บทที่ 6 มีอะไรให้หวง

1478 คำ
คนตัวเล็กในชุดนักศึกษาพอดีตัวกับกระโปรงพลีทความยาวเสมอเข่าเดินลงบันไดอย่างยากลำบาก เพราะแผลที่เท้ายังคงเหลืออาการบาดเจ็บ ตากลมเหลือบมองไปยังห้องอาหาร เมื่อไม่เห็นร่างสูงของอีกคนเหมือนฝันก็ระบายลมหายใจอย่างโล่งอก “วันนี้มีข้าวต้มกุ้งนะคะ” “ค่ะ ป้าอุ่น” เหมือนฝันฉีกยิ้มกว้างเพราะเธอชอบกินกุ้งมาก แต่ไม่ค่อยได้กิน เพราะฐานะทางบ้านที่เรียกได้ว่าติดลบ เหมือนฝันใช้เวลาไม่นานก็ทานข้าวต้มถ้วยใหญ่จนหมด เกลี้ยง ก่อนจะได้ยินเสียงคนกำลังเดินลงบันได และคนคนนั้นจะเป็นใครไม่ได้นอกจากคุณชายอคินณ์แสนปากเสีย “ฝันไปเรียนก่อนนะคะ” เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้เหมือนฝันก็รีบลุกหวังจะหลบหน้าคนเจ้าอารมณ์ แต่เพราะฝ่าเท้าที่ยังบาดเจ็บและความลืมตัวจึงเหยียบแผลตัวเองเข้าอย่างจัง “โอ๊ย อ๊ะ !” ความเจ็บจี๊ดขึ้นสมองทำเท้าขาวชักขึ้นแทบไม่ทันและนั่นส่งผลให้ร่างเล็กโงนเงนจวนจะล้ม เปลือกตาทั้งสองข้างหลับปี๋เตรียมรับความเจ็บ แต่จนแล้วจนเล่าเธอก็ยังไม่รู้สึกอะไรนอกจากความอุ่นที่โอบรอบร่างกายกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ และเมื่อลืมตาขึ้นเหมือนฝันก็อยากให้ตัวเองล้มลงไปเสียตรงนั้นเพราะตอนนี้เธอกำลังอยู่ในอ้อมแขนของคนที่ไม่ชอบขี้หน้าที่สุด ทั้งสองสบตากันโดยปริยายก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะรีบผละตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแรงและเดินกะเผลกออกไปจากบ้านทันที โดยไร้คำขอบคุณอย่างที่ควรทำ เหมือนฝันใช้เวลาทั้งวันไปกับการเรียนจนถึงช่วงเย็น “พี่ชายมารับเหมือนเดิมเหรอ” มีนากับเหมือนฝันนั่งเล่นกันอยู่ที่ม้าหินอ่อนหน้าคณะซึ่งเป็นที่ที่เธอต้องมารอเติมบุญ ส่วนมีนาที่ปกติจะกลับพร้อมนายน์ แต่วันนี้อีกฝ่ายติดธุระจึงต้องมานั่งรอรถจากที่บ้านเช่นเดียวกับเธอ “อื้อ” “เอ๊ะ เฟอร์รารี่สีแดงแบบนั้นมันรถหนุ่มฮอตจากบริหารนี่” “หื้ม” เหมือนฝันมองตามสายตาเพื่อน รถยนต์สองประตูสีแดงเพลิง สัญลักษณ์รูปม้าและป้ายทะเบียนแบบนั้นไม่ผิดแน่น นั่นมัน...รถของอคินณ์ แล้วทำไมเขาถึงมาจอดที่หน้าคณะของเธอกัน ! “ฝัน ฝัน” “ฮะ” “เป็นอะไรไป” “เปล่าหรอก เมื่อกี้มีนว่าไงนะ” “ฉันถามว่าเธอรู้จักพี่คินณ์ไหม” “มะ...ไม่-” ปรื้ด ! ไม่ทันที่จะได้ตอบคำถามเสียงแตรจากรถยนต์คันสวยก็ดังลั่นไปทั้งบริเวณทำเอาคนที่อยู่รอบข้างมองไปที่รถคันนั้นเป็นตาเดียว จะมีก็แต่เหมือนฝันที่ก้มหน้าก้มตา เพราะกลัวว่าอคินณ์จะมาหาเรื่องเธอถึงคณะ และเธอคิดไม่ผิด เพราะยิ่งเธอทำท่าหลบเสียงแตรก็ยิ่งดังยาว ก่อนที่โทรศัพท์ในมือจะแผดเสียงและปรากฏเบอร์ที่ไม่รู้จักชื่อ เหมือนฝันลังเลว่าจะรับดีไหมเพราะสัญชาตญาณบางอย่างกำลังเตือนว่าเธออาจต้องเจอเรื่องวุ่นวายในอีกไม่ช้า แต่ยิ่งใช้เวลาในการคิดนาน เธอก็ยิ่งสับสนเพราะเสียงแตรรถยนต์ของอคินณ์มันกวนสมาธิเหลือเกิน “ฮัลโหลค่ะ” (“ขึ้นมา”) “คะ ?” (“ยัยหน้าโง่ฉันบอกให้มาที่รถ หรือเธอจะเดินกลับบ้านเอง”) “ฉันรอพี่เติมอยู่” (“ไอ้เติมมาไม่ได้แล้ว รีบขึ้นมา”) “งั้นฉันจะกลับเอง” (“เอาสิ ฉันจะนั่งบีบแตรอยู่อย่างนี้จนกว่าเธอจะได้รถเป็นไง”) เหมือนฝันนิ่งงันไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำขู่ และเธอคิดว่าคนประสาทอย่างอคินณ์กล้าทำมันอย่างแน่นอน ดวงตาคู่สวยกวาดมองรอบตัวอย่างลำบากใจเพราะทุกคนต่างกำลังให้ความสนใจรถยนต์สีแดงเพลิงคันนั้น “พี่คินณ์เขาควงเด็กคณะเราเหรอ” “นั่นสิ ฉันอยากไปเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้เขาจัง” “มาคอยดูกันว่าสาวคนใหม่จะควงถึงอาทิตย์ไหม” และหลากหลายความเห็นที่กำลังพูดคุยกัน ปรื้ด ! ไม่รอให้เหมือนฝันคิดอะไรมากกว่านี้เสียงแตรก็ดังขึ้นอีกครั้ง ร่างเล็กสะพายกระเป๋าผ้าใบเก่ง ก่อนจะหันไปบอกลาเพื่อนและรีบวิ่งขึ้นรถยนต์ที่จอดรอกันอยู่ก่อน โดยมีสายตาสงสัยของมีนามองจนกระทั่งรถยนต์คันนั้นขับออกไป... บนรถถูกเปิดเพลงคลอไว้อยู่ก่อน แต่ไม่ได้ช่วยให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้นเลยสักนิดเพราะคนที่อยู่หลังพวงมาลัยคือคนที่เธออยากหนีหน้ามากที่สุด “พี่เติมไปไหนเหรอคะ” “...” เสียงหวานถามขึ้นอย่างสุภาพแต่อีกคนกลับไม่ตอบและทำเป็นไม่ได้ยินทำเอาเหมือนฝันหน้าบึ้ง ในเมื่อไม่อยากตอบ เธอก็จะไม่ถาม ดวงหน้าหวานสะบัดออกไปมองนอกหน้าต่าง เพราะวันนี้เธอเลิกเรียนก็หกโมงเย็นแล้ว ไหนจะรถบนท้องถนนที่ติดขัดทำให้ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มถูกย้อมเป็นสีเข้ม และกว่าเหมือนฝันจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เส้นทางรอบข้างเริ่มไม่คุ้นเคย “นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านนี่” “ใครบอกว่าฉันจะพาเธอกลับบ้าน” “หิ้วใครมาด้วยวะนั่น” ธามไททักทายคนมาใหม่โดยมีหญิงสาวหน้าตาน่ารักติดสอยห้อยตามมาด้วย อคินณ์เหลือบมองใบหน้าบึ้งตึงของคนที่เขาบังคับมาก่อนจะยกยิ้มมุมปากแล้วทิ้งตัวนั่งที่ประจำโดยไม่ตอบคำถาม แต่ธามไทก็ไม่ได้ซักไซ้เพราะคิดว่าคงเป็นคนควงใหม่ของอคินณ์ แม้ว่ารูปร่าง หน้าตาจะต่างจากที่เพื่อนเขาควงอยู่บ่อย ๆ ก็เถอะ “พี่ชื่อธามนะ ว่าแต่เราชื่ออะไรเอ่ย” ธามไทปล่อยให้เพื่อนสนิทจิบเหล้าไปเงียบ ๆ ส่วนตัวเองก็หันไปคุยหญิงสาวหน้าตาน่ารักแทน “ฝันค่ะ” เหมือนฝันตอบเสียงเบาขณะที่ดวงตาก็กวาดมองรอบตัว คลับแห่งนี้ตกแต่งดูดีมาก ทั้งยังกว้างขวางและปลอดโปร่งเพราะเพดานที่สูง ไหนจะโต๊ะ เก้าอี้ และของตกแต่งอื่น ๆ ที่ทำให้ที่แห่งนี้ดูหรูหราเหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้ากระเป๋าหนัก เพราะยังไม่ถึงเวลาเปิดทำการ ภายในจึงมีเพียงเสียงเพลงเบา ๆ และแสงไฟที่ยังไม่ได้จัดจ้านนัก คนตัวเล็กพินิจมองรอบตัวก่อนจะนั่งเก้าอี้กำมะหยี่สีแดงที่ยังว่างด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้ามาสถานที่แบบนี้ ถ้าไม่นับตอนที่ต้องทำงานเสริมที่ร้านเหล้าแถวบ้าน “โห ไอ้คินณ์ มึงเสี้ยนจนต้องหิ้วสาวมาทั้งชุดนักศึกษาเลยเหรอวะ” ดินแดนที่เพิ่งมาถึงเอ่ยปากหมา ๆ แซวเพื่อนทันทีก่อนจะหันมาหาเหมือนฝัน “พี่แดนนะครับ” “ฝันค่ะ” เหมือนฝันตอบกลับเสียงเบาไม่ต่างจากตอนแรก เธอมองทั้งสามอย่างสงสัย ทั้งที่คลับยังไม่เปิดแต่ทำไมพวกเขาถึงมีสิทธิพิเศษมานั่งดื่มเหล้าสบายใจเฉิบ แต่ที่ไม่เข้าใจที่สุดคือทำไมเธอได้ต้องมานั่งอยู่ที่นี่ด้วย ! “คุณคินณ์ ช่วยไปส่งฉันกลับบ้านก่อนได้ไหม” เหมือนฝันขยับเข้าใกล้ชายหนุ่มที่ตั้งแต่มาถึงก็เอาแต่นั่งดื่มเหล้าไม่พูดไม่จา “หื้ม มึงบังคับน้องเขามาเหรอวะ” ดินแดนที่นั่งถัดจากอคินณ์ได้ยินเสียงหวานขอร้อง ไหนจะท่าทางเรียบร้อยพวกนั้นยิ่งทำให้หญิงสาวดูไม่เหมือนคนที่ชอบเที่ยวกลางคืน “ถ้าอยากกลับบ้านให้พี่ไปส่งแทนดีไหมครับ” ดินแดนที่เห็นว่าอคินณ์ยังนิ่งเฉยราวกับไม่ได้ยินก็ชะโงกหน้ามาตอบแทน สายตาฉายแววเจ้าชู้มองมาที่เหมือนฝัน ทำเอาร่างเล็กต้องกอดตัวเองตามสัญชาตญาณ ไม่พอแค่นั้นสายตาแพรวพราวยังไล่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับกำลังคิดบางอย่าง และมันต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับเธอแน่นอน ร่างบางเอนหลังพิงเก้าอี้เพื่อใช้ร่างสูงใหญ่ของอคินณ์บังสายตาที่มามอง และท่าทางเหมือนกระต่ายขี้กลัวแบบนั้นยิ่งทำให้คนขี้แกล้งชอบใจ “เด็กมึงน่ารักว่ะ” “หุบปากน่า” เสียงเข้มเจือแววรำคาญ เพราะตั้งแต่เขามาถึงไอ้พวกนี้ก็เอาแต่พูดเรื่องยัยกาฝากอยู่ได้ ไม่รู้จะสนใจอะไรนักหนา “หวงเหรอ” ธามไทที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยเสียงเรียบ และแค่นั้นก็ทำหัวคิ้วได้รูปขมวดยุ่ง ก่อนที่มุมปากจะจุดยิ้มร้ายกาจ “ของแบบนี้มีอะไรให้หวง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม