“หึ กูถูกเลือกว่ะ” เสียงไซม่อนหันไปมองหน้าแสยะยิ้มพูดใส่ไคลน์ด้วยท่าทีติดกวนพร้อมกับหันบอกกับใบข้าวที่นั่งอยู่
“รบกวนน้องใบข้าว เดินมาสัมภาษณ์พี่ตรงนี้ได้ไหมครับ”
“ค…ค่ะ ได้ค่ะ” ว่าแล้ว ร่างเล็กก็ค่อย ๆ สาวเท้าเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ยังคงมีความประหม่าไม่ลดน้อยลง
“เราเดินมานั่งตรงนี้แล้วกันนะครับ พอดีพี่ถนัดหันทางนี้มากกว่า…” หนุ่มวิศวะยิ้มบอกรุ่นน้องตัวเล็ก โดยใบข้าวก็เผลอเม้มปากแน่นไปกับคำบอกจากอีกคน เนื่องจากหากเป็นแบบนั้น ก็เท่ากับว่า เธอจะต้องนั่งด้านข้างกับไคลน์
“…น้องใบข้าว โอเคหรือเปล่า?”
“อ… อ้อ ได้ค่ะ” เรียวปากสีหวานรับคำ ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินตรงเข้าไปนั่งยังบริเวณด้านข้างตรงกลางของรุ่นพี่วิศวะทั้งสองคน แน่นอนว่ากลิ่นน้ำหอมคุ้นเคยของคนที่ทำให้ร่างเล็กรู้สึกประหม่านั้นปะทะเข้ามายังภายในจมูกเล็กในทันที ปากบางเม้มเข้าหากันอีกครั้ง พร้อมกับสองมือที่บีบเข้าหากันไปมา ไซม่อนที่เห็นก็ยิ่งรู้สึกอยากแกล้งไปกับลูกนกด้านข้าง
“ประหม่าพี่เหรอครับ”
“เอ่อ ค…ค่ะ”
“ถ้างั้นไปสัมภาษณ์ไอ้ไคลน์ไหม เผื่อจะไม่ประ…” ยังไม่ทันที่ไซม่อนจะพูดจบ
“มะ…ไม่ค่ะ ข้าวอยากสัมภาษณ์พี่ค่ะ” เสียงหวานตอบกลับทันควันด้วยความไม่กล้ามากพอที่จะไปสัมภาษณ์รุ่นพี่วิศวะอีกคน เพียงแค่สบสายตากับเขา เธอเองก็รู้สึกประหม่าจนแทบทำอะไรไม่ถูกแล้ว หากต้องไปสัมภาษณ์อีกคนจริง ๆ …
พรึบ!
เสียงขยับตัวจากคนด้านข้างอีกฝั่งดังขึ้น ทำเอาคนตัวเล็กที่นั่งอยู่แทบเกร็งตัวแข็งในทันที ก่อนจะพยายามรวบรวมสติ
“เรามาสัมภาษณ์กันเลยไหมคะ” ใบข้าวมองหน้าถามไซม่อนขึ้น
“เอาสิ” คนตัวสูงที่ได้ยินก็พยักหน้าตอบกลับพร้อมกับยังคงยกยิ้มชอบใจออกมาอยู่อย่างนั้นกับท่าทีน่าเอ็นดูของรุ่นน้องร่างเล็กที่เห็น ด้านใบข้าวเองก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่ออ่านหัวข้อที่จะต้องสัมภาษณ์รุ่นพี่ และในตอนนั้นเอง ร่างเล็กก็ได้ยินเสียงลูกหว้าที่จะต้องมานั่งสัมภาษณ์ไคลน์เช่นกัน
“ขออนุญาตเริ่มถามเลยนะคะ อันดับแรก ชื่อและนามสกุลค่ะ”
“ชวินทร์ อัศวทานนท์” ใบข้าวที่ได้ยินชื่อที่ออกมาจากริมฝีปากหนาของรุ่นพี่หนุ่มด้านข้างก็นึกถึงภาพวันที่เขาเข้ามาช่วยตัวเองไว้ในตอนนั้น ก่อนจะเผลอตั้งใจฟังต่อ
“คณะ และสาขา รวมถึงชั้นปีที่ศึกษาค่ะ”
“วิศวะโยธา ปี4”
“เหตุผลที่เลือกเรียนคณะนี้ค่ะ”
“อยากเรียน”
“อะ…อ้อค่ะ ละ…แล้วเหตุผลที่เลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยควินตันล่ะคะ”
“ใกล้คอนโด”
“อะ…อ้อ แล้วเหตุผลที่อยากเชิญชวนให้รุ่นน้องคนอื่น ๆ มาเรียนที่นี่ล่ะคะ”
“…” คนตัวสูงก็เงียบ
“พะ…พี่ไคลน์คะ…”
“ไม่มี” ปากหนาตอบกลับโทนเสียงเรียบไปกับคำถามที่ถูกถามอย่างไม่มีความเห็นใด ๆ ซึ่งลูกหว้าที่ได้ยินก็ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าตอบกลับถามคำถามต่อไปด้วยท่าทีมีความเกร็งอยู่ไม่น้อยกับความนิ่งเรียบของรุ่นพี่วิศวะตรงหน้า ขณะที่ใบข้าวเองก็ถามคำถามเดียวกันกับเพื่อนกับไซม่อนด้วยความยังประหม่า แต่เหมือนได้โฟกัสกับหน้าที่ของตัวเอง คนตัวเล็กก็ไม่ได้มีความประหม่าเท่าเดิม กระทั่ง…
ครืดดด~
เสียงโทรศัพท์ราคาแพงของเจนิสที่กำลังนั่งสัมภาษณ์วอแวใส่วินเซนต์อยู่ดังขึ้น มือเรียวจึงไม่รอช้าที่จะเอื้อมเข้าไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา
“โอ๊ะ ได้เวลากินข้าวของเจแล้ว” เรียวปากสีหวานเอ่ยพลางหันมองยังวินเซนต์ที่นั่งอยู่
“ก็ไปกิน”
“ไม่สิ! พี่ต้องพาเจไปกินข้าวสิ ถึงจะถูก”
“เพื่อนก็มี”
“แต่ก็อยากให้พี่ไปด้วยนี่ หัวใจมันเรียกร้อง” หญิงสาวบอกพลางทำท่ากระตุกหัวใจบอกกับรุ่นพี่หนุ่มแววตาออดอ้อนขั้นสุด แต่ถึงแบบนั้นวินเซนต์ก็ยังคงจะปฏิเสธ ทว่า…
“กูก็หิวแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ” เสียงไซม่อนพูดขึ้น ทำเอาเจนิสรีบหันไปยกนิ้วให้กับรุ่นพี่ตัวสูงในทันที
“มันต้องแบบนี้สิ พี่ไซม่อนสุดหล่อ”
“หึ ชมขึ้นมาเชียวนะ”
“^^” เจนิสก็ยกยิ้มใส่ไซม่อนไป และเมื่อเห็นว่าเพื่อนทั้งสองคนยังเงียบ
“เอาน่า พวกมึงก็ยังไม่ได้กินกันไม่ใช่หรือไง เดี๋ยวมื้อนี้…”
“…ให้ไอ้ไคลน์จ่าย”
“เกี่ยวอะไร” คนที่นั่งอยู่มองหน้าถามเพื่อนสนิทตัวเอง
“ก็ในนี้ มึงป๋าสุดแล้ว ก็ต้องเป็นมึงสิ”
“…” คนตัวสูงก็เงียบอย่างไม่ต้องการถกเถียงต่อ ก่อนจะเป็นไซม่อนที่ลุกขึ้นเอ่ยสรุป
“งั้นตามนี้ ไปร้านเดิมแล้วกันที่พวกเราชอบไป” พูดจบ ไซม่อนก็ไม่วายที่จะหันไปบอกใบข้าวที่ยังคงนั่งอยู่
“ไปกัน เดี๋ยวไปสัมภาษณ์พี่ต่อในรถก็ได้”
“ค่ะ” ร่างบางที่นั่งอยู่ก็ทำได้แค่พยักหน้าตอบกลับไปอย่างไม่กล้าพูดขัดอะไร พร้อมกับร่างสูงของไคลน์ที่ลุกขึ้นเดินนำออกไปด้วยใบหน้าราบเรียบ ทำเอาลูกหว้าอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
“พะ…พี่ไคลน์ เขาโอเคใช่ไหมคะ”
“หึ มันก็แบบนี้แหละ ไม่มีอะไรหรอก” สิ้นเสียงไซม่อนบอก ทั้งห้าที่เหลืออยู่ก็พากันเดินตรงตามร่างสูงไปยังลิฟต์ที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งทันทีที่ไปถึงก็เห็นร่างของไคลน์ยืนนิ่งอยู่ภายใน ลูกหว้าที่ไปถึงก่อนก็รีบสลับเบี่ยงตัวไปหาเจนิสที่ยืนตัวติดอยู่ด้านข้างวินเซนต์ด้วยความรวดเร็ว กลับกลายเป็นใบข้าวที่ยืนเหวอประจันหน้ากับไคลน์เต็ม ๆ ไซม่อนที่เห็นแบบนั้นก็ไม่รอช้าที่จะผลักร่างเล็กเบา ๆ ให้เดินเข้าไป
“โทษนะ แต่เดี๋ยวประตูลิฟต์ปิด” ทันทีที่ไซม่อนพูดจบ ร่างของใบข้าวก็ถูกดันเข้าไปหาไคลน์โดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ความนุ่มนิ่มของร่างเล็กปะทะเข้าที่หน้าอกแกร่งของคนตัวสูงเข้าอย่างจัง ซึ่งทันทีที่ได้สติ
“ขะ…ขอโทษค่ะ…” ใบข้าวก็รีบเด้งตัวออกหันหลังให้กับรุ่นพี่หนุ่มพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวอยู่ภายใน มือเล็กบีบเข้าหากันอีกครั้งกับความใกล้ที่ไม่เคยได้ใกล้กันขนาดนี้มาก่อน พร้อมกับจ้องมองไปยังเลขลิฟต์ภาวนาให้ถึงชั้นล่างโดยไว ทว่า…
แอดดด…
เสียงประตูลิฟต์ดันจอดยังชั้นที่มีนักศึกษาจำนวนหนึ่งรออยู่ ไซม่อนก็ไม่รอช้า
“เข้ามาสิ ยังได้อยู่อีกหน่อย” สิ้นเสียงหนุ่มวิศวะเพลย์บอย นักศึกษาสาวที่เห็นหนุ่มหล่อรุ่นพี่เชิญชวนก็ไม่รอช้าที่จะเดินตรงเข้ามา ส่งผลให้ภายในลิฟต์นั้นมีความแออัดมากขึ้น และบริเวณตรงที่ใบข้าวยืนนั้นก็ถูกดันเข้าไป ทำให้ร่างที่เล็กนั้นเซไปตามแรงดันจนแผ่นหลังบางแนบชิดเข้าที่อกแกร่งด้วยความไม่ได้ตั้งใจ
“!!” ใบข้าวที่ไม่ทันตั้งตัวกับความชิดใกล้นั้นก็เบิกตากว้างพลางเม้มปากแน่นด้วยความรู้สึกประหม่าขั้นสุด เธอไม่กล้าพอที่จะหันไปพูดอะไรกับคนด้านหลัง เช่นเดียวกับกลิ่นน้ำหอมคุ้นเคยที่ฟุ้งเข้ามายังภายในจมูกของเธออีกครั้ง โดยที่ตัวใบข้าวเองก็ไม่รู้เลยว่า กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากแชมพูของเธอเองก็ปะทะเข้ายังจมูกโด่งได้รูปของรุ่นพี่วิศวะเช่นกัน ไม่เพียงเท่านั้นตัวนิ่ม ๆ ของเธอก็ทำเอาดวงตาคมอดไม่ได้ที่จะก้มลงมองยังร่างเล็กตรงหน้าที่ความสูงอยู่แค่บริเวณหน้าอกของเขานิ่ง กระทั่งในที่สุดลิฟต์ของตึกก็เปิดออกเมื่อถึงชั้นล่างสุด ใบข้าวที่รอเวลานี้มานานก็ไม่รอช้าที่จะรีบสาวเท้าเดินออกไปด้วยความรวดเร็วกับภายในหัวใจที่เต้นอย่างบ้าคลั่งราวกับกลองชุดไม่หยุด…