อีกด้าน
“พลอย ฉันเก็บห้องนี้เสร็จแล้ว…” เสียงใบข้าวยิ้มเอ่ยบอกเพื่อนสนิทมัธยมปลายของตัวเอง หลังจากที่ใบข้าวค่อนข้างเกรงใจพ่อเลี้ยงและแม่ของตัวเองที่เธอมาอยู่หอแล้วค่าใช้จ่ายจะต้องเพิ่มมากขึ้น ทำให้คนตัวเล็กตัดสินใจแอบมาทำงานพิเศษหลังเลิกเรียนในบางวัน ซึ่งก็มีพลอยใสเพื่อนคนสนิทที่คอยให้ความช่วยเหลือและช่วยหางานให้ และด้วยอายุที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะตามกฎหมายดี ทำให้ใบข้าวต้องมาทำงานคอยเก็บทำความสะอาดห้องพักที่ชั้นใต้ดินของร้านเหล้าชื่อดังโดยไม่เป็นที่สนใจของใคร
“เสร็จแล้วเหรอ ฉันก็เก็บห้องนี้เสร็จแล้ว งั้นไปห้องสุดท้ายกัน น่าจะทำธุระกันเสร็จแล้วนะ”
“อืม” เจ้าของใบหน้าเรียวใสพยักหน้าตอบด้วยท่าทีรับรู้ว่าง่ายก่อนที่สองสาวจะพากันเดินตรงเข้าไปภายในห้องพักวีไอพีที่เพิ่งถูกใช้งานไปได้ไม่นาน ทว่าทันทีที่สาวเท้าเข้าไป
“…” ใบข้าวก็ต้องรู้สึกประหม่าไปกับภาพตรงหน้า ภาพของซองถุงยางที่ตกเกลื่อนอยู่บนพื้นห้อง รวมถึงซากถุงยางที่ถูกใช้งานไปแล้ว
แม้ว่าเธอจะพอรู้ว่าห้องพักส่วนนี้มีไว้เพื่ออะไร แต่เมื่อต้องมาพบเจอภาพแบบนี้ตรงหน้า คนที่ไม่เคยประสีประสากับเรื่องอย่างว่ามาก่อนก็อดที่จะรู้สึกเขินหน่อย ๆ ไม่ได้
“โห่ สภาพ ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าร้อนแรงแค่ไหน” พลอยใสหัวเราะเอ่ยออกมาพลางส่ายหน้าไปกับสิ่งที่เห็น แต่แล้วขณะที่กำลังเริ่มลงมือเก็บทำความสะอาด
“หูว!” อยู่ ๆ พลอยใสก็ร้องขึ้น ทำเอาใบข้าวที่กำลังจะลงมือเก็บทำความสะอาดห้องอยู่เช่นกันชะงักหันมองเพื่อนของตัวเอง
“มีอะไรเหรอ?”
“58”
“หือ??” ดวงตากลมโตจ้องมองเพื่อนด้วยความไม่เข้าใจ ทำให้พลอยใสที่เห็นคนชอบอยากรู้หยิบกล่องถุงยางอนามัยที่ตกไว้ขึ้นมา
“นี่ไง! ถุงยางไซซ์ห้าสิบแปด…” ทันทีที่พลอยใสพูดจบ ใบข้าวก็ทำหน้างุนงงไม่เข้าใจเหมือนเคย เธอรู้ว่าเพื่อนหมายถึงขนาดไซซ์ แต่ไม่เข้าใจว่าห้าสิบแปดที่เพื่อนพูดถึงนั้น มันคือขนาดเล็กหรือใหญ่
“…โอ๊ย ยังจะทำหน้างงอีก ก็คือ มัน! ใหญ่! มาก!…เป็นไซซ์ที่ไม่ได้หากันง่าย ๆ ในไทยเลยนะ คนที่มาเปิดห้องนี้ ต่างชาติชัวร์! ให้ตายเถอะ สภาพผู้หญิงจะเป็นยังไงบ้างละเนี่ย โดนไซซ์ขนาดนี้เข้าไป…” พลอยใสยังคงพึมพำพูดต่อออกมาตามประสา พลางไม่วาย
“…เธอเองก็ต้องระวังนะ อย่าหาแฟนไซซ์นี้เด็ดขาด มันใหญ่ไปสำหรับผู้หญิงไซซ์มินิแบบเธอ อย่างเธอหาแค่ สี่สิบเก้า ห้าสิบสองก็พอแล้ว”
“เฮ้อ พูดอะไรของเธอเนี่ย เลิกสนใจอะไรพวกนี้ได้แล้ว รีบทำกันเถอะ จะได้รีบกลับ” เรียวปากสีหวานบอกกับเพื่อนสนิทของตัวเองอย่างไม่อยากพูดเรื่องพวกนี้ต่อ และไม่อยากที่จะกลับหอพักดึกจนเกินไป พลอยใสที่ได้ยินจึงพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่ทั้งสองจะพากันทำความสะอาดห้องพักสุดหรูนี้เป็นห้องสุดท้ายเพื่อจบการทำงานพิเศษสำหรับวันนี้
ด้านไคลน์
หลังจากเสร็จกิจกรรมอย่างว่า สองเท้าหนักก็เดินกลับไปยังโต๊ะที่มีกลุ่มเพื่อนทั้งสามที่เหลืออยู่ด้วยท่าทีราบเรียบ ทว่าวินเซนต์ที่เห็น
“มึงหายไปไหนมา กูก็นึกว่ากลับไปแล้ว” หนุ่มบริหารมองหน้าถามเพื่อนสนิท ซึ่งไคลน์ก็เงียบไม่ตอบคำถาม ทำเอาทั้งสามที่นั่งอยู่ พอที่จะคาดเดาได้ไม่ยาก พวกเขาต่างรู้นิสัยกันและกันจากการคบหาเป็นเพื่อนกันมานานตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย
“กินเงียบเหมือนเดิมเลยนะ” วิกเตอร์พูดขึ้นเสียงนิ่ง ขณะที่ไซม่อนเองก็จ้องมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างล้อเลียนติดกวน แน่นอนว่าไคลน์ที่เห็นก็ไม่คิดสนใจอะไรต่อท่าทีพวกนั้นอย่างค่อนข้างชิน ทว่าขณะที่มือแกร่งของหนุ่มวิศวะกำลังจะยกแก้วเหล้าในมือกระดกดื่ม
ครืดดด~
เสียงโทรศัพท์ราคาแพงของทายาทตระกูลดังก็ดังขึ้น ทำให้ดวงตาคมกริบชะงักเลื่อนลงไปมองยังหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง แต่แล้วก็ต้องนิ่งลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งอยู่
“อ้าวไอ้ห่า จะไปไหนอีกวะ” ไซม่อนที่นั่งอยู่มองหน้าถามเพื่อนตัวสูงที่เพิ่งเดินกลับมาได้ไม่นาน ไคลน์ที่ได้ยินจึงตอบกลับเสียงเรียบ
“กลับ…บ้าน” พูดจบ สองเท้าหนักก็สาวเท้าเดินออกจากโต๊ะไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง โดยมีสายตาของเพื่อนทั้งสามของเขาที่นั่งอยู่มองตามไปอย่างงุนงง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
ผ่านไปสักพัก
อีกด้าน
“ทำไมยังไม่มาอีกนะ” เสียงหวานของร่างเล็กวัยกลางคนนั่งหน้ามุ่ยพึมพำพลางสอดส่องสายตาไปยังบริเวณหน้าบ้านหลังใหญ่อยู่ตลอดเวลาด้วยท่าทีรอคอยใครชัดเจน
“ชิ! ไม่รักแม่กันเลยสักคน” ปากเล็กเอ่ยด้วยโทนเสียงงอแงน้อยใจชัดเจน ทำเอาสามีตัวสูงที่นั่งอยู่ด้านข้างยกมือขึ้นลูบเข้าที่หัวเล็ก
“น่าจะกำลังมา ใจเย็น ๆ ก่อนสิ”
“พี่คามิล ก็พูดได้นี่ พี่ไม่ได้คิดถึงลูก ๆ เหมือนไลลาสักหน่อย เป็นเหมือนกันหมดทั้งพ่อทั้งลูกเลย ไม่มีใครเข้าใจไลลาสักคน รู้แบบนี้ มีลูกสาวอีกคนก็น่าจะดี” ร่างเล็กบอกพลางยกมือขึ้นกอดอกด้วยท่าทีแสดงถึงความงอนชัดเจน คามิลที่ได้ยินจึงเอ่ย
“ก็เราไล่พี่ให้ไปทำหมันเองนะ”
“ก็ไลลาท้องไม่ไหวแล้ว ลำพังแค่ต้องรับของพี่คามิลก็จุกจะแย่แล้ว” หญิงวัยกลางคนมองหน้าบอกสามี คนตัวสูงที่ได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกเอ็นดูภรรยาตัวน้อยเป็นอย่างมาก มือแกร่งยกขึ้นลูบไล้ยังหัวเล็กซ้ำ ๆ กระทั่ง…
“คุณไลลาค่ะ คุณไคลน์มาแล้วค่ะ” เสียงแม่บ้านสูงวัยเดินเข้ามาเอ่ยบอกร่างเล็กที่กำลังนั่งรอลูกชายกลับบ้านอยู่ โดยทันทีที่ได้ยินแบบนั้น รอยยิ้มหวานก็ฉายขึ้นมาบนใบหน้าเรียวเล็กด้วยความรวดเร็ว
“โอ๊ะไม่ได้สิ ยิ้มไม่ได้ ต้องทำเป็นงอน” พูดจบ คนตัวเล็กก็ทำเป็นนั่งนิ่งใบหน้าจงใจแสดงออกมาถึงอาการงอนชัดเจน คามิลที่เห็นก็นึกเอ็นดูเมียเป็นที่สุด ขณะที่ไคลน์สาวเท้าเดินเข้ามา
“ผมมาแล้ว”
“…” ไลลาก็ทำเป็นเมินไม่สนใจ ทำให้คามิลมองหน้าลูกชายที่เดินเข้ามาเชิงส่งสัญญาณให้ง้อ ไคลน์ที่เห็นแบบนั้นก็รับรู้ เดินตรงเข้าไปสวมกอดยังร่างเล็กที่นั่งงอนอยู่
“ผมมาแล้วครับ”
“หยุดเลย ถ้าหม่ามิ้ไม่บอกว่าจะไม่กินข้าวถ้าไม่เห็นหน้าลูกชาย ไคลน์ก็คงไม่มา…” ไลลาทำหน้ามุ่ยพูดใส่ลูกชาย
“…เกือบเดือนแล้วนะที่หม่ามิ้ไม่เห็นหน้าลูก ไม่คิดถึงหม่ามิ้บ้างหรือไง”
“คิดถึงครับ”
“ชิ ไม่ต้องมาพูดเลย”
“ผมคิดถึง…” ไคลน์บอกพลางยังคงสวมกอดร่างเล็กของแม่ตัวเองไปสไตล์นิ่ง ๆ ของเขา ไลลาเองก็ทำเหมือนยังงอนอยู่แต่ในใจก็รู้สึกดีใจที่ได้เจอกับลูกชายของตัวเอง
“ถ้าหายงอนแล้ว ก็ต้องไปกินข้าวนะครับ” เสียงคนตัวสูงบอกคนเป็นแม่ ทว่า…
“ยังไม่ได้สิ”
“หือ?”
“ก็ลูกชายยังมาไม่ครบเลย จะกินได้ยังไง” สิ้นเสียงหวานของร่างเล็กบอก
“ผมมาแล้วครับ” ร่างสูงกว่าร้อยแปดสิบแปดเซนติเมตรในชุดนักศึกษาแพทย์ปีสามก็สาวเท้าเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มบาง ๆ และไม่รอช้าที่จะเข้าไปสวมกอดแม่ของตัวเองด้วยท่าทีเต็มไปด้วยความอบอุ่น ก่อนจะก้มลงเอ่ยบอกกับร่างเล็กตรงหน้าโทนเสียงห่วงใย
“ทีนี้ก็ไปทานข้าวได้แล้วนะครับ”