4
ลูกค้าคนสำคัญ
แพรดาวเดินทางออกจากบริษัทตั้งแต่เช้าตรู่ ซึ่งเธอเพิ่งรู้ทีหลังว่านายองครักษ์หัวหน้าช่าง เดินทางไปที่โรงงานของลูกค้าก่อนที่เธอจะมาทำงานเสียอีก
‘คุณแพรผมจะเข้าไปดูเครื่องจักรของลูกค้าที่โรงงานก่อนนะครับ คุณแพรเข้าไปคุยกับเจ้าของบริษัทได้เลย เดี๋ยวผมจะไลน์ส่งไปให้ ว่าปัญหาเกิดจากตรงไหนและแก้ไขอย่างไรได้บ้าง’
‘แบบนั้นก็ได้ค่ะคุณองครักษ์’
แพรดาวคิดว่านายองครักษ์น่าจะอยากดูหน้างานก่อนจะเข้ามาคุยกับเจ้าของบริษัทโดยตรง แต่จะว่าไปทำไมต้องคุยกับเจ้าของบริษัทด้วย ทำไมไม่คุยกับฝ่ายช่างด้วยกัน หญิงสาวคิดแล้วก็ไม่เข้าใจ
สำนักงานใหญ่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจสิ่งทอ ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพ ทำธุรกิจค่อนข้างหลากหลาย สิ่งทอเป็นเพียงหนึ่งในบริษัทลูกของที่นี่ ธุรกิจหลักคืออสังหาริมทรัพย์ แพรดาวทำการบ้านมาอย่างดี รู้ว่าคนที่เธอต้องเข้าไปคุยด้วยคือเจ้าของบริษัทคนใหม่ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงในวัยสามสิบห้าปี เขาเพิ่งมารับตำแหน่งสืบทอดต่อจากบิดาเมื่อปีที่แล้วนี้เอง
แพรดาวในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวคลุมด้วยสูทสีดำ สวมกระโปรงทรงสอบสีเดียวกับสูท มีผ่าหลังเล็กน้อยให้เดินสะดวก รองเท้าส้นสูงสีดำถูกขัดมันวับ รวบผมตึงเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง เวลามีงานต้องคุยกับลูกค้าหญิงสาวมักแต่งตัวแบบนี้เสมอ เพราะดูน่าเชื่อถือในสายตาผู้พบเห็น เธอนั่งรอข้อมูลอยู่ในร้านกาแฟชั้นล่างของตึก เพื่อให้หัวหน้าช่างส่งข้อมูลที่โรงงานเข้ามาให้ ซึ่งเขาก็เลือกส่งในเวลากระชั้นชิดเหลือเกิน เมื่อได้รับข้อความและทำความเข้าใจดีแล้ว หญิงสาวก็เดินขึ้นลิฟต์ไป
“สวัสดีค่ะมาพบคุณธีรเมทค่ะ” แพรดาวตรงเข้าไปแจ้งพนักงานที่นั่งทำงาน อยู่ตรงหน้าทางเข้าออฟฟิศของผู้บริหาร
“นัดไว้หรือเปล่าคะ” พนักงานคนสวยถามแขกผู้มาเยือนด้วยสีหน้าเป็นมิตร
“นัดไว้ค่ะ แพรดาวจากบริษัทเอสเอ็นค่ะ”
“อ้อค่ะ เชิญขวามือห้องด้านในสุดเลยค่ะ ก่อนเข้าไปแจ้งกับคุณอรพิมเลขาของคุณธีรเมทก่อนนะคะ” หญิงสาวผายมือไปด้านใน ซึ่งเป็นโซนทำงานของผู้บริหาร จึงเป็นห้องส่วนตัวเรียงรายกัน และติดป้ายชื่อตำแหน่งเอาไว้ให้รู้
แพรดาวเดินตรงมาตามที่พนักงานบอก เจอโต๊ะนั่งทำงานของเลขาของธีรเมทจริง ๆ
“สวัสดีค่ะคุณแพรดาวใช่ไหมคะ” อรพิมลุกจากเก้าอี้นั่งขึ้นมายิ้มให้แขกของเจ้านาย
“ใช่ค่ะ”
“เดินเข้าไปทางนี้ได้เลย ตรงไปเรื่อย ๆ นะคะ” หญิงวัยกลางคนผายมือไปด้านใน
“ขอบคุณค่ะ”
แพรดาวเดินเข้ามาได้ไม่เท่าไหร่ ก็ต้องตกตะลึงกับบรรยากาศแบบลานโล่งค่อนข้างส่วนตัว ไม่เหมือนออฟฟิศทั่วไปเอาเสียเลย หญิงสาวมองเห็นประตูห้องทำงานอยู่ตรงมุมห้องโถง จึงเดินไปเคาะประตูห้อง แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ เลยลองหมุนลูกบิดเข้าไปดู
“คุณมาสายสองนาที” เจ้าของเสียงเข้มท้วงทันทีที่แพรดาวโผล่หน้าเข้าไปภายในห้อง
“เชิญนั่ง” ธีรเมทผายมือไปที่เก้าอี้ หลังเห็นหญิงสาวทำหน้าเจื่อน
“ค่ะ ขอโทษที่มาสายสองนาทีค่ะ” แพรดาวทำเสียงอ่อยกึ่งประชดเมื่อถูกตำหนิเรื่องเวลา สองนาทีที่ว่าน่าจะเป็นช่วงที่เดินมาหาห้องทำงานของเขานี่แหละ เธอถึงหน้าประชาสัมพันธ์ตรงเวลาพอดีเป๊ะ
“ยอกย้อนเก่งจริงนะ” ชายหนุ่มในชุดสูทเต็มยศ ผมเผ้าหวีเรียบร้อย สมกับเป็นนักธุรกิจใหญ่จริง ๆ แพรดาวดูตัวลีบตัวผอมลงในทันที
“ขอโทษค่ะ ฉันชื่อแพรดาวค่ะ” คนรู้ตัวว่าเผลอพูดจาไม่น่ารักออกไปรีบเอ่ยขอโทษเขา พร้อมทั้งแนะนำตัวเองตามมารยาทไปด้วย
“อืม” เขาขานรับในลำคอทำเหมือนเธอไม่มีตัวตน หันไปสนใจหน้าคอมพิวเตอร์ต่อ แพรดาวชักสงสัยแล้วว่าเธอมาทำอะไรที่นี่
“ธุระของคุณคืออะไรพูดมา” เพราะเงียบไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย เจ้าของห้องทำงานเลยต้องเป็นคนถามก่อน
“คือเรื่องเครื่องจักรทอที่มีปัญหาน่ะค่ะ เห็นทางคุณแจ้งไปที่บริษัทเรา วันนี้หัวหน้าปราณชัยเลยให้ดิฉันมาคุยเรื่องนี้ค่ะ” พูดไปมือไม้ก็เย็บเฉียบไปด้วย ทำไมบรรยากาศมันวังเวงแบบนี้ก็ไม่รู้
“ส่งคุณมาคุยเรื่องนี้ มาคุยหรือมาแก้ตัวกันแน่” เขาดันเก้าอี้ถอยหลัง ยกขาขึ้นไขว่ห้างแล้วกอดอกมองแพรดาวตรง ๆ
“คือว่าหัวหน้าช่างคุณองครักษ์ ได้เข้าไปตรวจสอบเครื่องจักรทอที่โรงงานของคุณแล้วนะคะเมื่อเช้านี้ ตรวจเจอปัญหาที่เป็นต้นตอของสาเหตุแล้วค่ะ กำลังทำการแก้ไขอยู่ที่โรงงาน เลยไม่ได้เข้ามาชี้แจงให้คุณทราบโดยตรง”
“คุณถูกส่งมาเอาสัญญาซื้อขายฉบับนี้ใช่ไหม” เขาเลื่อนเอกสารมาตรงหน้า เปิดไปยังหน้าสำคัญพร้อมชี้นิ้วให้แพรดาวดู
“คะ” แพรดาวทำหน้างุนงงเล็กน้อย ก่อนจะนึกไปถึงคำพูดของหัวหน้าตัวเองเมื่อเช้านี้
‘คุณแพรดาว อย่าลืมเอาสัญญาซื้อขายที่มีลายเซ็นคุณธีรเมทมาให้ได้นะ สำคัญมากมันคือความอยู่รอดอยู่บริษัทเราในปีนี้เลย อ้อ อย่าไปทำให้เขาไม่พอใจเข้าล่ะ อะไรนิดหน่อยก็เออออห่อหมกไปก่อนนะคุณแพรดาว’
ตอนนั้นเธอคิดว่าสัญญาซื้อขายทำกันเรียบร้อยไปแล้ว เธอแค่มาเอาตัวสัญญากลับไปให้หัวหน้าที่บริษัท แต่พอเห็นเขาเปิดหน้าสัญญาที่ไม่มีลายเซ็นก็เข้าใจในทันที เธอถูกส่งมาทำหน้าที่ใหญ่เกินตัวจริง ๆ
“ว่าไงเงียบไปเลยนะคุณแพร” ธีรเมทดันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขาขยับเนกไทปลดกระดุมเสื้อออกเม็ดหนึ่ง เพื่อความสบายตัว เดินไปนั่งบนขอบโต๊ะทำงานข้างตัวของหญิงสาว
“ค่ะ หัวหน้าให้มาเอาสัญญาการซื้อขายกลับไปด้วย” แพรดาวรู้สึกว่าบรรยากาศมันแปลก ๆ จนน่าใจหาย ทำไมธีรเมทต้องขยับมานั่งชิดกับเธอแบบนี้ด้วย สายตาของเธอตอนนี้ แทบจะอยู่ระดับเดียวกับลำตัวของเขาเลยทีเดียว
“คุณว่าเครื่องจักรที่ใช้งานได้ไม่เท่าไรก็พังซะแล้ว ผมสมควรต้องเซ็นเอกสารนี่ไหมนะ” เขาก้มลงใกล้จนกลิ่นน้ำหอมจากตัวของเขาแตะจมูกเธอเต็ม ๆ เป็นกลิ่นสดชื่นคุ้นเคยจากที่ไหนสักแห่ง ที่ที่เธอก็ไม่รู้และจำไม่ได้
“เอ่อ คุณธีรเมทคะ มีตรงไหนที่ต้องการให้เราแก้ไขบ้างคะ ทางเรายินดีทำให้ทุกอย่างเลยค่ะ” แพรดาวดันเก้าอี้ให้เลื่อนตัวไปด้านข้าง ทิ้งระยะห่างจากเขาไว้พอสมควร
‘เพื่องานท่องไว้ยัยแพร เพื่องาน ๆ’
ถ้าไม่คิดว่าเป็นลูกค้าคนสำคัญ เธออาจจะกรี๊ดแตกใส่เขาไปแล้วก็ได้ ดูคุกคามจนน่ากลัว ไม่ติดว่าสัญญาที่เขาถือไว้ คือรายได้หลักของบริษัทในปีนี้อย่างที่หัวหน้าบอกไว้ เธอคงทำมันลงไปแล้วจริง ๆ
“ยินดีทำให้ทุกอย่างอย่างนั้นเหรอคุณแพร ถ้าคุณอยากได้ลายเซ็นของผม ไม่ยากเลยนะคุณแพร” เขาดักทางเหมือนรู้ทันความต้องการของหญิงสาว
“คะ” แพรดาวตาวาวขึ้นอย่างดีใจ แต่พอเห็นสายตามองสำรวจเนื้อตัวของเธอเข้า ก็ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ นี่มันอะไรกัน แล้วทำไมเขามองแบบนี้ ซ้ำยังเรียกชื่อเธอสั้น ๆ ด้วยล่ะ ดูผิดปกติไปจริง ๆ
“ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ มีธุระด่วนค่ะ” จู่ ๆ หญิงสาวก็โพล่งออกไปตามความคิดของตนเอง
“ถ้าคุณกลับผมฉีกสัญญาทิ้ง”
“นี่คุณ”
“ เชิญเลย” เขาผายมือแบบไม่สนใจ แพรดาวหน้าซีดเป็นไก่ต้ม เครื่องจักรทอที่เขาคิดจะสั่งกับบริษัทของเธอนั้น มูลค่าหลายสิบล้าน เนื่องจากเขาขยายโรงงาน เลยต้องการสั่งทำใหม่ทั้งหมด ถ้าเกิดเขาไม่ยอมเซ็นสัญญานั่น บริษัทเธอแย่แน่ ๆ เพราะสั่งวัตถุเข้ามาเตรียมผลิตเรียบร้อยแล้ว