ตอนที่ 8.2 : แบบทดสอบแรก

1502 คำ
ออด~! “อีกยี่สิบนาทีจะเริ่มบททดสอบแรกที่อาคารอเนกประสงค์ชั้นหนึ่ง ทุกๆภาคจะได้รับแบบทดสอบเหมือนกันเพียงแต่คนละเวลา ซึ่งจะเริ่มจากเวอร์ริเออร์และคริสตัลก่อนเป็นอันดับแรก เพราะฉะนั้นกรุณาตรวจทานชื่อที่หัวข้อสอบเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นด้วยค่ะ” เสียงที่ดังออกมาจากเครื่องขยายเสียงซึ่งติดอยู่ในทุกมุมของโรงเรียนส่งผลให้เสียงที่ดังออกมานั้นส่งเสียงกังวาลไปทั่วทุกบริเวณเรียกให้ยัยตัวแสบรู้สึกขนลุกซู่เนื่องจากจำได้ดีว่านี่เป็นเสียงของมาเรียเจ้าระเบียบที่เครื่องขยายเสียงนั้นไม่อาจจะลดทอนความตึงเครียดที่แฝงออกมากับน้ำเสียงของคุณเธอได้เลย เสียงลมพัดพร้อมกับเศษใบไม้และฝุ่นที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นน้ำคลุ้งกระจายไปทั่ว ความหนาวที่ไม่ได้สัมผัสมานานทำให้หญิงสาวได้แต่ยืนนิ่ง ก่อนจะรู้สึกตัวว่าที่เธอขนลุกนั้นไม่ได้เกิดจากเสียงของมาเรียแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะลมหนาวนี่ต่างหาก... ‘รู้สึกขนลุกล่วงหน้า....ทั้งๆที่ลมเย็นๆนี่ยังไม่ได้พัดมาอย่างนั้นเหรอ’ คราเทลขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจตนเองก่อนที่สองพี่น้องฝาแฝดซึ่งจัดได้ว่าหน้าตาดีจนโดดเด่นกว่าคนอื่นๆที่เดิมมาด้วยจะมาหยุดยืนตรงหน้าเธอพร้อมกับส่งยิ้มกวนประสาทให้จนโชว์เขี้ยวเล็กๆที่เธอเพิ่งจะสังเกตเห็นชัดๆเมื่อพวกเขายืนอยู่ใกล้ๆ “มาถึงกันเร็วจังเลยแหะ ฉันกับอาร์คหาชื่อกันจนเหงื่อแตกเต็มตัวไปหมดเลย” เอวิวเอ่ยพลางปลดกระดุมของตนเองออกมาสองเม็ดเพื่อระบายความร้อนที่ดูเว่อร์เกินจริงจนหญิงสาวอดที่จะรู้สึกหมั่นไส้ไม่ได้ ก็ดูสิ พวกสาวๆที่เดินกรู่กันมานี่มองเขาตาค้างราวกับว่ามันเป็นอะไรที่น่าดูมากอย่างนั้นแหละ ไม่นานนัก พวกเธอทั้งหมดก็ถูกพวกรุ่นพี่เรียกเข้าไปภายในอาคารที่เธอเคยเหยียบย่างเข้าไปแล้วครั่งหนึ่งเมื่อวาน ความตื่นเต้นนั้นจึงไม่มากเท่าไหร่นัก แต่สำหรับผู้สมัครคนอื่นๆนั้น พวกเขาเพิ่งจะได้เข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก จึงไม่แปลกที่ทุกคนจะทำหน้าตาตื่นตาตื่นใจมากที่ได้เห็น สังเกตได้จากแววตาระยิบระยับแต่หลายๆคนยังคงมาดความเป็นผู้ดีเอาไว้ทุกกระเบียดนิ้วด้วยการทำสีหน้านิ่งๆราวกับสถานที่ใหญ่โตแบบนี้เป็นสิ่งปกติที่เขาเจอมาทุกวันอยู่แล้ว ในอาคารอเนกประสงค์ที่เมื่อวานนี้ยังคงว่างเปล่า กลับมีโต๊ะจำนวนหลายร้อยตัววางเรียงกันเป็นแถวๆอย่างเป็นระเบียบอยู่บนพื้นปูนสีฟ้าอ่อนตัดกับสีของกำแพงซึ่งเป็นสีขาวสะอาดและถูกแขวนด้วยกรอบรูปเต็มไปหมดราวกับว่าห้องนี้เป็นที่จัดนิทัศกาลภาพวาดส่งผลให้บรรยากาศในวันนี้ดูต่างจากเมื่อวานลิบลับ เห็นทีว่าการทดสอบแรกของที่นี่คงจะเป็นข้อสอบข้อเขียนทั่วๆไปเหมือนกับโรงเรียนอื่นๆซึ่งดูแล้วไม่น่ากลัวตรงไหน เพราะสำหรับคนชอบอ่านหนังสืออย่างเธอแล้ว เรื่องพวกนี้ก็คงไม่ยากเกินความสามารถหรอก....มั้ง หญิงสาวคิดพลางกวาดตามองดูจำนวนคนที่เข้ามารับการทดสอบชุดแรกที่มีจำนวนมากพอสมควรเสียจนเจ้าของใบหน้าหวานรู้สึกตาลาย “เออคราเทล! ฉันไม่เคยถามเธอเลยนี่ว่ามาจากเมืองไหน” อาร์คเอ่ยพลางเอื้อมมือมาจับหน้าของเธอให้สนใจเขา แทนที่จะเป็นภาพวุ่นวายตรงหน้า ซึ่งมันช่วยให้เธอรู้สึกสบายตาขึ้นอีกมากโข “ทราวิลเลีย แล้วพวกนายล่ะ” “ไคเรส!” อาร์และเอวิวเอ่ยตอบพร้อมกันอย่างกับนัดหมายกันมา แต่ดูเหมือนกับว่าคราเทลจะเริ่มชินกับการพูดจาราวกับว่าเป็นคนๆเดียวกันอย่างสองคนนี้ หญิงสาวพยักหน้ารับช้าๆ ก่อนจะเดินไปดูรายชื่อของเธอซึ่งจะระบุเลขที่นั่งสอบตรงบริเวณกระดานติดประกาศแผ่นใหญ่ตรงข้างๆทางเข้าซึ่งถูกครอบด้วยตู้กระจกอย่างดี จากนั้นเจ้าตัวก็เดินไปนั่งประจำที่โต๊ะของตนเอง ‘ข้อสอบจะเป็นแบบไหนกันนะ.....’ ร่างบางคิดพลางเอื้อมมือไปหยิบปากกาขนนกซึ่งวางอยู่ตรงมุมโต๊ะ ถัดมาจากขวดหมึกแล้วหมุนมันไปมาอย่างใช้ความคิด ออด~! สัญญาณออดที่ดังขึ้นอีกครั้งส่งผลให้ร่างบางที่กำลังจมอยู่กับความคิดของตนเองถึงกับสะดุ้งโหยง และเมื่อเธอกวาดตามองดูรอบๆก็พบว่าทุกคนต่างก็นั่งประจำที่กันหมดแล้ว แถมพวกรุ่นพี่ผู้ชายในเสื้อคอกลมสีดำแขนสั้นและกางเกงขายาวสีดำ ถูกคลุมทับด้วยเสื้อคลุมคอปกสีน้ำเงินเข้มแขนยาว ตรงชายเสื้อยาวจนถึงข้อเท้า ตรงหัวไหล่ด้านขวามีรูปดาบขนาดเล็ก ปักด้วยดิ้นทอง ข้างใต้ถูกปักด้วยอักษรภาษาอังกฤษว่า ‘Warrior’ ส่วนตรงบริเวณอกมีดาวอยู่หนึ่งสองและสามดวงซึ่งคงจะหมายถึงระดับชั้นปีที่สองและสามตามจำนวนดาวในรองเท้าบูทสีน้ำตาลชั้นดียังเดินตรงมาแจกข้อสอบให้กับพวกเธออีกด้วย และคนที่มาแจกข้อสอบให้เธอก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจาก....คนที่บอกเธอว่าติดธุระเมื่อเช้านี้ เนเธอร์ เรเมอร์! ใบหน้าคมคายในชุดนักเรียนส่งผลให้เขาแลดูเป็นผู้ใหญ่ที่มีความเท่เพิ่มมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เส้นผมสีน้ำตาลนั้นตัดกับสีของเสื้อผ้าที่ใส่บนร่างสูงโปร่ง กำยำอย่างพอดีตัวทำให้เขาแลดูโดดเด่นและดูน่ากรงขามเสียจนเธอยังตกใจ แต่..... “ไหนบอกว่าติดธุระไง!” ยัยตัวแสบเหน็บแนมพี่ชายของตนเองทันทีเมื่อเขาเดินแจกข้อสอบมาจนถึงคิวของเธอ แล้วพี่เนเธอร์ของเธอก็ทำเพียงแค่ยักคิ้วส่งให้อย่างกวนประสาทแล้วเดินผ่านไป แสดงให้เห็นเด่นชัดว่ากำลังแกล้งยั่วโมโหเธอเล่นแล้วจากไป.... ดวงตาสีอเมทิสต์มองค้อนร่างสูงที่เดินผ่านเธอไปเป็นเชิงบอกว่า ‘ฝากไว้ก่อนเถอะ’ จากนั้นก็ก้มลงมองข้อสอบในมือในขณะที่พี่ชายบุญธรรมของตนนั้นกลับไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายซึ่งก็คือการแจกกระดาษข้อสอบให้คนอื่นๆต่อนั่นเอง ‘ข้อที่แรก ถ้าหากให้เลือกระหว่างอิสรภาพที่แลกมาด้วยการนองเลือด กับสันติสุขที่ถูกสร้างขึ้นด้วยม่านน้ำตา คุณจะเลือกอะไร’ “ข้อแรกมาก็ตอบยากเลยแหะ” คราเทลพึมพำออกมาเบาๆก่อนจะพยายามงัดหาเหตุผลในหัวของตนเองออกมาแล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาโดยที่เธอแทบไม่ต้องคิดอะไรมากด้วยซ้ำ ‘อิสรภาพที่แลกมาด้วยการนองเลือด....เพราะ....’ หญิงสาวถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ เหตุผลทั้งหลายดูเหมือนจะไม่มีอยู่ในความคิดของเธอสักนิดแต่ทำไมเธอถึงได้เลือกที่จะตอบข้อนี้... แต่แล้วลึกๆในใจของเธอ เธอรู้สึกเหมือนกับต้องการอิสรภาพ ต้องการทั้งๆที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองถูกกักขังด้วยอะไร รู้เพียงอย่างเดียวว่า แม้การนองเลือดจะเป็นสิ่งที่น่ากลัว แต่มันก็คุ้มค่าที่จะเสียไปเพื่อแลกกับอีกสิ่งหนึ่งที่เราคิดว่าคุ้มค่า คิดได้ดังนั้น หญิงสาวก็จรดปากกาของตนเองลงบนแผ่นกระดาษเพื่อตอบคำถามแรกซึ่งเริ่มทำให้เธอหวั่นใจว่า คำถามต่อๆไปคงจะไม่ได้หมูๆอย่างที่คิดซะแล้ว ‘ไม่มีอะไรในโลกใบนี้ที่ได้มาฟรีๆ ทุกๆอย่างที่เราได้มานั้นจะต้องมีการแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่มีมูลค่าเท่าเทียมกัน ซึ่งถ้าเป็นฉัน ฉันจะเลือกอิสรภาพที่แลกมาด้วยการนองเลือดเพราะคิดว่า เจ็บที่กายนั้นรักษาง่ายกว่าบาดเจ็บที่ใจ แผลที่ได้รับจากการสู้รบเพื่ออิสรภาพนั้น ย่อมทำให้ทุกคนรู้สึกคุ้มค่ามากกว่าสันติสุขที่แลกมาด้วยแผลใจอันเป็นต้นเหตุของการก่อให้เกิดน้ำตาที่ไม่รู้ว่าจะสามารถเยียวยาได้หรือเปล่า ไม่แน่ว่าชั่วชีวิตอาจจะไม่สามารถรักษาได้เลย ผิดกับแผลกายที่เพียงแค่ใช้ยารักษาและกำลังใจก็สามารถหายขาดได้ไม่ช้าก็เร็ว’
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม