“วันนี้เธอต้องทำคนเดียวนะ โอเคใช่ไหม” เสียงพลอยใสเอ่ยถามร่างเล็กของใบข้าวที่ยืนอยู่ภายในห้องพักชั้นใต้ดินของร้านเหล้าชื่อดัง หลังจากที่วันนี้มีคนลาพอดี ทำให้ใบข้าวสามารถมาทำงานพิเศษอีกวันได้ โดยพลอยใสเป็นคนส่งข้อความไปบอกคนตัวเล็กเอง แต่เธอไม่ว่างที่จะทำงานเป็นเพื่อนกับเพื่อนได้
“โอเค ทำได้ ไม่ต้องห่วง” เรียวปากสีหวานยิ้มบอกเพื่อนของตัวเองอย่างรู้สึกขอบคุณที่ให้งานเธออีกวัน และเป็นจังหวะที่ใบข้าวกำลังว่างอยู่พอดี
“อืม แต่ทางพี่เบญเขาแจ้งอะไรมาหน่อยน่ะ สำหรับการทำงานของเธอ”
“อื้ม ว่ามาได้เลย”
“เรื่องเวลาน่ะ พี่เขาอยากให้เธอทำถึงแค่สี่ทุ่มไม่ก็ห้าทุ่ม ไม่อยากให้เลยเที่ยงคืน เพราะกลัวว่ามันจะดึกจนเกินไป…”
“อ๋อ ได้สิ ฉันเองก็คิดแบบนั้น” คนตัวเล็กพยักหน้ายิ้มตอบกลับเพื่อนตัวเองด้วยความเข้าใจทุกอย่าง
“โอเค ถ้างั้นเริ่มทำได้เลยนะ ถ้าเสร็จแล้ว เดี๋ยวพี่เบญน่าจะเป็นคนมาคุยกับเธออีกครั้ง แล้วก็อย่าลืมระวังตัวเองด้วย” พลอยใสกำชับโทนเสียงห่วงใย
“อื้ม ^^” ใบข้าวจึงยกยิ้มหวานตอบกลับไปอย่างเข้าใจทุกอย่าง ก่อนที่ร่างเล็กจะเดินตรงเข้าไปยังห้องพักห้องแรกที่เธอจะต้องเป็นคนทำความสะอาดเก็บกวาดทุกอย่างให้เรียบร้อยในวันนี้…
ด้านไคลน์
@THE BLACK ONE
“ไงมึง ทำไมไปส่งนานจังวะ หรือว่า…ติดกับเข้าแล้ว?” เสียงไซม่อนที่นั่งอยู่เอ่ยถามร่างสูงของวินเซนต์ที่เดินเข้ามาด้วยคำพูดหยอกล้อ คนมาใหม่ที่ได้ยินจึงไม่รอช้าที่จะยกนิ้วกลางให้กับเพื่อนสนิทตัวเองพลางนั่งลงบ่น
“รถแม่งโคตรติด แถมประสาทจะกิน”
“ทำไม” วิกเตอร์ที่นั่งอยู่ถาม
“ปวดหัวกับเด็กบ้า” วินเซนต์เอ่ยหลังจากที่เขาเพิ่งตีรถกลับจากการไปส่งน้องเพื่อนมา แน่นอนว่า ตอนแรกเขาจะไม่ไป แต่สุดท้ายก็ทนความวอแวของคนตัวเล็กไม่ไหว จนทำให้เขามาที่ร้านประจำที่มีเพื่อน ๆ รออยู่ช้ากว่าปกติ
“แล้วไอ้อีริคไปไหน”
“ติดงาน” วิกเตอร์ตอบกลับคำถามของวินเซนต์ ก่อนที่คนตัวสูงที่ได้ยินจะพยักหน้าตอบกลับ ซึ่งในตอนนั้น
“แต่กูว่าเพื่อนเจนิสก็ใช้ได้นะ หน้าตาน่ารักทั้งคู่” อยู่ ๆ ไซม่อนเสือประจำกลุ่มก็พูดขึ้น พลางหันมาถามไคลน์ที่นั่งอยู่
“มึงว่าไง?”
“ทำไมเจาะจงถามมัน” วินเซนต์ถามขึ้น ทำให้ไซม่อนที่นั่งอยู่หัวเราะ
“ก็ไม่รู้ดิ กูรู้สึกเหมือนน้องคนที่ใส่แว่นตัวเล็ก ๆ ชื่ออะไรนะ…ใบข้าวใช่ไหม? นั่นน่ะ ดูเขาประหม่ากับมึงคนเดียวนะ” ไซม่อนเอ่ยบอกด้วยความสังเกตหลายอย่างอยู่ไม่น้อย แถมอาการของรุ่นน้องตัวเล็กนั้นก็ค่อนข้างชัดเจนกับเพื่อนของเขาอยู่มากเช่นกัน
“…” ไคลน์ก็เงียบไม่ตอบกลับอะไร
“หึ หน้าตาน่ารักใช้ได้เลยนะเว้ย ถ้าไม่ใส่แว่นก็คงยิ่งน่ารักเอาเรื่องเลย ไม่สนใจแนวนี้บ้างเหรอ?”
“…” คนที่ถูกถามก็เอาแต่นั่งเงียบไม่ตอบ
“อย่างน้อยก็น่าจะ ‘ซิง’อยู่นะ” ไซม่อนยังคงพูดออกมาตามประสาเสือร้าย วินเซนต์ที่ได้ยินจึงเอ่ย
“อย่าหาเรื่อง เพื่อนใคร มึงดูด้วย กูไม่อยากปวดหัวเพิ่ม” วินเซนต์คัดค้านขึ้น ขณะที่ไซม่อนนั้นก็ยักไหล่หัวเราะออกมา ก่อนที่ทั้งสี่จะนั่งเปลี่ยนเรื่องพูดคุยกันไป กระทั่ง…
พรึบ
เสียงร่างสูงของไคลน์ที่เอาแต่นั่งเงียบฟังเพื่อนพูดคุยกันลุกขึ้น ทำเอาวินเซนต์ที่นั่งอยู่หันถาม
“มึงจะไปเอาอีกแล้ว?”
“เปล่า”
“แล้วมึงจะไปไหน” เป็นวิกเตอร์ที่ถาม
“กลับ” ทันทีที่ริมฝีปากหนาตอบกลับ ทั้งสามก็หันมองเพื่อนตัวสูงมีความงุนงง
“ถามจริง? นี่เพิ่งห้าทุ่มเอง” วินเซนต์บอก
“วันนี้ไม่มีอารมณ์ จะกลับไปนอน” พูดจบ สองเท้าหนักของคนตัวสูงที่ต้องการออกมาพักผ่อนดื่มกับเพื่อน ๆ เพียงแค่นั้นก็ก้าวเท้าเดินออกไป โดยมีสายตาของบรรดาทั้งสามที่ยังคงนั่งอยู่มองตาม แต่ก็ไม่ได้คัดค้านหรือยื้อให้อยู่ต่อแต่อย่างใด พวกเขาค่อนข้างชินต่อนิสัยของกันและกัน และคนที่เดาความคิด อารมณ์ได้ยากที่สุดในกลุ่มก็คือไคลน์ที่เพิ่งเดินออกไป
ตึก
ตึก
เสียงเท้าหนักของไคลน์เดินตรงออกมาจากภายในร้านเหล้าชื่อดัง ก่อนจะเบี่ยงไปทางบริเวณหลังร้านเล็กน้อยเพื่อหยิบซองบุหรี่ขึ้นมาเพื่อจุดสูบก่อนขับรถกลับคอนโด แต่แล้วขณะที่มือหนาจัดการจุดบุหรี่ราคาแพงในมือ
“เจ้าจิ๋ว…” เสียงหวานของใครบางคนเอ่ยพูดกับอะไรบางอย่างก็ดังขึ้น ทำเอาชายที่ยืนอยู่ชะงักเหลือบแววตาคมกริบไปมอง ก่อนจะเห็นร่างเล็กที่เขาได้พบเจอวันนี้กำลังนั่งให้อาหารลูกแมวน้อยตัวหนึ่งอยู่ พร้อมกับเสียงแม่แมวตัวน้อยนั้นกำลังร้องนอนออดอ้อนหญิงสาว
“ว่าไงคะ โชคดี หิวแล้วใช่ไหม หิวก็กินเยอะ ๆ นะ จะได้มีแรงเลี้ยงเจ้าจิ๋ว” ใบข้าวนั่งยิ้มยกมือขึ้นลูบเล่นยังแม่แมวกับเจ้าจิ๋วลูกของมันด้วยความรู้สึกเอ็นดู รอยยิ้มหวานตาหยีนั้นฉายขึ้นบนใบหน้าเรียวใสอย่างชวนมอง ซึ่งก็มีสายตาคมของคนตัวสูงที่ยืนอยู่จ้องมองภาพนั้นไปอย่างที่เจ้าตัวไม่นึกรู้ กระทั่งเสียงแหลมของใครบางคนดังขึ้น
“น้องใบข้าว”
“ค่ะ พี่เบญ” คนตัวเล็กที่นั่งเล่นกับแมวจรอยู่ลุกขึ้นด้วยความรวดเร็ว พร้อมกับร่างของผู้จัดการร้านในส่วนของการดูแลความสะอาดสาวเท้าเดินเข้ามา
“นี่จ้ะค่าทำงานของวันนี้ ส่วนพรุ่งนี้กับมะรืน น่าจะไม่มีใครลาเลย แต่ถ้ามี เดี๋ยวพี่ให้พลอยมันแจ้งไปบอกแล้วกันนะ”
“ได้ค่ะพี่เบญ ^^”
“กลับดี ๆ ล่ะ คอยดูหน้าดูหลังด้วย” หญิงวัยสามสิบต้น ๆ มองหน้าเอ่ยบอกรุ่นน้องสาวที่ท่าทางน่าเอ็นดูอยู่ไม่น้อยขึ้น
“ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่เบญ ถ้ามีงานก็ให้พลอยบอกข้าวได้ตลอดเลยค่ะ”
“จ้า” สิ้นเสียงเบญญาบอก ใบข้าวก็ขอตัวเดินออกไปด้วยรอยยิ้มสดใสที่ยังคงฉายอยู่บนใบหน้า ขณะที่ไคลน์เองก็ยืนมองตามแผ่นหลังบางไปนิ่งด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาในความคิดของคนตัวสูง ทว่าในตอนนั้นเอง
“โอ๊ะ พี่ไคลน์…” ก็มีเสียงหวานของร่างสวยในชุดเดรสรัดรูปสุดเซ็กซี่ตรงเข้ามาทักทายชายหนุ่มที่ยืนหลบมุมสูบบุหรี่อยู่ ไคลน์ที่ได้ยินจึงหันไปมอง ซึ่งทันทีที่ถูกอีกคนหันมาให้ความสนใจ
“…มายืนเงียบ ๆ คนเดียวแบบนี้ไม่เหงาเหรอคะ ให้เนยยืนเป็นเพื่อนไหม หรือว่า…จะให้เนย นอนเป็นเพื่อน ก็ได้นะ” ร่างสวยอดีตดาวนิเทศปีสามมองหน้าพูดใส่รุ่นพี่หนุ่มวิศวะด้วยแววตายั่วยวนขั้นสุด มือสวยค่อย ๆ ยกขึ้นลูบเข้ายังหน้าอกแกร่งของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างสื่อความหมายพร้อมกับลากขึ้นไปจนเกือบถึงสร้อยเกียร์…
ทว่า
พรึบ!
เสียงมือแกร่งของคนที่ยืนอยู่จัดการปัดมือสวยนั้นออกไปด้วยใบหน้าราบเรียบ
“ไม่จำเป็น” สิ้นเสียงทุ้มนิ่งเอ่ย ไคลน์ก็จัดการทิ้งก้นบุหรี่ในมือลงพลางสาวเท้าเดินออกไปในทันทีอย่างไม่สนใจและไม่มีความต้องการทำในวันนี้ อดีตดาวนิเทศที่ถูกปฏิเสธจึงมองตามแผ่นหลังหนาไปด้วยความรู้สึกเสียหน้าหงุดหงิด
“ฮึ่ย! แต่ก็เอาเถอะ ยังไงเนยก็อยากได้พี่อยู่ดี” ทว่าสุดท้าย ไคลน์ก็ยังคงเป็นที่หมายปองของบรรดาสาว ๆ เป็นอย่างมากอยู่ดี จากบุคลิกที่ชวนให้หมายปอง…อยากเป็นเจ้าของ