《YEONTAN PART》
*ห้องแลปชั้น2*
“เรื่องเรียนเป็นไงบ้างนี่ก็ใกล้สอบแล้ว โอเคไหม”ผมถามแพรวาที่มาช่วยผมทำวิจัยหลังเลิกเรียน
“โอเคนะคะ แพรเคลียร์งานทุกอย่างหมดแล้ว”แพรวาหันมาตอบแล้วไปช่วยผมล้างพวกหลอดแก้วทดลองต่อ
นี่ก็ประมาณเกือบ3เดือนแล้วที่แพรวาออกมาอยู่ข้างนอกคนเดียว สภาพจิตใจของเธอตอนนี้ก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเริ่มยิ้มและหัวเราะมากขึ้น ส่วนเรื่องที่บ้านของเธอผมไม่กล้าถามแต่ก็น่าจะไม่มีอะไรคืบหน้า ผมเลยต้องช่วยดูแลเธอตามที่แม่ของเธอขอไว้ อย่างน้อยก็ช่วยให้เธอเรียนจบและมีงานทำผมถึงจะหมดห่วงเธอได้
“อาจารย์มีธุระที่ไหนต่อหรือเปล่าคะ”
“ไม่มี ทำไมหรอ”
“แพรอยากชวนอาจารย์ไปทานข้าวเย็นน่ะค่ะ พอดีเมื่อวานแพรไปเจอร้านเด็ดมาแล้วคิดว่าอาจารย์ต้องชอบแน่ๆ”แพรวาพูดอย่างมั่นใจ
“เอาสิ!!!ไปกันเลยไหมนี่ก็เย็นมากแล้ว”ผมมองนาฬิกาแล้วช่วยเธอล้างหลอดแก้วที่เหลือก่อนจะเดินออกจากโรงเรียนพร้อมกัน จริงๆเราก็ออกจากโรงเรียนพร้อมกันทุกวันเพราะผมต้องไปส่งเธอที่หน้าคอนโดแล้วก็ไปรับเธอที่หน้าคอนโดทุกเช้า ทั้งหมดนี่คือความเคยชินที่ผมทำทุกวัน
“เป็นไงคะอร่อยไหม”แพรวามองมาที่ผมแบบลุ้นๆหลังจากที่ผมคีบบะหมี่เข้าปาก
“ก็ใช้ได้”ผมพยักหน้าให้เธอ จริงๆร้านนี้ผมก็เคยมาทานแล้วหลายครั้งเพราะมันไกลจากคอนโดผมไม่มาก เดินไม่กี่นาทีก็ถึงแต่ก็ต้องทำเป็นชอบและแปลกใหม่เพราะ ยัยเด็กที่พาผมมาวันนี้ดูเธอตั้งใจพรีเซนต์มากเป็นพิเศษ
“แพรว่าแล้ว งั้นทานเยอะๆนะคะมื้อนี้แพรเลี้ยงอาจารย์เอง”
“ได้ไงมื้อนี้อาจารย์เลี้ยงเอง”ผมปฏิเสธอยู่ๆจะให้เธอมาเลี้ยงได้ยังไง ผมเป็นผู้ชายอายุก็มากกว่าแถมมีงานทำแล้วด้วย
“ให้แพรจ่ายเถอะค่ะ ถือว่าเป็นค่าน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ที่อาจารย์อุส่าห์ซื้อมาฝากแพรทุกวัน”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ค่ะ!!!”แพรวาพูดจบก็ชิ่งวิ่งไปจ่ายเงินกับคุณลุงเจ้าของร้านแบบไม่ให้ผมแย้งได้อีก
“เธอนี่นะ”ผมว่าเธอไล่หลังแบบไม่จริงจังนัก
“ไปค่ะ จ่ายเงินเรียบร้อยกับบ้านได้”แพรวาเดินกลับมาที่โต๊ะเพื่อหยิบกระเป๋านักเรียนและผมก็เดินมาส่งที่หน้าคอนโดเหมือนทุกวัน
“ขอบคุณนะคะอาจารย์ที่มาส่ง”แพรวาหันมาขอบคุณผมเหมือนทุกวัน
“อื้ม!!รีบขึ้นไปบนห้องได้แล้ว และอย่าลืม...”
“อย่าลืมล็อคประตูให้เรียบร้อย อาจารย์จะพูดแบบนี้ใช่ไหมคะ แพรฟังมาทุกวันจนตอนนี้มันฝังอยู่ในหัวแล้วค่ะอาจารย์ไม่ต้องห่วง กลับบ้านดีๆนะคะ”แพรวาทำท่าตะเบะเหมือนทหารแล้วหมุนตัวจะเดินเข้าคอนโดแต่ทว่า..
“ว๊ายยยย โอ๊ยๆๆ”อยู่ๆแพรวาก็ล้มลงดีที่ผมเข้าไปรับไว้ทัน แล้วประคองเธอมานั่งที่โต๊ะตรงทางเข้าคอนโด
“เป็นอะไรไหม เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”ผมถามทันที่เธอนั่งลง
“จะ...เจ็บตรงข้อเท้าค่ะ”แพรวาก้มลงไปจับข้อเท้าที่ตอนนี้เริ่มบวมและแดง
“ข้อเท้าซ้นแน่ๆเลยอาจารย์ขอดูหน่อยนะ”ผมค่อยถอดรองเท้าและถุงเท้าของเธอออก และจับบริเวณที่เธอเจ็บดู ดีที่กระดูกไม่ได้หักแค่ซ้นๆเพราะเธอหมุนตัวเร็วไปหน่อย
“บนห้องเธอมีพวกเคาเตอร์เพลนไหม”
“น่าจะมีนะคะ เดี๋ยยแพรขึ้นไปทา อาจารย์กลับบ้านเลยก็ได้คะ”แพรวาก้มลงเก็บถุงเท้ารองเท้าแต่ยังไม่ทันได้ลุกขึ้น ก็ต้องนั่งลงอีกครั้งเพราะความเจ็บปวด
“เธอเดินไปเองไม่ไหวหรอก เดี๋ยววันนี้อาจารย์ขึ้นไปส่งแล้วจะพันขาให้ด้วย ไม่งั้นพรุ่งนี้เธอไปเรียนไม่ได้แน่ๆ”ผมรวบกระเป๋าของเธอมาถือไว้และค่อยประคองเธอลุกขึ้น
“แต่...”
“ไม่ต้องห่วงคุณไว้ใจผมได้”ผมพูดจบก็ประคองเธอขึ้นมาข้างบน แล้วไปหยิบยานวดมานวดให้เธอ
“จริงๆแพรทำเองก็ได้นะคะ แพรเกรงใจ”แพรวาพยายามจะแย่งยาที่มือผมไปทาเอง
“ไม่ต้องเกรงใจ ผมอยากทำให้”แพรวาเงียบไผกับคำพูดของผม ผมเองยังอึ้งกับคำพูดของตัวเองเลยเพราะคำนี้มันไม่น่าใช้กับลูกศิษย์ในขณะที่อยู่ด้วยกันในห้องสองต่อสองแบบนี้
“ที่ผมพูดผมหมายถึง ผมเป็นหมอผมเข้าใจเรื่องกระดูกและเส้นเลือกมากกว่าคุณ ให้ผมทำให้คุณน่าจะหายเร็วมากกว่า”ผมรีบแก้ตัว
“อาจารย์เป็นหมอหรอคะ แล้วทำไม..”
“ผมถึงมาเป็นครูนะหรอ”ผมพูดอย่างรู้ทัน เพราะทุกคนที่รู้จักผมก็มักจะถามแบบนี้เหมือนกัน
“ค่ะ”แพรวาพยักหน้า
“ผมมีความฝันว่าอยากเป็นครูมาตั้งแต่เด็กๆแต่ที่บ้านอยากให้เรียนหมอเพราะทั้งคุณพ่อคุณแม่คุณปู่คุณย่าของผมเป็นหมอกันหมดและที่บ้านผมก็เปิดโรงพยาบาลนั่นก็ยิ่งเป็นเหตุผลที่ผมต้องเรียนหมอ แต่ก็อย่างว่าผมไม่ได้ชอบอาชีพหมอเท่าไหร่พอเรียนหมอจบเลยขอที่บ้านว่าจะมาเป็นครูขอเป็นแค่สองปีแล้วผมจะยอมกลับไปเป็นหมอเหมือนเดิม แต่ก็นะตอนนี้ผมก็เป็นครูมาเกือบ5ปีแล้ว ผมสนุกกับการได้สอนหนังสือได้สอนเด็กดื้อๆอย่างพวกคุณ พอครอบครัวผมเห็นแบบนี้ก็เลยเลิกบังคับผมไปเลย แต่ผมก็รู้แหละว่าสุดท้ายผมคงต้องกลับไปเป็นหมอเหมือนเดิมอยู่ดี”ผมเล่าไปก็พันขาให้แพรวาไปด้วย พอเล่าจบก็เสร็จพอดี
“อาจารย์เก่งจังเลยคะ แต่พอท้ายๆก็แอบเศร้าเล็กๆนะคะที่อาจารย์จะไม่ได้ทำตามความฝัน”
“ไม่เศร้าหรอก ผมว่าผมเนี่ยโชคดีที่สุดแล้วที่อย่างน้อยก็ได้ทำตามความฝัน แม้มันจะเป็นแค่ระยะเวลาสั้นๆก็ตาม...อ่ะผมพันขาให้คุณเรียบร้อยแล้วกว่ามันจะหายดีคงใช้เวลาสองสามวันระหว่างนี้ก็อย่าเดินบ่อยส่วนเรื่องเรียนก็คงต้องหยุดซักหนึ่งวัน”
“ขอบคุณนะคะอาจารย์”ผมพยักหน้าให้แพรวาก่อนจะเก็บอุปกรณ์พยาบาลต่างๆไปเก็บให้เข้าที่
“ผมกลับก่อนนะ คุณก็เข้าไปพักผ่อนได้แล้วจะได้หายไวๆ”ผมบอกแพรวาก่อนหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกมาจากห้องเธอ
ระหว่างทางที่เดินกลับคอนโด อยู่ๆเหตุกาณ์เมื่อกี้ก็วนกลับมาทำให้ใจผมเต้นแรงอีกครั้ง จริงๆมันก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ผมได้มีโอกาสอยู่ใกล้ๆแพรวา
“ไม่ได้ๆแพรวาเป็นลูกศิษย์เราจะคิดอะไรแบบนั้นกับเธอไม่ได้”ผมพยายามสลัดความคิดบ้าๆออกจากหัว แล้วเดินกลับคอนโด
ปี๊นนนน ปี๊นนนนนน
อยู่ๆก็มีรถเก๋งบีบแตรเสียงดังแล้วขับมาจอดตรงที่ผมยืน ซักพักเธอก็ลดกระจกลงมา
“คุณคะ ขอถามทางหน่อยได้ไหมคะ”
“มะปราง!!!”ผมเดินเข้าไปใกล้รถเธอ มะปรางคือเพื่อนผู้หญิงเพียงคนเดียวของผมตอนเรียนมหาลัย เราสนิทกันมาก ตอนฝึกงานที่โรงพยาบาลเราก็ฝึกโรงพยาบาลเดียวกันและตอนเริ่มทำงานเราก็ยังทำที่เดียวกันด้วย แต่พึ่งมาแยกกันตอนที่ผมย้ายมาเป็นครู
“จำฉันได้ด้วยหรอ ฉันคิดว่านายลืมฉันไปแล้วนะเนี่ย”มะปรางเปิดประตูลงมาจากรถแล้วมายืนคุยกับผมที่ริมฟุตบาท
“จะลืมได้ยังไงละ ว่าแต่เธอเถอะเป็นแพทย์ประจำบ้านแต่ยังเธอก็ยังมีเวลาว่าง ฉันละอิจฉาเธอจริงๆ”มะปรางตัดสินใจเรียนต่อเฉพาะทางตอนนี้เธอเลยต้องเรียนและฝึกงานในโรงพยาบาลไปด้วย
“เหอะ!!ชีวิตนายน่าอิจฉากว่าตั้งเยอะ รู้ไหมว่ากว่าที่ฉันจะออกมาจากโรงพยาบาลได้ไม่ใช่เรื่องงานเลยนะ”
“5555 เพราะอย่างนี้หล่ะที่ฉันไม่อยากเป็นหมอ”ผมหัวเราะเพราะมันจริงอย่างที่เธอว่าถ้าผมยังเป็นหมออยู่ตอนนี้สภาพผมคงไม่ต่างไปจากเธอ
“ไปดื่มกันม่ะ ก่อนที่ฉันจะต้องกลับเข้าไปที่โรงพยาบาล”
“เอาสิ”ผมตอบรับคำชวนและขึ้นมาบนรถของเธอเพื่อไปหาร้านดื่นกันยามคำคืน..