Chapter 5 ความเจ็บปวดที่งดงาม (2)
'ถ้าไม่ติดว่าลลินขอร้อง เราคงไม่ไปเจอหน้าลินแน่'
ปราชญ์นั่งนิ่งอยู่บนเตียงมาได้พักใหญ่ ที่จริงเขาแต่งตัวเสร็จนานแล้ว เพียงแต่ยังไม่ออกไปจากห้องเพราะใจกำลังสับสนหนักว่าวันนี้ตัดสินใจถูกหรือไม่ กับการออกไปทานข้าวดูหนังกับภรรยาเก่า การที่หล่อนจะมารับลูกออกไปข้างนอกเขาจึงถูกลูกสาวรบเร้าให้ออกไปด้วย ตามประสาเด็กที่อยากให้พ่อแม่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ความรักและสงสารลูกทำให้เขาตอบตกลง แม้จะรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่บ้างก็ตามที คิดแทนอลิน หล่อนเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน
"ก็อกๆๆ เสร็จหรือยังคะปาป๊า"
เสียงตะโกนเจื้อยแจ้วอยู่ด้านนอกทำให้ปราชญ์ตื่นจากภวังค์ ชายหนุ่มลุกเดินไปคว้ากุญแจรถแล้วเดินไปเปิดประตู คลี่
ยิ้มให้ลูกสาวเพื่อปกปิดความผิดปกติภายในใจ
"เสร็จแล้วใช่มั้ยครับ ว่าแต่...คุณแม่มาหรือยังเอ่ย"
"มาแล้วค่ะ ลลินก็เลยขึ้นมาตามปาป๊าว่าลงไปได้แล้ว"
"แล้วตอนนี้น้องอยู่กับใครครับ วันนี้น้องไม่ได้ไปกับเรา"
"อยู่กับกานดาค่ะ"
เสียงแทรกดังมาจากอีกด้าน ชายหนุ่มหันไปมองก็เห็นดากานดาอุ้มลูกชายคนเล็กของเขาเดินตรงเข้ามาพอดี...เขารู้สึกปร่าแปร่งอยู่ในหัวใจที่เต็มไปด้วยคำถาม เหตุใดจึงห่วงความรู้สึกของเจ้าหล่อน เรื่องที่เขาจะออกไปข้างนอกกับอลิน
"ฝากด้วยนะกานดา เดี๋ยวพี่ซื้อขนมมาฝาก"
"เที่ยวให้สนุกนะคะ ไม่ต้องห่วงน้อง"
เขาสบตากับอีกฝ่ายอย่างรู้ในความหมายที่หล่อนกำลังอยากบอก...คิดดีแล้วใช่ไหมที่จะออกไปข้างนอกกับคนในอดีตที่เคยทำให้เจ็บเจียนตาย วันนี้หัวใจของเขากำลังจะฟื้นตัวเพราะเริ่มทำใจได้กับการจากลา การที่ยังไปไหนมาไหนด้วยกันกับคนรักเก่า ความผูกพันจะทำให้เขากลับไปสู่วังวนเดิมๆ เขารู้หล่อนเป็นห่วงในข้อนี้ แต่เขามั่นใจ...จะไม่มีทางเดินย้อนกลับไปสานสัมพันธ์กับคนที่เคยทิ้งกันไปแน่นอน
เมื่อเดินลงมาข้างล่าง วินาทีแรกที่ได้สบตากับภรรยาเก่า ความเงียบงันก็มาเยือนคล้ายต่างฝ่ายต่างกระอักกระอ่วนใจ ดั่งมีม่านบางๆ มาขวางกั้นเอาไว้ไม่ให้มองหน้ากันได้อย่างสนิทใจดังเดิม มันมาพร้อมกับความปร่าแปร่งในใจจากความรู้สึกหลาก หลาย ในขณะที่ผู้ใหญ่ต่างปั้นหน้าไม่ถูกกับสถานการณ์แสนอึดอัด สาวน้อยลลินกลับมีท่าทีลิงโลดใจอย่างเห็นได้ชัด ดีใจที่วันนี้คุณพ่อและคุณแม่จะพาไปดูหนังและพาไปกินไอศครีมร้านโปรด คือความสุขเล็กๆ ตามประสาเด็กที่จิตใจยังใสบริสุทธิ์ หวังเพียงแค่ให้พ่อและแม่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา
"เอ่อ...เรา...ไปกันเถอะ...สายมากแล้ว"
ปราชญ์เอ่ยทำลายความเงียบ แสร้งทำทีเป็นดูเวลาที่ข้อมือเพื่อกลบเกลื่อนความอึดอัดใจ
"ค่ะ..."
อลินยิ้มเฝื่อน เพราะหล่อนเองก็กำลังรู้สึกแปลกๆ ในหัวใจไม่น้อย จากที่ไม่ได้เจอหน้าและพูดคุยกันมานาน วันนี้อดีตสามีจึงเป็นเหมือนผู้ชายแปลกหน้าที่ไม่คุ้นเคย เป็นเหมือนคนที่เพิ่งรู้จัก จนทำให้มือไม้เงอะงะไม่รู้ว่าจะเก็บไว้ตรงส่วนไหนของร่างกาย
ดากานดามองตามท้ายรถที่แล่นจากไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ประเดประดัง เขาไปรถคันเดียวกันโดยที่อลินทิ้งรถไว้ที่บ้านหลังนี้ หล่อนกลัวเหลือเกิน กลัวว่าถ่านไฟเก่าที่ยังไม่มอดดับจะปะทุขึ้นมาอีก กลัวว่าปราชญ์จะเสียใจซ้ำสอง หากทั้งสองกลับไปคืนดีกันเพราะคำว่าครอบครัว
'เฮ้อ...อยู่ในที่ของตัวเองไปเถอะนะกานดา อย่าคิดอะไรกับเขามากกว่าคำว่าพี่ชายเลย ถ้าเธอไม่หยุดหัวใจ เธอจะเจ็บมากกว่านี้นะ'
เตือนตัวเองว่าอย่าถลำลึกรักเขาจนไม่อาจถอนตัวถอนใจ ก่อนจะพาหลานออกไปเดินเล่นนอกบ้าน สวนเล็กๆ ที่มีบ่อปลาคือมุมโปรดที่หล่อนมักจะพาหลานไปนั่งดูฝูงปลาคาร์ฟแหวกว่ายในสายน้ำ...วันก่อนเคยเปรยกับมารดาว่าอยากซื้อลูกสุนัขมาเลี้ยงสักตัว หล่อนเป็นคนรักสัตว์ เพียงแต่ติดที่ว่าเกรงใจคนในบ้าน กลัวว่าปราชญ์จะบ่นเรื่องขนของมันที่อาจทำให้เด็กๆ สูดดมเข้าไป เหตุนี้จึงลังเลและชั่งใจ รอขออนุญาตจากเขาว่าจะยอมให้เลี้ยงหรือไม่
"ลลินอยากให้ปาป๊ากับคุณแม่พาออกไปกินไอติมบ่อยๆ จังเลยค่ะ"
"เอ่อ..."
สองหนุ่มสาวต่างสบตากันพลางทำหน้าปั้นยาก เมื่อเสียงใสๆ โพล่งออกมาด้วยความไร้เดียงสาหลังจากรถแล่นมาจอดสนิทที่หน้าบ้าน โดยที่ไม่รู้เลยว่าสถานะของคนที่ตนรักทั้งสองนั้นเปลี่ยนไปแล้ว...ความเงียบทำให้ลลินยื่นหน้าเข้ามาแทรกตรงกลางระหว่างทั้งสอง มือน้อยๆ เกาะเบาะทั้งสองข้างเอาไว้
"สัญญาได้ไหมคะว่าจะพาลลินไปเที่ยวอีก นะคะปาป๊า นะคะคุณแม่"
สาวน้อยชูนิ้วก้อยไปข้างหน้า เหลือบมองหน้าบิดาและมารดาสลับกันไปมา สื่อให้ผู้ใหญ่ทั้งสองเกี่ยวก้อยแทนคำสัญญา เมื่อสัญญาแล้วก็ต้องทำตามที่ได้รับปากเอาไว้
หลังจากนิ่งอยู่พักใหญ่ อลินก็พ่ายแพ้ต่อแววตาดำขลับที่กระพริบปริบๆ มองมา หล่อนคลี่ยิ้มแล้วยื่นมือไปเกี่ยวก้อยกับนิ้วเล็กๆ นั่น ก่อนจะสบตาให้คนที่นั่งนิ่งอยู่หลังพวงมาลัย สื่อให้เขารู้ว่าแม้จะไม่เต็มใจ แต่ก็ต้องทำเพื่อความสุขของโซ่เส้นเล็กๆ ที่ร่วมกันสร้างขึ้นมาจากความรัก แม้วันนี้รักนั้นจะจางหายไปจากใจแล้วก็ตาม
เมื่อสบตาลูกสาว ปราชญ์จึงคลี่ยิ้มแล้วยื่นมือไปเกี่ยวก้อยบ้าง ท่ามกลางความดีใจของคนที่ทำตัวเป็นกามเทพน้อย ก่อนถ้อยคำที่ทำให้ทั้งสองลำบากใจจะเอื้อนเอ่ยผ่านเรียวปาก
"หอมแก้มคุณแม่สิคะปาป๊า เดี๋ยวคุณแม่ต้องกลับไปทำงานแล้ว"
"ลลิน พูดอะไร!"
สาวน้อยหลุบตาลงต่ำ เมื่อน้ำเสียงขอบิดาฟังดูเหมือนไม่พอใตในความรู้สึกคนฟัง
"ขอโทษค่ะ ลลินก็แค่อยากเห็นปาป๊ากับคุณแม่รักกัน"
สีหน้าและแววตาที่เจื่อนลงไป พร้อมน้ำเสียงเศร้าๆ ทำให้ปราชญ์นึกสงสาร เขาตำหนิตัวเองในใจที่ไม่น่าดุลูกสาวแบบนั้น เพราะเด็กไม่รู้เรื่องของผู้ใหญ่ ที่พูดออกมาก็เพราะความไร้
เดียงสาเท่านั้น
จังหวะที่อลินกำลังเผลอ เขายื่นหน้าเข้าไปฝากรอยจูบลงบนผิวแก้มนุ่มของอดีตภรรยาแล้วรีบผละออกห่างกลับมานั่งท่าเดิม...ด้านอลินถึงกับนั่งนิ่งไปไม่เป็นกับสัมผัสที่ห่างหายไปนาน จากคุ้นเคยมาวันนี้กลับรู้สึกแปลกๆ เสมือนเป็นสัมผัสแรกจากผู้ชายแปลกหน้า น่าแปลกที่สัมผัสนั้นทำให้รู้สึกหวามไหวอยู่ในอก จนต้องรีบเปิดประตูลงไปจากรถเพื่อหลีกหนีสายตาคู่นั้น...ท่าทีที่ทำให้ลลินฉีกยิ้มจนตาหยี เข้าใจว่ามารดากำลังอายที่ถูกคุณพ่อหอมแก้มต่อหน้าตน