ตอนที่ 1 เจ้าหนี้
@กรุงเทพมหานคร
ท่ามกลางความมืดในเมืองหลวง ร่างเพรียวบางยืนกอดอกอยู่ตรงระเบียงหลังห้อง ดวงตากลมทอดมองไปไกลราวกับว่ากำลังซึมซับเอาความสวยงามของกรุงเทพยามราตรอยู่ หากแต่นัยน์ตาเท่านั้นที่บ่งบอกว่าตอนนี้เจ้าตัวกำลังเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เทอมนี้เป็นเทอมสุดท้ายของการเรียนในระดับมหาวิทยาลับของ พริมา หญิงสาวเก็บข้าวของที่มีอยู่ไม่มากลงกระเป๋าเพื่อรอให้ คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็น "เจ้าชีวิต" ของเธอมารับในวันพรุ่งนี้
มือบางยกขึ้นมากำสร้อยข้อมือเส้นเล็กใว้เน่น ด้วยความคิดถึงผู้เป็นบิดาและมารดาสุดหัวใจ เธอยืนอยู่บนโลกใบนี้ด้วยความเดียวดาย เพราะบิดาและมารดาเสียตอนที่เธอกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย ชีวิตในวัยเด็กที่แสนจะมีความสุขของเธอต้องหายไปในพริบตาเมื่อฐานะทางการเงินของครอบครัวเข้าสู่ขั้นวิกฤต สุดท้ายเธอและพ่อแม่ก็ต้องออกมาจากบ้านที่เธอเคยอยู่ต้องมาพึ่งใบบุญของคนที่ชื่อว่า เจ้าหนี้
@เช้าวันต่อมา เวลา 09.00 น.
พริมตื่นขึ้นมาในสายของอีกวันเพื่อรอคนที่ขึ้นชื่อว่าเจ้าชีวิตมารับกลับยังบ้านเกิดเมื่อเธอเรียนจบในระดับมหวิทยาลัย อีกประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา รถบีเอ็มสุดหรูได้ขับเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าบริเวณอพาร์ตเมนต์ ผู้ชายคนที่พริมารู้จักและจดจำเขาได้อย่างเม่นยำก้าวขาลงมาจากรถคันนั้น
วันนี้ "ปฐพี"แต่งตัวธรรมดาด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนต์รัดรูป ร่างสูงที่มีไหล่กว้างนั้นเดินอย่างผึ่งผ่ายเข้ามาหาพริมาเพ่งพินิจใบหน้าหล่อเหลาอย่างลืมตัว แต่ความชื่นชมที่หล่อนมีให้เขานั้นกลับถูกขวางกั้นด้วยความเห็นแก่ตัวเอาแต่ใจ และร้ายกาจที่สุดของเขาตามความคิดของพริมา
"ไม่เจอกันนานเลยนะ" เขาเอ่ยประโยคแรกหลังจากที่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
"สี่ปีคะ"พริมาตอบกลับแล้วรู้สึกหน้าร้อนผ่าวเมื่อนึกได้ว่าประโยคที่เธอพูดออกไปนั้นอาจทำให้เขาคิดได้ว่าเธอนับวันรอเขามาตลอดสีปี
"นี่คุณถึงขนาดนับวันรอผมเลยหรอ" ใบหน้าหล่อกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
"พริมไม่อยากให้เวลานี้มาถึงต่างหาก"
"แต่ผมกลับตั้งหน้าตั้งตารอวันนี้"
คำพูดของชายหนุ่มกับทำให้เธอคิดว่าตัวเองนั้นเป็นภาระของเขาเสียเต็มประดาที่ต้องมานั่งส่งลูกหนี้อย่างเธอเรียนจนจบมหาวิทยาลัย
"พริมคงทำให้คุณเปลืองเงินมาเลยสินะคะ"ชายหมุ่มมองตาหญิงสาวนิ่ง
"คุณคิดว่างั้นหรอ???"
"คะ!!"
"......"
มือเรียวบางกำลังจะเอื่อมไปยกกระเป๋าเดินทางแต่ถูกมือหนาแย่งไปถือเสียเอง ก่อนจะเดินนำหญิงสาวไปที่รถของเขา พริมาก้าวขึ้นไปนั่งข้างๆขับสายตามองตามข้างทางอย่างสนใจ
"ป้าแก้วสบายดีนะคะ"เมื่อรถแล่นออกมาได้ซักพักหญิงสาวก็หันไปถามชายหนุ่มถึงญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของเธอ
"สบายดี"
ชายหนุ่มชำเลืองมองหล่อนเล็กน้อยก่อนจะหันไปสนใจกับเส้นทางตรงหน้า
"คิดถึงหรอ??" หญิงสาวพยักหน้า
"ป้าแก้วบ่นถึงทุกวันแหละ"
"บ่นว่าอะไร?"พริมาถามอย่างสนใจ
"ก็ประมาณว่าตอนนี้คุณสบายดีไหม ป่วยหรือปล่าว มีใครดูแลคุณไหม "
"ป้าแก้วคงเป็นห่วงพริม"พูดจบหญิงสาวก็เบื้อหน้าหนีไปนอกหน้าต่าง
"คุณทำแบบนี้ผมรู้สึกผิดเลยนะ ที่ไม่เคยพาป้าแก้วมาหาคุณ"
"ลูกหนี้อย่างพริมไม่มีสิทธิ์คิดแบบนั้นหรอกคะ"
พริมมาพูดจบก็หันหน้าหนีเพราะไม่อยากต่อร้องต่อเถียงกับเขา ทั้งคู่นั่งเงียบมาตลอดทาง จนกระทั้งรถบีเอ็มของปฐพีวิ่งมาถึงทางแยกเข้าไร่ ชายหนุ่มบังคับพวงมาลัยไปตามทางที่เขียนว่า "ไร่ธาราริน" แทนที่จะเป็น "ไร่พริมา"
หญิงสาวหันหน้ามามองปฐพีด้วยสายตาที่มีคำถามกึ่งไม่เข้าใจ
"ทำไมมาทางนี้คะไร่พริมาต้องไปอีกทางต่างหาก"
"จะไปทำไมที่นั่นไม่มีใครอยู่แล้ว"
"มีสิคะก็ป้าแก้วไง ป้าแก้วรอพริมอยู่ที่นั่น"
"ป้าแก้วของคุณย้ายมาอยู่บ้านผมตั้งนานแล้ว คุณคิดว่าผมจะใจร้ายปล่อยให้ผู้หญิงตัวคนเดียวอยู่บนไร่ที่ไม่มีใครแบบนั้นได้ยังไง"ชายหนุ่มหันมาตอบพริมา
"แล้วใครดูแลบ้านพริมละคะ"
"คนของผม" พริมาเลิกคิ้วสูงแล้วทำสีหน้าจริงจัง
"คุณคิดจะยึดทรัพย์สินของพริมเพื่อใช้หนี้ใช่ไหม?"
"อาจจะใช่"ชายหนุ่มตอบกลับ
"แล้วคุณจะทำยังไงกับมัน"ปฐพีแอบยิ้มในใจ แต่เก็กหน้าขรึม
"เอาใว้เป็นมรดกให้ลูกมั้ง"พริมาหน้าตึงทันทีที่รู้ความคิดของชายหนุ่ม ที่เขาจะฮุบทรัพย์สินชิ้นสุดท้ายที่บิดามารดาของเธอทิ้งใว้ให้เพื่อเป็นมรดกให้ลูกเขาเนี่ยนะ ตลกสิ้นดี