลือดสีแดงสดไหลซึมออกมาจากอาภรณ์ ดวงตาเฉี่ยวทอประกายตัดพ้อก่อนจะยกยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อเข็มพิษของตนโดนเป้าหมายที่ต้องการ
หม่าอู๋ซวนใบหน้ามืดครึ้มทันทีเมื่อตนหลงกลสาวงามเข้าให้แล้ว นางเปิดช่องว่างให้เขาโจมตีเพื่อลอบสังหารสตรีที่เขาปกป้องเอาไว้ แม้จะออมมือมาตลอดเพราะไม่อยากทำร้ายสตรีแต่ด้วยโทสะที่มีสุดท้ายปลายดาบก็พุ่งทะยานแทงทะลุอกข้างซ้ายโดยที่เจ้าตัวไม่คิดหลบหนี
“อั่ก!”
ร่างบอบบางเซถลาไปตามแรงปะทะก่อนจะทรุดลงกับพื้น ดวงตาพร่ามัวมองไปยังสองร่างที่โอบประคองกันไม่ยอมห่างโดยไม่สนใจนางสักนิด นอกจากความรู้สึกเจ็บแปล๊บที่แล่นตรงหัวใจเพราะบาดแผลจากการโดนแทง ยังมีความรวดร้าวของการต้องมาเห็นบุรุษที่หลงรักมายาวนานไม่มีใจให้ตนเลยแม้แต่น้อย
“อู๋ซวน…ชาตินี้เป็นข้าที่โง่เขลา เกิดชาติหน้าฉันใดขอสวรรค์โปรดเมตตาอย่าได้ลิขิตให้ข้ามอบหัวใจให้ท่านอีกเลย”
ครืนนนนน ซ่าาาาาาาาาา
สายฝนโปรยปรายลงมาจากแผ่นฟ้าราวกับตอบรับคำขอนั้น หยางซินอี้ค่อยๆ หลับตาลงรับสัมผัสเย็นเยียบที่คืบคลานเข้ามาจนกระทั่งพื้นน้ำเจิ่งนองเปลี่ยนเป็นสีแดงไปทั่วทั้งสำนักมาร สิ่งสุดท้ายที่นางรับรู้คือความโศกเศร้าเสียใจอันไร้ที่มาซึ่งประเดประดังท่วมท้นรวมกับคลื่นลูกใหญ่
………………..
…….
“เฮือก!”
ร่างบางซูบผอมสะดุ้งตื่นขึ้นท่ามกลางบรรยากาศหนาวเหน็บที่มีเสียงคำรามของท้องฟ้าและเสียงฝน ดวงตาคู่สวยกลอกกลิ้งไปมาราวกับต้องการเรียบเรียงความคิดที่มีมากมายเกินกว่าคนหนึ่งคนจะแบกรับได้ สิ่งที่เห็นเมื่อครู่เป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียวของความฝันอันยาวนานเท่านั้น เพราะแท้จริงแล้วนั่นคือจุดจบชีวิตในภพชาติที่ 8 ของนาง และที่น่าแปลกใจยิ่งกว่านั้นคือทุกภพชาติที่ผ่านมานางกลับตกหลุมรักบุรุษเพียงหนึ่งเดียวรวมถึงชีวิตนี้ด้วย….
“อือ” ริมฝีปากอิ่มซีดเซียวเม้มแน่นเมื่ออาการปวดหัวหาได้ทุเลาลงแม้เพียงนิด เนื่องจากความคิดอันมากมายทำให้ต้องค่อยๆ จัดการมันไปทีละส่วน แม้คราแรกจะคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงฝันร้ายตื่นหนึ่งแต่ส่วนลึกในใจกลับบอกว่ามันคือเรื่องจริง และนี่คือเมตตาจากสวรรค์ที่นางเคยลั่นคำขอเอาไว้ก่อนสิ้นใจ
ก่อนอื่นเลยนางต้องให้ความสำคัญกับปัจจุบันเป็นอย่างแรก ความทรงจำทั้ง 8 ชาติมันทำให้ความรู้สึกอันหลากหลายถาโถมจนตั้งรับได้ลำบาก แต่ละชาติ ซินอี้ ล้วนมีบุคลิกและนิสัยที่ต่างกันออกไป ดังนั้นเพื่อไม่ให้กลายเป็นคนวิปลาสนางจะต้องหล่อหลอมทุกบุคลิกให้กลายเป็น เว่ยซินอี้ ในปัจจุบัน
เว่ยซินอี้ คือองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเว่ย อายุ 17 หนาว มีพระมารดาเป็นถึงหวงกุ้ยเฟยที่มีอำนาจในวังหลังไม่น้อยไปกว่าฮองเฮา อีกทั้งยังมีพี่ชายร่วมมารดา 1 คน นามว่า เว่ยซีเหวิน อายุ 19 หนาว ส่วนพี่น้องต่างมารดานั้นมากมายเกินจะนับ…
นางคนเดิมมีนิสัยร่าเริง ดื้อรั้น เอาแต่ใจอยู่บ้างตามประสาผู้ที่ถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องใดทำให้ทุกข์ใจได้เท่ากับเรื่องของราชครูหลิว บุรุษใบหน้าคมคร้ามหล่อเหลาประหนึ่งเทพเซียนที่สตรีหลายนางต่างใฝ่ฝันอยากจะครองคู่ ยิ่งเขายังไม่ได้แต่งฮูหยินเอกเข้าจวนทั้งที่อายุ 25 หนาวเลยวัยแต่งงานไปนานแล้ว เพราะถือราชโองการเลือกคู่เองอยู่ในมือจึงไม่มีใครบังคับเขาได้รวมถึงองค์หญิงใหญ่เช่นนางด้วย และชายคนนั้นคือ หลิวอู๋ซวน