การสอบข้อเขียนในแต่ละภาควิชาซึ่งกินเวลานานกว่าสี่ชั่วโมงนั้นจบลงอย่างรวดเร็วจนเธอตั้งแต่แทบไม่ทันในแต่ละรายวิชา แต่โชคยังดีที่มีเพียงข้อสอบชุดแรกเท่านั้นที่เป็นข้อเขียน ส่วนที่เหลือนั้นเป็นข้อกากบาท
และสิ่งที่ทำให้เธอเสียดายนิดๆก็คือคนที่แจกข้อสอบให้เธอนั้นมีเพียงเนเธอร์และโจเซฟที่แวะเวียนกันมาทักทายและแหย่กันเล่นๆ แต่มันทำให้เธอพลาดโอกาสที่จะได้เห็นหน้าหรือทำความรู้จักกับพวกรุ่นพี่คนอื่นๆที่ดูท่าทางแล้วน่าสนใจไม่น้อย
ป๊าบ!
แรงกระแทกที่หลังที่ไม่มากเท่าไหร่นักส่งผลให้ร่างบางที่กำลังเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะหันไปด้านหลังเพื่อเตรียมจะแว้ดใส่คนที่สัมผัสโดนหลังของเธอเมื่อครู่นี้
“ไปหาอะไรกินกันเถอะ” แต่นายตัวดีอย่างเอวิวกลับยิ้มทะเล้นส่งให้อย่างสนิทสนมจนเธอหมดอารมณ์ที่จะว่า คิดๆไปแล้ว อยู่กับเจ้าพวกนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะดูเหมือนว่าเพื่อนๆจากไคเรสกลุ่มนี้สามารถทำตัวสนิทกับเธอได้รวดเร็วจนเธอรู้สึกหายเกรงไปได้มากโข ไม่แน่ว่าถ้าอยู่กับเจ้าพวกนี้ไปนานๆ นิสัยแสบๆที่เธอมักจะแสดงให้คนใกล้ชิดได้เห็นอาจจะแสดงออกมาก็ได้
คราเทลคิดพลางยิ้มออกมาเล็กน้อยในระหว่างที่เธอและชายหนุ่มอีกสามคนกำลังจะเดินออกจากประตูบานใหญ่เพื่อตรงไปยังโรงอาหารตามความเรียกร้องของเจ้าท้องตัวดีที่ร้องประท้วงมานานตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว!
และด้วยการนำทางของเอสตาร์ที่ดูเหมือนจะช่ำชองเส้นทางของโรงเรียนแห่งนี้จนน่าแปลกใจ ในที่สุดพวกเธอก็มาถึงจุดมุ่งหมายในเวลาเพียงไม่นาน
โรงอาหารของโรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงอาหารแบบเปิดซึ่งไม่มีกำแพงกั้นด้านข้าง เผยให้เห็นทัศนียภาพซึ่งคล้ายๆกับเป็นสวนขนาดเล็กที่เธอเคยเห็นอยู่ตรงสองข้างทางเดินก่อนที่จะมาเจอเข้ากับลานน้ำพุ นอกจากพื้นที่ปูด้วยกระเบื้องสีขาวชั้นดี และดูสะอาดตแล้ว จะมีก็เพียงโต๊ะหลายร้อยตัวที่ตั้งเรียงกันกับหลังคาโปร่งแสงซึ่งสามารถกันความร้อนและฝนให้กับโรงอาหารได้เป็นอย่างดีเท่านั้นที่เป็นส่วนประกอบของโรงอาหารแห่งนี้
“ที่นี่เป็นโรงอาหารนอกน่ะ แต่พอเราไปอยู่ที่หอแล้ว จะมีโรงอาหารส่วนตัวอีกที” เอสตาร์หันมาอธิบายให้เธอฟังซึ่งนั่นก็ทำให้ร่างบางพยักหน้ารับแล้วพาเดินเข้าไปด้านในโดยมีอาร์คและเอวิวคอยชวนเธอคุยแทบจะตลอดเวลา
ร้านอาหารของที่นี่มีการขายอาหารหลากหลายชนิด ซึ่งอาหารในแต่ล่ะร้านก็อร่อยและสะอาดเพราะได้ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีจากทางโรงเรียนมาเป็นอย่างดีแล้ว
หญิงสาวเหลือบมองโคมไฟหลากสีที่ติดอยู่ตามเสาหลักของหลังคาก็พอจะจิตนาการได้ว่าเวลากลางคืนของที่นี่คงจะมีสีสันและน่าหลงใหลน่าดู
“แล้วพวกนายทำข้อสอบได้บ้างไหม” คราเทลเอ่ยถามพลางฉีกขนมปังก้อนใหญ่ที่วางอยู่ตรงหน้าซึ่งเป็นก้อนที่สองข้องมื้อเข้าปาก อาร์คและเอวิวที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับต่างพากันกินอาหารประมาณหกเจ็ดจานตรงหน้าราวกับว่าไม่ได้กินข้าวมาสองชาติเศษ จะมีก็แต่เอสตาร์เท่านั้นที่ทานอาหารเพียงจานเดียวและทวงท่านั้นเรียบร้อยยิ่งกว่าผู้หญิงอย่างเธอเสียอีก!
นี่เธอว่าเวลาเธอหิวแล้วกินเยอะแล้วนะ แต่เห็นทีว่าคงต้องยกธงขาวให้กับเจ้าสองพี่น้องที่กินล้างกินผลานสองคนนี้ซะแล้ว
“ได้ทำว่ะ” ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีทองสะบัดเสียงตอบตามอารมณ์
“แล้วเธอล่ะ ทำได้ไหม” อาร์คที่เห็นน้องชายของตนเองทำหน้าเครียดๆถามเธอกลับบ้าง
“ก็โอเค” น้ำเสียงไม่ทุกข์ไม่ร้อนของคราเทลส่งผลให้เอวิวถึงกับเงยหน้าขึ้นจ้องเธอราวกับจะต่อว่าอะไรบางอย่าง นี่เธอยังไม่ได้พูดว่า ‘ทำได้’ หรือว่า ‘สบายมาก’ เลยนะ ทำไมชายหนุ่มถึงต้องทำท่าโกรธอะไรขนาดนั้นด้วย
“โอเคยังไง?” เอวิวถามก่อนจะหยุดกินอาหารบนจานของตนเองแล้วมองเธอด้วยสายตา...กดดัน
“โหย! นายอย่ามามองฉันแบบนี้สิ ก็แค่พอทำได้เท่านั้นเอง ไม่เห็นต้องมาทำหน้าเหมือนกับว่าฉันไปทำให้นายป่วยแบบนั้นเลยก็ได้!” และคนที่ไม่ชอบการถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นก็ถึงกับแสดงนิสัยของตนเองออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะรีบยกมือขึ้นปิดปากของตนเองทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรจะทำอย่างนี้กับคนที่เพิ่งรู้จักกัน
แต่สงสัยว่า....คงไม่ทันซะแล้วล่ะ
“ฮ่าๆๆๆ! ที่แท้ นิสัยเธอก็เยี่ยมอย่างนี้เองคราเทล!”
“ใช่ๆ! นี่ฉันกับอาร์คถึงกับวางแผนกันตั้งนานกว่าจะหาวิธีให้เธอแสดงนิสัยจริงๆของเธอออกมาได้”
ว่าแล้วเจ้าสองพี่น้องตัวแสบที่หัวเราะอย่างอารมณ์ไม่เว้นแม้กระทั่งเอสตาร์ที่พลอยหัวเราะไปด้วยก็ทำให้อารมณ์ของหญิงสาวปรี๊ดขึ้นมาอีกหน
“แล้วนี่ตกลงว่าทำข้อสอบได้จริงๆหรือเปล่าเนี่ย ไม่ใช่ว่าแกล้งทำเป็นเครียดเพื่อมาล้วงเอานิสัยฉันเล่นๆเนี่ย”
“ก็ทำไม่ได้จริงๆ แต่พวกฉันก็มีวิธี” อาร์คเอ่ยพลางยักคิ้วส่งให้เธออีกหนจนหญิงสาวถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างนึกสงสัยว่าพวกเขามีวิธีอะไร
“ใช่! ฉันกับอาร์คน่ะไม่ใช่พวกเดเทรียล* มาเกิดเหมือนเธอกับเอสตาร์นะ ถึงจะตอบคำถามโคตรมหาสุดยอดแห่งความยากพวกนั้นได้หมด” เอวิวกล่าวพลางมองคราเทลและเอสตาร์อย่างค้อนๆ และนั่นก็ยิ่งกระตุ้นให้ความอยากรู้อยากเห็นของยัยตัวแสบเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
“สูตรของพวกเราก็คือ....”
“ก็ พวกข้อเขียนที่ถามความเห็นน่ะ เราก็ตอบหมดนั่นแหละ แต่เหตุผลเราจะเขียนว่า เพราะชอบมากกว่าอีกอัน ส่วนวิชากากบาทของคำนวณก็ตอบ ก. หมด ส่วนภาษา ตอบ ง. ประวัติศาสตร์ตอบ ข. สุดท้ายก็ทฤษฎีเวทย์ก็ ค.”
“หา!!”
คำตอบของเจ้าพี่สองของคนทำเอาคราเทลแทบจะหงายหลังหัวฟาดพื้น แต่เอสตาร์นั้นไวกว่า เอื้อมมือมาคว้ามือของเธอเอาไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นเธอคงได้เอาหัวไปวัดกับพื้นกระเบื้องแข็งๆนี้แน่ๆ
“พวกนายกลัวเขาไม่รู้หรือไงว่าทำข้อสอบไม่ได้!”
“เป็นธรรมดาแหละ”เอวิวกลับยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจสักเท่าไหร่ เหมือนกับว่าแบบทดสอบข้อเขียนพวกนี้ไม่มีผลกับการที่เขาจะเข้าเรียนที่นี่เลยสักนิด
“ใช่ เพราะข้อเขียนพวกนี้ เหมาะที่จะเอาไปรวมคะแนนในภาคคราวน์กับเนเจอร์ พวกฝ่ายบู้อย่างพวกเราน่ะไม่เกี่ยวหรอก...อ้อ! แล้วอยากรู้สิ่งที่แฝงไปกับคำตอบที่พวกเรากาไปหรือเปล่า” อาร์คส่งรอยยิ้มโชว์เขี้ยวของเขาอีกครั้งและนั่นทำให้คราเทลถึงกับยกมือขึ้นมากุมขมับกับความแสบของเจ้าพี่น้องสองคนนี้
‘ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสองคนนี้จะเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กของเอสที่ดูเงียบๆและผู้ดีแบบนี้ได้!’ คราเทลคิดแล้วอยากจะเอาหัวโขกเสาข้างๆนี้ให้รู้แล้วรู้รอด!
“ก. หมายถึง กลัวเด็กผ่านหรือยังไงวะ ส่วนข.หมายถึง ขอบคุณที่เปลืองค่าหมึกที่ทำข้อสอบมาให้ ค.หมายถึง คิดให้ตายก็คิดไม่ออกหรอกว่ะ! และ ง.หมายถึงโง่โคตรๆ” คำอธิบายของเอวิวเล่นเอาหญิงสาวแทบจะตกออกจากที่นั่งอีกรอบ
“แล้วแกได้เขียนกำกับให้คนตรวจข้อสอบหรือเปล่าวะ” อาร์คหันไปถามน้องชายของตนเองด้วยสีหน้าจริงจัง เอวิวพยักหน้ารับเล็กน้อย แต่ตอนนี้หญิงสาวรู้สึกอยากได้ยาดมด่วน เธอจะเป็นลม! เธอพอจะรู้แล้วล่ะว่า ถ้าอยากได้พวกแนวหน้าที่ใจกล้าหน้าด้านแล้วล่ะก็ ให้เรียกบริการสองพี่น้องนรกนี่โดยด่วน! รับรองไม่เสียค่าบริการแถมยังจะเสนอตัวมาหาภายในสิบนาทีอีกด้วย!!
“พวกนายก็เล่นแบบนี้อยู่เรื่อย ตกลงอยากเข้าเรียนที่นี่จริงๆหรือเปล่าเนี่ย” เอสตาร์พูดด้วยน้ำเสียงดุๆ รวมไปถึงแววตาปรามๆของเขาที่จ้องมองไปยังชายหนุ่มอีกสองคนส่งผลให้จำเลยทั้งสองหัวเราะแห้งๆเหมือนกับรู้ว่าตนเองมีความผิด
แต่ก็ใช่ว่ารู้แล้วจะสำนึก....
“เอาหน่า พวกเราพยายามที่สุดแล้วนะ”
“นั่นสิๆ”
ว่าแล้วทั้งสองก็ส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้เอสตาร์และคราเทลเพื่อแสดงถึงความจริงใจและขอความเห็นใจ แต่มันทำให้เธออยากจะอ้วกเพราะรู้ดีว่าสองคนนี้ขี้เกียจมากกว่าโง่!