Chapter 6
อยู่ตรงไหนในหัวใจเธอ
'เมื่อกี้...เราทำเพื่อซื้อความรู้สึกของลูกเท่านั้น ไม่ได้ทำลงไปเพราะยังรักลิน'
ปลายนิ้วแกร่งแตะลงบนริมฝีปากตัวเองขณะมองตามท้ายรถของอลินที่ค่อยๆ แล่นจากไป ปราชญ์ยืนนิ่งอยู่นานเพื่อจัดการกับความรู้สึกตัวเอง...ขนมที่ซื้อมาฝากดากานดาเขายังคงถือเอาไว้เช่นนั้น เมื่อก้มลงมองขนมหลายอย่างที่อยู่ในมือ ใจของเขาก็รู้สึกผิดกับใครอีกคนจนแม้แต่ตัวเองยังนึกแปลกใจ
'ทำไม...เราต้องรู้สึกผิดต่อเธอด้วยนะ'
ถามตัวเองขณะเดินไปยังหลังบ้าน ตามคำบอกเล่าของแม่บ้าน ดากานดานั่งอ่านหนังสืออยู่ริมสระเพียงลำพัง ส่วนลูกชายคนเล็กของเขานั้นพี่ชายมารับออกไปข้างนอกตั้งแต่ช่วงบ่าย แม่บ้านบอกว่าจะพามาส่งช่วงค่ำ เขาไม่ห่วงอะไรเพราะพี่ชายเคยพาหลานไปเล่นที่บ้านตัวเองอยู่เป็นประจำ
ที่ริมสระ...แววตาคมกล้าจับจ้องไปยังร่างที่นั่งหันหลังให้ หล่อนนั่งอยู่ตรงเก้าอี้สีขาว บนโต๊ะกลมคือกองหนังสือมากมายตามความชอบส่วนตัวของเจ้าหล่อน แม้หล่อนจะนั่งหันหลังแต่เขาก็สังเกตได้ว่าหล่อนกำลังนั่งเหม่อมากกว่าสนใจเนื้อหาในหนังสือ...ความที่อยากแกล้งจึงย่องเข้าไปอย่างเงียบเชียบจนไป
หยุดยืนอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะทำให้หล่อนรู้ตัว
"อะแฮ่ม"
".....!"
น้ำเสียงคุ้นเคยทำให้ดากานดาสะดุ้งจนสุดตัว รีบปาดน้ำตาทิ้งด้วยหลังมือ ผลุนผลันลุกจากเก้าอี้ไม่กล้าหันหน้ากลับเพราะกลัวปราชญ์จะรู้ว่าหล่อนกำลังร้องไห้ ขยับถอยห่างไปตั้งหลักเพื่อปรับสภาพหัวใจ
ปราชญ์จับได้ถึงความไม่ปกติในท่าทีแปลกๆ ราวเด็กทำความผิดแล้วพยายามหลบซ่อน เขาวางถุงขนมไว้บนโต๊ะ เดินเข้าไปเมียงมองใกล้ๆ คนที่เอาแต่ก้มหน้าหนีไม่ยอมสบตา
"ร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรเธอ"
การรุกด้วยคำถามของเขาทำให้สองเท้าเรียวขยับถอยหลังหนีเข้าหาสระน้ำ รีบส่ายหัวปฏิเสธไม่ยอมรับง่ายๆ
"เปล่านะคะ ไม่ได้ร้อง"
หลอกใครไม่หลอกมาหลอกหมอเช่นเขา ชายหนุ่มจึงขยับขารุกเข้าหาเพื่อทำให้คนปากแข็งจนมุม ในขณะที่หล่อนยังคงขยับถอยหลังหนีไปเรื่อยๆ
"ตาแดงและฉ่ำเสียขนาดนี้ บอกพี่มาเถอะว่าร้องไห้เรื่องอะไร"
"กานดา...กานดา...เอ่อ...อ่านนิยายแล้วร้องไห้ค่ะ สะ สงสารนางเอก ก็เลยร้องออกมา น่าอายจังเลยนะคะ"
ละล่ำละลักเมื่อจนมุม พ่ายแพ้ต่อสายตาคมกล้าที่จ้องมองลึกเข้ามายังนัยน์ตาสีนิล คล้ายต้องการล้วงลึกไปถึงข้างในก้นบึ้งของหัวใจ ว่าซ่อนอะไรไว้ในนั้น
"จริงเหรออออ..."
"จะ จริง...ว้าย!"
"ตูม!"
ดากานดาถอยหลังหนีจนพลาดท่าหงายหลังตกลงไปในสระน้ำ ท่ามกลางความตกตะลึงของคนที่ยืนอยู่ตรงขอบสระ วินาทีนั้นเขาเห็นว่าหล่อนทำท่ากระเสือกกระสนคล้ายเอาชีวิตรอด จึงนึกขึ้นมาได้ว่าหล่อนว่ายน้ำไม่เป็น
"กานดา!"
ไวเท่าความคิด ปราชญ์กระโดดตามลงไปทันที สองมือไขว่คว้าเพื่อรั้งหล่อนขึ้นมาบนผิวน้ำ และวินาทีนั้นเองร่างนั้นก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาเหนือน้ำ สองแขนคล้องเกี่ยวลำคอแกร่งเอาไว้ หัวเราะออกมาคล้ายกับสนุกนักหนาที่หลอกคนเช่นเขาได้
"กานดา นี่เธอ!"
ชายหนุ่มก้มลงมองข้างล่าง เขาเพิ่งรู้ตัวว่ายืนอยู่บนพื้นและจุดที่ยืนอยู่นั้นน้ำแค่ระดับอกของตนเท่านั้น ไม่มีทางที่ดากานดาจะจมน้ำได้เลย
"กานดา! เธอหลอกพี่"
"พี่ปราชญ์มัวทำแต่งาน จนไม่รู้ว่ากานดาว่ายน้ำเป็นแล้ว
ไม่เคยรู้อะไรในตัวกานดาเลย...ไม่เคยรู้จริงๆ"
หล่อนยังคงหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แท้จริง เบี่ยงเบนสถานการณ์เพื่อเบนความสนใจเรื่องที่เขาสงสัยเมื่อสักครู่
ท่ามกลางอ้อมกอดของสายน้ำฉ่ำเย็น ร่างสองร่างอิงแอบแนบชิดกันอย่างลืมตัวไปชั่วขณะว่าอยู่ในสถานะอะไร เมื่อสิ้นเสียงหัวเราะปราชญ์เอาแต่จับจ้องแววตาฉ่ำน้ำคู่นั้น สบประสานกันเนิ่นนานจนดากานดาลืมไปสิ้นว่ากำลังอยู่ในอ้อมแขนของเขาที่โอบรั้งเกี่ยวเอวคอดเอาไว้ และสองแขนของหล่อนยังคงกอดเกี่ยวลำคอแกร่งเอาไว้อย่างนั้นด้วยความลืมตัว
"กานดา..."
"....."
ปลายนิ้วแกร่งปัดป่ายเส้นผมที่เปียกน้ำให้พ้นไปจากกรอบหน้ารูปไข่ ไล่มองไปทั่วดวงหน้าของหล่อนจนเจ้าตัวต้องหลุบตาหนีด้วยความเก้อเขิน ประหม่าต่อสายตาแสนอบอุ่นที่จับจ้องอยู่เช่นนั้น
"พี่ถามจริงๆ ทุกวันนี้...เธอมีคนที่คุยกันอยู่หรือยัง"
"พี่ปราชญ์อยากรู้ไปทำไมคะ"
เขาไม่ตอบ แต่เลี่ยงไปอย่างอื่นแทน
"ถ้ามีแล้ว พามารู้จักหน่อยได้ไหม"
หล่อนสบตากับเจ้าของคำถาม คลี่ยิ้มให้เขาก่อนจะ
สารภาพออกมา
"ถ้าจะบอกว่ามีแล้วก็คงจะไม่ใช่ เพราะ...เพราะกานดาแอบรักเขาอยู่ฝ่ายเดียว รักโดยที่เขาไม่เคยรับรู้อะไรด้วยเลย"
"แล้วทำไมเธอไม่บอกเขาไปล่ะ บางที..เขาอาจรออยู่ก็ได้"
"เพราะเขามีเจ้าของแล้วไงคะ กานดาทำไม่ได้ถ้าต้องทำลายครอบครัวของใคร การแอบรักคือความเจ็บปวด...แต่เป็นความเจ็บปวดที่งดงาม คือความสุขจากการได้เห็นเขามีความสุข เท่านี้ก็พอแล้ว"
"....."
"ปาป๊าขา ทำอะไรอยู่"
เสียงที่ดังมาก่อนตัวทำให้สองหนุ่มสาวรีบผละออกจากกัน ยังไม่ทันที่จะพากันขึ้นไปจากสระน้ำ ร่างนั้นก็โผล่พรวดออกมาเสียก่อน
"คุณอา..."
แววตาใสซื่อที่จับจ้องมองมา ทำให้สองหนุ่มสาวต่างปั้นหน้าไม่ถูก แน่นอนว่าแม้แต่เด็กก็จะต้องสงสัยว่าคุณพ่อและคุณอาลงไปทำอะไรในสระในชุดที่ไม่เตรียมพร้อมสำหรับการว่ายน้ำในขณะที่ดากานดากำลังทำตัวไม่ถูก ปราชญ์ก็จำต้องโกหกลูกสาวเอาไว้ก่อน
"พอดีคุณอาทำของตกลงมาในสระน่ะครับ ปาป๊าก็เลยมาช่วย"
ความที่ยังเด็กจึงไม่ได้สงสัยอะไร มีเพียงยิ้มสดใสที่คลี่ส่งมาให้
"ลลินอยากเล่นน้ำ ปาป๊ากับคุณอาเล่นเป็นเพื่อนลลิน หน่อยสิคะ"
"เอ่อ..."
สองคนในสระต่างมองหน้ากัน เพิ่งสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ในชุดที่เตรียมพร้อมกับการมาเล่นน้ำ ในขณะที่สาวน้อยถือห่วงยางเดินตรงเข้ามา และเมื่อเห็นว่าที่นี่มีทั้งคุณพ่อและคุณอา ลลินจึงหันไปพยักพเยิดให้แม่บ้านกลับเข้าไปข้างใน
"ป้าจูไปได้แล้วค่ะ ลลินมีเพื่อนแล้ว"
"พี่ปราชญ์เล่นเป็นเพื่อนน้องนะคะ กานดาจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า"
"ไม่ได้ อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน ไหนๆ ก็เปียกแล้ว"
เขากระซิบกลับ ก่อนจะขยับเข้าไปที่ริมสระ ยื่นแขนไปรอรับลูกสาวที่นั่งหย่อนขาอยู่ตรงขอบสระ สาวน้อยพอมีพื้นฐานจากการว่ายน้ำอยู่บ้าง แม้ไม่ต้องใช้ห่วงยางก็สามารถพยุงกายอยู่ในน้ำได้อย่างสบาย
ดากานดาปีนขึ้นไปนั่งอยู่ตรงขอบสระโดยห้อยขาลงมาในน้ำ เสื้อผ้าที่เปียกชุ่มนั้นแนบลู่ไปกับผิวเนื้อจนเผยส่วนสัดอย่างไม่ตั้งใจ หล่อนลืมไปสิ้นว่าความขาวและความอวบอิ่มนั้นโดดเด่นทะลุเสื้อสีขาวทิ่มสายตาคนมอง ปราชญ์ไม่อาจห้ามสายตาได้ที่จะไม่มอง แววตาซ่อนความรู้สึกเผลอจับจ้องอยู่ตรงเนินอกขาวๆ อย่างลืมตัว...ลืมไปว่านั่นคือน้องสาวที่ห้ามคิดอะไรเกินเลยมากไปกว่าสถานะเดิม
"ปาป๊าจ้องคุณอาทำไมคะ"
จากที่ไม่สนใจ คำถามของหลานสาวทำเอาดากานดาดึงสายตากลับมาที่ตัวเอง ก้มลงมองตามสายตาแพรวพราวคู่นั้น หล่อนต้องใจหายวาบเพราะเสื้อนั้นบางเหลือเกิน จนต้องยกสองแขนขึ้นกอดอกเพื่อปิดบังเนินอกเอาไว้ ไม่วายมองกลับไปที่เจ้าของสายตาคู่นั้นด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว
"ปาป๊าคิดว่าคุณอาน่าจะแช่น้ำจนเป็นปวดบวมน่ะครับ วันหลังปาป๊าจะจับตรวจโรคแบบละเอียด เดี๋ยวเอาเชื้อมาติดหนูล่ะแย่เลย"
เขาตอบคำถามลูกสาวแล้วกลั้นหัวเราะ ในขณะที่ดากานดาไม่ขำด้วย
"พี่ปราชญ์ เดี๋ยวเถอะ!"
"คุณอาไม่สบายเหรอคะ หน้าแดงหมดแล้ว"
"สะ สงสัยจะใช่น่ะจ้ะ"
แค่นยิ้มให้หลานสาวแล้วผลุนผลันลุกขึ้นอย่างขุ่นเคืองพ่อของหลาน คิดไว้ว่าคงต้องไปเปลี่ยนเสื้อให้มิดชิดกว่านี้หากจะเล่นน้ำเป็นเพื่อนหลาน ปราชญ์มองตามร่างเปียกปอนที่เดินกระฟัดกระเฟียดหายเข้าไปในบ้าน คือเรื่องแปลกที่เขาชอบถามตัวเองอยู่เสมอ...ทำไมเขาชอบแกล้งให้หล่อนโกรธอยู่ร่ำไป สักพักเดี๋ยวก็ดีกัน ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับดากานดาเป็นแบบนี้มานานแล้ว ไม่เคยโกรธกันจริงจังเลยสักครั้ง และที่ต่างคนต่างสัมผัสได้ด้วยหัวใจ นั่นคือความห่วงใยที่เขาและหล่อนมีให้แก่กันเสมอมา