Chapter 6 อยู่ตรงไหนในหัวใจเธอ (2)
"แม่ตัดสินใจแล้วนะปราชญ์ แม่จะให้กานดาไปช่วยเลี้ยงน้องที่คลินิก จนกว่าน้องธามจะโตพอจนช่วยเหลือตัวเองได้"
ปรียานุชเอ่ยขึ้นกลางโต๊ะอาหารมื้อเย็นในวันหยุดที่ปราชญ์จะมาร่วมทานอาหารกับครอบครัว การที่ท่านโพล่งมาแบบนั้น ทำให้ปราชญ์รีบค้านทันที
"ผมบอกแล้วไงครับว่าจะจ้างพี่เลี้ยง ให้กานดาไปหางานทำได้แล้ว"
"ถ้ากลัวกานดาไม่มีรายได้ ปราชญ์ก็จ้างกานดาก็ได้ แม่ไม่อยากให้คนอื่นมาเลี้ยงน้อง แม่ไม่ไว้ใจน่ะ"
"เรื่องรายได้ของกานดาไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ แต่ผมอยากให้เธอได้ทำงานจริงก่อนจะเปิดร้านขายยา ไม่ใช่มาเสีย เวลาเลี้ยงลูกให้ผมแบบนี้"
"ถ้าอย่างนั้นก็ให้เด็กๆ อยู่ที่บ้านหลังนี้ แล้วให้กานดาไปหางานทำ ให้แม่บ้านที่นี่ช่วยเลี้ยงน้อง เอาแบบนี้ดีมั้ยจ๊ะ"
"ผมก็จะไม่ได้เจอหน้าเด็กๆ เลยน่ะสิครับ กว่าคนไข้จะ
หมดก็ดึกแล้ว บางที...ผมก็อยากกลับมาหอมลูกตอนเย็น อยากนอนกอดลูกบ้าง"
"ก็นั่นแหละ ถ้าอยากเอาลูกไปไว้ที่คลินิกก็ให้กานดาไปอยู่ที่นั่น เอาตามนี้นะ ไม่ต้องโต้แย้งอะไรแล้ว"
ปราชญ์ลอบถอนใจเพราะมารดาเริ่มเสียงแข็ง เขาไม่อยากขัดใจท่านจึงยอมเป็นฝ่ายเงียบ ทั้งที่ความจริงอยากปล่อยกานดาไปมีชีวิตเป็นของตัวเอง เขาอยากให้หล่อนเริ่มสร้างตัวด้วยความสามารถตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย จะได้มีต้นทุนชีวิตไว้แต่เนิ่นๆ เขามองว่าการมาเริ่มสร้างตัวเมื่อวัยเหยียบเลขสามนั้นสายเกินไป ไม่อยากให้ดากานดาต้องตกอยู่ในสภาพแบบนั้นเลย
"ถ้าไม่ยอมก็ปิดคลินิกไปซะ จะได้มีเวลาว่างกลับมาเล่นกับลูก เลือกเอา จะเอาแบบไหน"
"คนไข้ของผมก็สำคัญ ผมปิดไม่ได้หรอกครับ"
"ก็นั่นแหละ ในเมื่อปราชญ์ยังทำงานหนักแบบนี้ เรื่องลูกก็ต้องตัดสินใจเลือกสักทาง"
"ก็ได้ครับคุณแม่ ว่าแต่...ถามเจ้าตัวหรือยังครับที่ยัดเยียดกันเนี่ย"
ชายหนุ่มหันมาสบตากับคนข้างๆ ที่เอาแต่นั่งเงียบตั้งแต่เขากับมารดาเถียงกันแล้ว
"ว่าไงกานดา เธอเต็มใจเลี้ยงลูกให้พี่มั้ย ถ้าอยากทำงานก็บอก พี่ไม่ชอบบังคับฝืนใจใคร"
"ตะ เต็มใจค่ะ..."
ดากานดาไม่อยากมีปัญหากับใครทั้งหมด โดยเฉพาะคุณป้าที่รักและเอ็นดูหล่อนเสมือนลูกแท้ๆ หล่อนจึงยอมทำตามที่อีกฝ่ายร้องขอโดยไม่มีข้อโต้แย้ง รู้ดีว่าถึงอย่างไรปราชญ์ก็ต้องยอมตามใจมารดาในท้ายที่สุด
หญิงสาวหลุบตาหนีเมื่อแววตาคู่นั้นมองกันแปลกๆ คล้ายกับมีบางอย่างเปลี่ยนไปในแววตา อดคิดไปไกลไม่ได้ บางทีที่เขาไม่อยากให้หล่อนไปอยู่ที่นั่นก็เพราะกลัวใครบางคนจะเข้าใจผิด เหตุเพราะใจของเขายังคงไม่ลืมรักเก่า ยังคงเฝ้ารออยู่ทุกคืนวันที่จะกลับมาสานสัมพันธ์กันดังเดิม เหตุนี้...หล่อนจึงยังคงหลบอยู่ในมุมมืดด้วยการเป็นแค่คนแอบรัก ไม่อาจเปิดเผยออกมาได้ว่าคิดเช่นไรกับเขา กลัวว่าหากเผยใจไปแล้วแต่สักวันเขาและอดีตภรรยาจะกลับมาคืนดีกัน เมื่อถึงวันนั้นคนที่เจ็บที่สุดก็คือตัวหล่อนเอง
เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มกว่าที่คนไข้รายสุดท้ายจะกลับไป...หลังพยาบาลเคลียร์บัญชีและกลับกันไปหมดแล้ว ปราชญ์เดินขึ้นไปชั้นสองซึ่งเป็นห้องนอนโดยยังไม่ทานอาหารที่ดากานดาเตรียมไว้ให้...ชีวิตของเขาและหล่อนเปลี่ยนไปนับตั้งแต่พาเด็กๆ ย้ายมาอยู่ที่คลินิกแห่งนี้ และแน่นอน...ความรู้สึกภายในใจก็เริ่มเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เพียงแต่เขายังไม่ยอมรับหัวใจตัว ว่าทุก
วันนี้คิดกับหล่อนเช่นไร
เขาค่อยๆ แง้มบานประตูห้องนอนอย่างเบามือ ตรงโต๊ะญี่ปุ่นที่กางออกสำหรับทำการบ้าน ดากานดากำลังนั่งหันหลังสอนการบ้านให้ลูกสาวของเขาอย่างตั้งใจ มองเลยไปบนเตียง ลูกชายคนเล็กของเขากำลังหลับสนิท อีกสักพักดากานดาก็จะพาออกไปนอนที่ห้องเล็ก ซึ่งเป็นห้องที่หล่อนใช้นอนอยู่กับลูกชายของเขาทุกๆ ค่ำคืน
"คิดถึงจัง มาให้ปาป๊าหอมหน่อยสิครับ"
เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้เสียงคุยกันเบาๆ สะดุดลง ลลินวางดินสอในมือแล้วลุกขึ้นไปหาบิดาที่กางแขนรออยู่ วงแขนกว้างโอบกอบร่างนั้นเอาไว้ด้วยความรัก ก่อนจะย่อกายลงนั่งฝังจมูกลงบนแก้มนุ่มๆ ทั้งสองข้างด้วยความคิดถึง เพราะตั้งแต่ลูกสาวกลับมาจากโรงเรียนเขาก็ยังไม่ได้กอดและหอมเพราะติดคนไข้ที่มานั่งรอจนเต็มคลินิก กว่าจะเคลียร์คนไข้หมด เขานึกว่าลูกสาวจะหลับก่อนที่จะได้หอมแก้มเช่นทุกวันเสียแล้ว
ชายหนุ่มคลายอ้อมกอดออกจากร่างนุ่มๆ แล้วลุกเดินตรงไปยังเตียงนอน ค่อยๆ พาร่างขึ้นไปบนเตียงเพราะกลัวจะปลุกให้ลูกชายตื่น ก่อนจะโน้มใบหน้าลงต่ำสูดความสดชื่นบนพวงแก้มจ้ำม่ำเบาๆ เพื่อจูบลาก่อนเข้านอน ดากานดามองตามภาพนั้นแล้วอดที่จะลอบยิ้มออกมาไม่ได้
"เหนื่อยหรือเปล่ากานดา เลี้ยงเด็กทั้งวันคนเดียวแบบนี้
เธอคงเหนื่อยน่าดูสินะ"
"ไม่เหนื่อยค่ะ แค่เห็นพี่ปราชญ์มีรอยยิ้มทุกๆ วัน กานดาก็หายเหนื่อยแล้ว"
หล่อนหวังอย่างใจจริง เพราะนับตั้งแต่ที่เขามีปัญหากับภรรยาจนหย่าขาดจากกันเขาก็ดูจะเคร่งเครียดไปมากกว่าเดิม เหตุนี้หล่อนจึงไม่อยากทำตัวให้เขาต้องเป็นห่วงมากไปกว่านี้ แม้จะหนักแค่ไหน แต่หล่อนก็ยังคงยิ้มได้ เมื่อได้เห็นเขามีความสุขอยู่กับลูกๆ แม้จะไร้เงาของคนข้างกาย
"ใคร..."
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ปราชญ์หยิบออกมาดู...เขาเหลือบสบตากับดากานดา เมื่อเขายังคงไม่ได้ลบเบอร์โทร.ใครบางคนทิ้ง มันจึงขึ้นเตือนขึ้นมาให้รู้ว่าเป็นใคร
ดากานดาพอจะจับใจความได้จากการสนทนา...ภรรยาเก่าของเขากำลังรออยู่หน้าคลินิก ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายมาหาทำไมในยามค่ำคืนเช่นนี้...และก็เป็นจริงดังคาด เมื่อเขาวางสายแล้วถอนหายใจบางเบา
"ลินรออยู่ข้างล่าง...เอ่อ...พี่คงต้องลงไปพบเธอ"
"ค่ะ..."
หล่อนจะโต้แย้งอะไรได้เพราะไม่ใช่คนสำคัญในหัวใจ ได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินลอดช่องบานประตูออกไป...หลังเขาหายไปได้สักพัก ไม่รู้มีอะไรดลใจให้หล่อนลุกตามลงไปข้าง ล่าง ด้วยใจนั้นอยากรู้ว่าอดีตภรรยาของเขานั้นมาคนเดียวหรือมากับใคร
"พี่ปราชญ์..."
สองเท้าเรียวต้องหยุดชะงัก เมื่อเดินออกมาด้านหน้าแล้วเห็นอลินกำลังโผเข้ากอดอดีตสามีแล้วซุกหน้าเข้าหาแผงอกกว้าง เสียงสะอื้นของอีกฝ่ายนั้นมาพร้อมกับใจของคนมองที่หล่นวูบลงพื้น ยืนตัวสั่นใจสั่นอยู่ในมุมมืด หลบซ่อนอยู่เช่นนั้นไม่อาจเปิด เผยตัวตนที่ซ่อนเร้นอยู่ได้ กลัวเหลือเกิน...กลัวว่าการปรากฎตัวของตนจะทำให้ทั้งสองต้องผิดใจกัน
"พอดี...ลินมีปัญหานิดหน่อย แล้วตอนนี้มันก็ดึกมากแล้ว เธอก็เลย...จะนอนค้างที่นี่"
นั่นคือคำบอกเล่าที่ปราชญ์เอ่ยกับดากานดาในขณะที่อยู่เพียงลำพังสองคน เขาไม่ได้เล่ารายละเอียดว่าอลินถูกเพื่อนหักหลังทางธุรกิจต้องสูญเสียเงินไปหลายสิบล้าน และนั่นคือเงินที่ได้ไปจากเขาตอนหย่าขาดจากกัน หล่อนแบกความเจ็บช้ำมาระบายให้เขาได้ฟังเพราะไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร นึกถึงคำเตือนเมื่อตอนที่ยังอยู่ด้วยกัน หล่อนเสียใจที่ไม่เชื่อคำพูดของเขาที่มาจากความหวังดี และตอนนี้หล่อนรู้แล้ว ใคร...ที่มีความหวังดีให้อย่างจริงใจ
"แล้วแต่พี่ปราชญ์ค่ะ ไม่เห็นจำเป็นต้องบอกเลยนี่คะ"
"ที่พี่บอกก็เพราะพี่จะให้ลินนอนกับเด็กๆ ที่ห้องของเธอ ส่วนเธอก็...มานอนที่ห้องพี่"
"อะไรนะคะ!"
คนฟังเบิกตากว้างเมื่อได้ฟังเช่นนั้น จะให้ไปนอนรวมกับเขาหล่อนขอนอนข้างล่างยังจะดีเสียกว่า และเหมือนเขาจะดูออก จึงรีบอธิบาย
"ไม่ต้องตกใจ พี่หมายถึงว่าจะให้เธอนอนในห้องคนเดียว ส่วนพี่จะนอนข้างล่างเอง"
"ทำไมคะกานดาไม่เข้าใจความคิดพี่ปราชญ์ ทำไมต้อง.."
ปลายนิ้วแกร่งยื่นมาทาบลงบนกลีบปากอิ่มราวรู้เท่าทันในความคิด แววตาสองคู่สบประสานเมื่อต่างฝ่ายต่างลำบากใจ คือความรู้สึกเดียวกันที่สื่อถึงกันได้โดยไม่ต้องพูดอะไรออกมา
"คงเข้าใจนะทำไมถึงไม่ให้ลินนอนห้องเดียวกับพี่ เพราะ...เรา...ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว"
"....."
"พี่กับลินก็เหมือนคนรู้จักที่ไม่ควรจะใกล้ชิดกัน เธอกลัวว่ามัน...จะเกิดขึ้นใช่ไหมกานดา"
"ทำไมกานดาต้องกลัวคะ เพราะว่าเรา...ไม่ได้เป็นอะไรกัน"
"แววตาเธอมันฟ้อง เธอหลอกพี่ไม่ได้หรอกกานดา"
"แล้วแต่พี่ปราชญ์จะคิดค่ะ แล้วก็...เรื่องนั้น…มันคือสิทธิ์
ของพี่ปราชญ์ที่จะปล่อยให้เกิดขึ้นหรือไม่ ไม่เกี่ยวกับกานดาเลย"
เสียงของหล่อนฟังดูสั่นเครือ และก่อนจะแสดงความอ่อนแอออกมาหล่อนจึงรีบเดินหนีไปหลบอยู่ในครัว ปราชญ์ได้แต่ยืนนิ่งมองตามไปด้วยความรู้สึกหลายอย่างที่ตีกันจนยุ่งเหยิง การที่ให้อลินนอนที่นี่ นั่นคือสิ่งที่เขาคิดว่าทำถูกต้องที่สุดแล้ว จะให้เขาใจดำไล่หล่อนกลับไปก็ใช่ที่เพราะดึกมากแล้ว แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องรักษาระยะห่างของความสัมพันธ์ไว้เช่นกัน โดยอ้างกับลูกสาวว่าที่พ่อกับแม่ต้องนอนแยกกันเพราะเตียงนอนเล็กเกินไป ความที่ยังเด็กลลินเลยไม่ติดใจสงสัยอะไร เพราะมีความดีใจเข้ามาแทนที่ ที่คืนนี้จะได้นอนกอดมารดา