บทที่๒แสบสะท้านทรวง(๑)

1608 คำ
ช่วงค่ำของวันเดียวกัน สองสาวเพื่อนซี้กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสอยู่ภายในคฤหาสน์หลังโตของตระกูลคติธนากรณ์ สาวเจ้าของบ้านทำหน้าเศร้าเล็กน้อยเพราะเจ้าของร่างอ้อนแอ้นซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกำลังจะย้ายตัวเองออกจากเมืองกรุง เพื่อมุ่งหน้าเป็นสาวชาวสวนผู้รักสงบ “ลูกแก้วจะไปจริงๆ เหรอ” ประภาภรณ์ คติธนากรณ์เอียงหน้าถาม “อืม...ลูกแก้วต้องไปช่วยพี่เก้าทำงาน ปล่อยให้พี่ชายเผชิญความทุกข์คนเดียวมาหลายปีละ เราต้องทำตัวเป็นน้องสาวที่น่ารักบ้าง” “เราคงคิดถึงลูกแก้วแย่” พัณณิตาได้แต่ยิ้มแหยๆ กุมมือเพื่อนสนิทแล้วบีบเบาๆ “เราก็คงคิดถึงดาวมากๆ เหมือนกัน เอาไว้จะโทรมาหาบ่อยๆ นะ” “โทรมาจริงๆ นะ” คุณหนูผู้มั่งคั่งทำตาปริบๆ ก่อนจะร้องดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “เอาอย่างนี้ดีไหม เรามาแลกของแทนใจกัน” ม่านตากลมๆ เบิกกว้าง ก่อนที่มือบางจะรีบถอดกำไลข้อมือที่ตัวเองสวมใส่ตั้งแต่เด็กจนโตยื่นไปตรงหน้าเพื่อนรัก “กำไลเส้นนี้คุณพ่อให้ดาวตั้งแต่อายุสิบขวบ ดาวให้ลูกแก้ว เพื่อว่าเวลาที่ลูกแก้วเห็นกำไลชิ้นนี้ ลูกแก้วจะได้นึกถึงดาวไงจ๊ะ” “แต่มันแพงนะ” พัณณิตาทำหน้าแหยๆ “ลูกแก้วไม่มีของแพงขนาดนั้นมาแลกกับดาวหรอก เราว่าอย่าเลย” “ถ้าอย่างนั้น ดาวขอแค่ต่างหูคู่นั้นของลูกแก้วก็พอ” ประภาภรณ์พยักพเยิดไปยังต่างหูของเพื่อนสนิทซึ่งพัณณิตามักจะสวมต่างหูคู่นี้อยู่ตลอดนับตั้งแต่รู้จักกันมา ไม่เคยเลยสักครั้งที่เธอจะเห็นผู้เป็นเพื่อนถอดมันออก “เอ่อ...แต่ของชิ้นนี้มันราคาไม่กี่บาทเองนะ” “เอาน่า ในเมื่อเป็นของที่ลูกแก้วรักและชอบ ฉะนั้นมันก็ย่อมมีค่าสำหรับดาวอยู่แล้ว” ลูกสาวคุณทรงพลคะยั้นคะยอ ก่อนจะจัดการสวมกำไลที่ตัวเองใส่ติดตัวมาตั้งแต่เด็กให้คนเป็นเพื่อนพร้อมฉีกยิ้มกว้าง “ถ้าอย่างนั้นก็ได้จ้ะ ลูกแก้วจะเก็บกำไลนี้ไว้ให้ดีที่สุด ถ้าหากดาวจะขอคืน ลูกแก้วก็ยินดีนะ” “จะบ้าเหรอ เราไม่ขอคืนหรอก ถือว่าเป็นของที่ระลึกจากเราแล้วกันนะ” สิ้นเสียงพูดนั้นก็คลี่ยิ้มกว้าง ก่อนจะได้รับต่างหูมาเป็นที่ระลึก สองสาวเพื่อนรักโผเข้ากอดกันกลม จากนั้นพัณณิตาก็เอ่ยลาอย่างเป็นทางการ เพียงอึดใจเดียวก็หมุนตัวไปยังรถ สอดตัวขึ้นไปนั่ง แล้วจึงเหยียบคันเร่งออกไป ท่ามกลางใบหน้าหงอยๆ ที่มองตามท้ายรถไปจนสุดสายตา เวลาไล่เลี่ยกันนั้น บริเวณทางแยกเข้าสู่คฤหาสน์หลังใหญ่โต แบรด เอ็ดสันและลูกน้องจำนวนหนึ่งกำลังนั่งนิ่งๆ อยู่ในรถตู้สีบรอนซ์ ครู่ต่อมาก็ได้รับแจ้งว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งขับรถออกจากบ้านหลังนั้น คนรอท่าทำตามแผนการถึงกับลิงโลดในใจ ก่อนจะจ้องมองข้อความบนกระดาษพร้อมรูปถ่ายในมือแน่น แม้คนในภาพจะสวมแว่นตาปิดครึ่งหน้าและปล่อยผมสยายระไปตามกรอบหน้าก็ตาม แต่จุดเด่นของผู้หญิงที่เป็นเป้าหมายก็คือกำไลข้อมือฝังเพชรเรือนงามซึ่งอวดประกายเพชรระยิบระยับ “มาแล้วครับคุณแบรด” เสียงลูกน้องรายงาน “นายแน่ใจนะว่าเป็นคุณหนูดาว” “ต้องใช่แน่ๆ ครับ” ลูกน้องหน้าเข้มยืนกราน “อืม...ถ้าอย่างนั้นก็ลงมือได้” แบรดสั่งการเสียงเข้ม และทันทีที่รถของเป้าหมายเคลื่อนเข้ามาใกล้ ก็พยักหน้าน้อยๆ ให้คนขับเคลื่อนรถไปตัดหน้า กระทำการทุกอย่างรวดเร็วและรวบรัดที่สุด เพื่อให้สมใจปรารถนาเจ้านายบังเกิดเกล้าผู้รอชมผลงานด้วยใจจดจ่อ เช้าของวันใหม่มาเยือนพร้อมกับแสงแดดอ่อนๆ ลอดผ่านช่องหน้าต่างบานเล็กเข้ามาภายในกระท่อมขนาดกะทัดรัด บนแคร่ไม้แข็งแรงมีร่างอรชรดิ้นขยุกขยิกไปมา พลางรู้สึกเจ็บร้าวไปทั่วกาย อึดใจเดียวถึงได้กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะพยายามเพ่งมองภาพตรงหน้าที่มันไม่คุ้นตาเอาสักนิด และเพียงภาพที่ปรากฏในคลองจักษุคือภาพก้านหญ้าสีน้ำตาลเข้มและมีท่อนไม้ลำโตๆ พาดไปมา แทนที่จะเป็นฝ้าเพดานซึ่งเห็นจนชินตา ก็ทำให้หญิงสาวรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่ง มองรอบๆ ตัวทั้งสี่ด้านด้วยความตื่นตระหนก “โอ๊ย!” ร้องลั่นสุดเสียงหลังจากที่ยกปลายนิ้วมือหยิกแรงๆ ที่เรียวแขนของตัวเองเพื่อทดสอบว่าไม่ได้ฝันไป และเมื่อรู้ว่านี่คือเรื่องจริง คนอยู่ผิดที่ผิดทางจึงเอียงหน้าเอียงคอขบคิด ปลายเท้าเรียวรีบวาดลงจากแคร่ไม้ซึ่งปูให้นุ่มด้วยการใช้ฟูกขนาดสามฟุตครึ่ง เพียงปลายเท้าสัมผัสกับพื้นไม้เย็น ร่างระหงถึงกับตัวแข็งเป็นหิน ‘เกิดอะไรขึ้น เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง’ ร้องถามตัวเองในใจ ค่อยๆ ใช้สติทบทวน จำได้ว่าก่อนที่เธอจะตื่นขึ้นมาอยู่ในสภาพแวดล้อมโทรมๆ แบบนี้ เธอเดินทางไปหาเพื่อนรักที่บ้านคติธนากรณ์เพื่อบอกกล่าวยัยดาวเรื่องเดินทางกลับบ้านสวนที่เพชรบูรณ์ หลังจากนั้นเธอก็ขับรถออกจากบ้านหลังนั้น ก่อนจะเลี้ยวออกจากซอยเพื่อมุ่งสู่ถนนหลัก แต่จู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งมาตัดหน้า “ใช่ ฉันก้าวลงจากรถไปด่าอีตานั่น” พัณณิตากัดฟันกรอดอย่างนึกโมโห “แล้วมันก็...” คำตอบทุกอย่างเลือนหาย เมื่อศีรษะซีกซ้ายปวดหนึบไปหมด จนอุ้งมือบางต้องตบเบาๆ ไปสองสามที “เราถูกลักพาตัว!” คนถูกลักพาตัวทำตาโตพลางตะโกนลั่น หันรีหันขวางด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะรีบวิ่งปร๋อไปยังประตูไม้ มือน้อยๆ นั้นทำสารพัดวิธี ทั้งเขย่าทั้งทุบ เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากบ้านหลังเล็กที่ไม่คุ้นเคยนี้ แต่เมื่อทุบจนหอบแฮกๆ ก็เปิดปากด่าทอคนที่จับตัวเองมา “ไอ้บ้า! ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นฉันฆ่านายแน่ คอยดูเถอะ อย่าให้รอดไปได้นะ จะลากเข้าคุกซะให้เข็ด คนเลว! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!” คำตะโกนด่าทอเป็นชุดของคนในกระท่อมไม้ทำให้แบรด เอ็ดสันกับลูกน้องผมสีทองร่างใหญ่อีกสองคนถึงกับทำหน้าขยาด แม้จะฟังรู้เรื่องบ้างเป็นบางคำ แต่ก็มั่นใจได้ว่าสุ้มเสียงเกรี้ยวกราดนั้นน่าหวาดกลัวไม่น้อย ดีหน่อยที่ฝึกปรือการสนทนาภาษาไทยตามคำสั่งของมาดามอภิศราจึงทำให้ลูกน้องของตระกูลแฮคตันทุกคนสามารถพูดและฟังภาษาไทยได้พอสมควร นาทีนี้ทั้งสามคนจึงค่อยๆ ขยับเท้าเดินถอยหลังออกห่างจากจุดกำเนิดเสียงด้วยอาการประหวั่นพรั่นพรึง “หัวหน้า เราจะทำยังไงกับคุณผู้หญิงคนนั้นดี ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ เธอคงอาละวาดจนกระท่อมพังแน่ๆ” หนึ่งในลูกน้องซึ่งมีจมูกโด่งชะโงกหน้าถามราวกับกระซิบ “จะทำยังไงได้ละวะ ถ้าจะพังก็ต้องปล่อยให้พังไปแล้วค่อยสร้างใหม่ แต่อย่าปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นหลุดลอดไปได้ก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นพ่อเอาตายแน่” “แต่ว่า...” เจ้าของคำถามทำท่าคัดค้าน “นายกลัวผู้หญิงตัวเล็กๆ หรือเจ้านายบังเกิดเกล้ากันแน่วะ” ลูกน้องสองคนหันมามองหน้ากันแทบจะทันทีที่จบคำถามนั้น ก่อนจะทำหน้าขยาดเมื่อคิดถึงความน่ากลัวของแฟรงค์ แฮคตัน จากนั้นก็เชิดหน้าขึ้นมองฟ้า ผายอกให้กว้าง ตั้งไหล่ให้ตรง ปฏิบัติหน้าที่ต่อโดยไม่พร่ำพูดใดๆ อีก เวลานี้ต้องจับตานั่งเฝ้าไม่ให้คนตัวเล็กก้าวออกจากกระท่อมได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว คงได้ใช้แผ่นดินไทยกลบหน้าก่อนเวลาอันควรเป็นแน่ ขณะที่คนด้านนอกกำลังเฝ้ามองแบบตาไม่กะพริบ คนด้านในกระท่อมไม้ก็ยังคงร้องตะโกนอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเตะถีบกระท่อมอย่างไม่ยั้ง แต่ด้วยร่างกายที่เล็กจึงไม่มีแรงมากพอจะทำลายดินแดนกักกัน ร่างอรชรจึงลู่กายลง แผ่นหลังบอบบางชิดกับแผ่นไม้ของประตู กำปั้นน้อยๆ ทุบลงที่พื้นห้องอย่างอัดอั้นตันใจ สุดท้ายเธอก็ทำได้เพียงซบหน้ากับเข่ามน แล้วโทษฟ้าโทษดินที่ทำให้เธอต้องดวงซวยถูกจับตัวมา “ทำไมฉันถึงได้ดวงตกขนาดนี้ จะกลับบ้านก็มีคนมาขัดขวาง ทำไมสวรรค์ถึงได้ใจร้ายกับลูกแก้วนัก ลูกแก้วไม่น่ารักตรงไหน” ตัดพ้อต่อว่าถึงตรงนี้ น้ำตาก็ยิ่งไหลพรากลงมาไม่ขาดสาย หากแต่เจ้าหล่อนก็ไม่คิดป้ายหยาดน้ำตาออกแต่อย่างใด “พี่เก้า มาช่วยลูกแก้วด้วยสิ ลูกแก้วถูกหมาบ้าที่ไหนก็ไม่รู้จับตัวมา” คนถูกลักพาตัวสะอื้นครวญหาพี่ชายคนเดียวให้มาปลดปล่อยเธอออกจากการกักขังหน่วงเหนี่ยว ซึ่งจนถึงป่านนี้ก็ยังไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน ไอ้พวกที่จับตัวเธอมากักขังคือใคร และที่สำคัญทำลงไปเพื่อเหตุผลอะไร “ฉันอยู่ของฉันดีๆ จับตัวฉันมาทำไมฮ้า!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม