พิชญากรยิ้มแต่ในใจก็ได้แต่คิดว่าเป็นหมอนี่ก็คงเหนื่อยน่าดูเหมือนกัน เสียงเปิดประตูห้องหยุดบทสนทนาของทั้งสองลงพร้อมกับคนที่ถูกพูดถึงโผล่หน้าออกมา
"อ่าว ยังไม่กลับเหรอคุณ"
"กำลังจะกลับค่ะ แล้วหมอไม่กลับเหรอคะ"
"อีกสักพักค่ะ ออกไปตอนนี้ก็คงติดอยู่บนถนนนั่นแหละ"
"คุณพายพักที่ไหนคะ ช่วงนี้รถติดอย่างที่คุณหมอบอกนั่นแหละค่ะ แต่สองทุ่มไปแล้วก็โล่ง"
"พอดีฉันจะไปพักที่คอนโดเพื่อนตรง doohome คอนโดค่ะ"
ชื่อคอนโดหรูโครงการที่ใครบ้างไม่รู้จัก
"ถึงจะไม่ไกลมากแต่หลายไฟแดงเลยละค่ะเส้นนี้ หมอเกมส์ก็ผ่านเส้นนั้นไม่ใช่เหรอคะ"
ศจีวรรณพยาบาลอีกคนที่ทำงานที่นี่มาหลายปีและสนิทกับบรรดาคุณหมอพอสมควร ก็ร่วมงานกันมาตั้งหลายปีถึงแม้หมอเกมส์จะไปเรียนต่อต่างประเทศตั้งสี่ปีก็ตาม
"คุณรีบหรือจะไปธุระที่ไหนต่อหรือเปล่าล่ะ จะรอกลับพร้อมหมอก็ได้"
คำชวนนั้นทำให้พิชญากรครุ่นคิดเธอไม่ใช่คนพื้นที่นี้ก็ไม่รู้ว่าการจราจรเส้นนี้เวลาไหนถนนโล่งไม่โล่ง แต่เมื่อเจ้าถิ่นบอกมาแบบนั้นก็คงจะติดเอาการเหมือนกัน
"แล้วฉันจะไปอยู่ไหนละคะ ด้านล่างมีร้านขายอาหารมั้ยไหน ๆ รอแล้วจะได้ถือโอกาสหาอะไรใส่ท้องไปด้วยเลย"
จะให้รอก็ต้องมีที่ให้เธอสิงสถิต และร้านขายอาหารน่าจะเหมาะที่สุดเพราะเธอเองก็เริ่มหิวแล้วด้วย
"ถ้าคุณหิว จะสั่งขึ้นมาทานนี่ก็ได้ ข้างล่างคนเยอะคงไม่เหมาะถ้าคุณจะลงไปนั่ง"
กนิษฐาบอกถึงตอนนี้จะเป็นช่วงกลางคืน แต่แถวนี้นอกจากโรงอาหารของโรงพยาบาลก็มีร้านรถเข็นที่มาจอดขายตรงฟุตบาธหน้าโรงพยาบาล ถ้าจะกินร้านหรู ๆ ก็ต้องขับรถออกไปด้านนอกเลย
"อาหารตามสั่งที่โรงอาหารเราก็อร่อยนะคะคุณพาย มีทั้งข้าวต้ม สะเต็กก็มีค่ะ นี่พี่ก็ว่าจะลงไปหาอะไรทานก่อนเหมือนกัน"
"มีสะเต็กด้วยเหรอคะ"
"มีค่ะชุดล่ะ89บาท มีสลัดรวมผักผลไม้ด้วยนะคะชุดล่ะห้าสิบบาท"
พิชญากรยังไม่ทันจะคิดเมนูธนบัตรสีม่วงก็ถูกยื่นมาจากมือหมอส่งให้พี่พยาบาล
"รบกวนพี่ศจีสั่งให้เด็กเอาขึ้นมาส่งหน่อยนะคะ ของเกมส์เอาสะเต็กปลาแล้วกัน คุณจะเอาอะไร"
หันไปถามคนที่ยังยืนมึน
"เอาเหมือนหมอก็ได้ค่ะ"
กนิษฐาจึงพยักหน้าให้พี่พยาบาล
"พี่ศจีสั่งสลัดรวมให้ด้วยนะคะชุดนึง"
"ได้ค่ะ งั้นพี่ลงไปหาอะไรทานก่อนนะคะ เดี๋ยวให้เด็กเอาอาหารขึ้นมาส่ง"
"ขอบคุณค่ะ"
สองสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกันให้ศจีวรรณอมยิ้มบาง ๆ ก่อนจะแยกไป กนิษฐาจึงหันมามองคนข้าง ๆ อีกครั้ง
"เข้าไปรอในห้องหมอก่อนมั้ยกว่าอาหารจะมาก็หลายนาที หรือคุณหิวไปกินขนมรองท้องก่อนก็ได้"
"รอได้ค่ะ แต่ หมอพาไปห้องน้ำหน่อยสิ มันเงียบน่ะ"
ก็เพิ่งนึกได้ว่าที่นี่มันโรงพยาบาล แถมชั้นนี้คนก็ไม่ได้พลุกพล่านเหมือนชั้นที่มีคนไข้ด้วย กนิษฐามองดูคนที่หันซ้ายมองขวาแล้วก็นึกขำอยู่ในใจ
"ไปสิคะ อั้นนานเดี๋ยวกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรอก"
พิชญากรมองค้อนคนที่อมยิ้มเล็ก ๆก่อนจะก้าวเดินตรงไปทางห้องน้ำ ที่จริงห้องน้ำชั้นนี้มีสองฝั่ง แต่ฝั่งนี้เธอว่ามันใกล้กว่า ส่วนฝั่งหนึ่งน่าจะเป็นส่วนที่มีไว้สำหรับให้เจ้าหน้าที่ได้ใช้อาบน้ำด้วย เพราะเห็นพี่ทีมงานที่ไปใช้บอกว่ามีห้องอาบน้ำด้วย
"หมอคะ ชั้นนี้ปกติกลางคืนมีเจ้าหน้าที่อยู่ตลอดมั้ย"
"ก็มีนะคะ เจ้าหน้าที่เวรดึกน่ะ กลัวเหรอคะ"
แม้จะพอรู้อยู่ว่าน้องคงกลัวนั่นแหล่ะ ก็ชั้นนี้มันชั้นห้องพักแพทย์กับห้องทำงานถ้าไม่ชินก็ต้องกลัวเป็นธรรมดาเพราะมันเงียบจนวังเวง
"ก็นี่มันโรงพยาบาลนี่คะใครจะไม่กลัว ถ้าโรงแรมก็ว่าไปอย่าง"
"ที่ไหนก็มีทั้งนั้นแหละค่ะ"
กึก สองเท้าชะงักกึกลงเพียงคำพูดเดียว
"หมอน่ะ จะพูดทำไมคะ"
คนยิ่งคิดอยู่ยังจะมาพูดให้กลัวอีก กนิษฐาหัวเราะเบา ๆ
"ก็หมอพูดความจริง แต่ใครจะเจอหรือเปล่าแค่นั้นเอง"
ยัง ๆ ไม่เลิกขู่เธออีก ใครเขาอยากจะเจอล่ะเธอไม่ได้งมงายแต่ไม่เคยลบหลู่เรื่องพวกนี้นะ
เมื่อเข้ามาในห้องน้ำที่ดูสะอาดสะอ้านน่าใช้ พิชญากรก็หันมาหาคนที่เดินตามหลังมาพร้อมกล่าวกำชับด้วย
"คุณหมอรอตรงนี้นะคะ ห้ามหนีออกไปก่อนด้วยไม่งั้นฉันกรี้ดดจริง ๆ"
กนิษฐาพยักหน้ากลั้นขำเอาไว้ ปล่อยให้สาวสวยได้เข้าไปทำธุระตัวเอง ยอมยืนรอจนอีกคนเสร็จกิจออกมานั่นแหละคุณหมอถึงเข้าไปจัดการตัวเองบ้าง พิชญากรมองไปรอบ ๆ ห้องน้ำที่มีอยู่ประมาณห้าห้องอาจเพราะมีแต่แพทย์พยาบาลใช้ก็เลยดูสะอาดดี ไม่นานกนิษฐาก็ออกมา พิชญากรมองคนที่ยังมีเสื้อกาวน์สวมอยู่ มือขาวกดเจลใสล้างทำความสะอาดก่อนจะเป่าลมให้แห้ง
"ไปค่ะ"
ทั้งคู่เดินออกมาก่อนจะเลี้ยวไปยังห้องแพนทรี่เพื่อรออาหารที่สั่ง กนิษฐาหยิบแก้วเปล่าสองใบออกมาก่อนจะเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำเปล่ามารินใส่แก้ว เสียบหลอดแล้วนำไปยื่นให้คนที่นั่งอยู่ไม่ไกล
"ขอบคุณค่ะ"
"เป็นไงคะงานถ่ายวันนี้ติดปัญหาเรื่องสถานที่หรือเปล่า"
เมื่อกลับมานั่งลงตรงหน้ากนิษฐาก็สอบถามถึงงานของอีกฝ่าย
"ไม่ค่ะ ถ่ายไปได้หลายซีนเลย"
"แล้วคุณต้องถ่ายไปถึงวันไหน"
เหมือนจะเป็นคำถามทั่วไปแต่ใครจะรู้ว่าคนตั้งคำถามนั้นต้องการคำตอบแค่ไหน
"อืม ถ้านับคิวที่เหลือก็น่าจะถึงวันศุกร์หรือไม่ก็วันเสาร์ถ้ามีฉากซ่อมนะคะ แล้วหมอกลับมืดแบบนี้ทุกวันเหรอคะ"
"ก็ไม่ทุกวันหรอกค่ะ ถ้าวันไหนมีธุระก็กลับเวลาเลิกปกติ แต่เป็นดารานี่เลิกงานไม่เป็นเวลาใช่มั้ย"
"ค่ะ ถ้าวันไหนงานราบรื่นไม่ต้องถ่ายซ้ำหลายครั้ง ถ้าถ่ายได้ตามคิวที่ผู้จัดวางไว้ก็เลิกตามนั้น แต่ถ้าวันไหนที่กองมีปัญหาไม่ว่าเกี่ยวกับนักแสดงหรือส่วนเกี่ยวข้องก็จะเสียเวลาไปอีก แต่ถ้าคิวของใครเสร็จก่อนก็กลับบ้านก่อนได้"
กนิษฐาฟังไปพยักหน้าไป
"แล้วคิวของคุณต้องกลับมืดทุกวันหรือเปล่า"
"คงจะกลับตอนเลิกกองทุกวันแหละค่ะ ก็เรื่องนี้ฉันเป็นตัวเอกคิวถ่ายก็เลยเยอะ"
"เลิกเป็นนางร้ายแล้วเหรอคะ"
คำเย้าปนรอยยิ้มกลับเรียกสายตาค้อนเล็ก ๆ จากใบหน้าสวยได้
"ไม่ได้เลิกค่ะ แค่เปลี่ยนบทบาทเท่านั้นเอง"
กนิษฐาพยักหน้าอมยิ้ม เธอไม่เคยรู้หรือสนใจหรอกว่าอาชีพดาราต้องทำอะไรกันบ้าง แค่เคยได้ยินว่ารายได้ดีมีชื่อเสียงและหาความเป็นส่วนตัวไม่ได้
"ทำไมถึงเลือกเป็นดาราล่ะ หมอเคยได้ยินว่าอาชีพนี้ขาดความเป็นส่วนตัว ขนาดจะมีแฟนยังต้องแอบเลย"
ไหน ๆ ก็มีโอกาสได้คุยกับดาราตัวเป็น ๆ ก็ขอถามหน่อยเถอะ ว่าพิชญากรมีแนวคิดยังไง
"จริง ๆ ก็ไม่ได้เลือกหรอกค่ะ เพียงแต่ว่ามีคนหยิบยื่นโอกาสมาให้ ก็เลยลองทำดู พอทำแล้วผลตอบรับกับเรามันค่อนข้างโอเค ผู้ใหญ่ท่านก็เลยป้อนงานให้เรื่อย ๆ คราวนี้เลยกลายเป็นความรับผิดชอบเหมือนเรามีงานที่ถูกมอบหมายมาให้ทำก็เลยต้องทำค่ะ ส่วนเรื่องความเป็นส่วนตัวมันก็หายไปจริง ๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย มันขึ้นอยู่กับการวางตัวของดาราด้วย ถ้ารู้ว่าเป็นที่จับจ้องของคนส่วนมากทำอะไรก็ต้องระมัดระวังค่ะ"
"คุณก็เลยไม่มีแฟน เพราะกลัวมีปัญหา"
จึก คำถามแทงใจดำ
"หมอรู้ได้ไงคะว่าฉันไม่มี"
กนิษฐายิ้มขำกับคำย้อนนั้น จะรู้มาจากไหนถ้าไม่ใช่เหล่ากองเชียร์ที่ไปเสาะสืบมาโดยที่เธอไม่ได้บอกเลยสักนิด
"คุณเจติยาเป็นเพื่อนรักคุณ แล้วคุณปรางวรัญน่ะ เขาเป็นเพื่อนสนิทกับลูกสาวเจ้าของโรงพยาบาลนี้ คุณรู้หรือเปล่า"
พิชญากรขมวดคิ้วกับคำกล่าวที่ไม่ใช่คำตอบ งานแต่งของเพื่อนรักเธอจำได้ว่าปรางวรัญมีเพื่อนสนิทที่แต่งงานกับผู้หญิงไปร่วมงานด้วย จริงสิ พี่สาวของกิรกานต์เพื่อนร่วมห้องเธอตอนเรียนมหาลัย
"คุณวิวใช่มั้ยคะ นี่อย่าบอกนะคะว่าหมอรู้เรื่องส่วนตัวฉันผ่านพี่ปราง"
"หมอไม่ได้สอดรู้สักหน่อย ก็นั่นน่ะคนใกล้ตัวทั้งนั้น อีกอย่างคุณก็ให้สัมภาษณ์ออกสื่อไม่ใช่หรือไง จะว่าไปเพื่อนรักคุณก็แต่งงานมีครอบครัวแล้วนี่เน๊อะ ถ้างั้นก็ไม่น่าเกี่ยวว่าดาราห้ามมีแฟน"
"แล้วคุณหมอจะย้ำทำไมคะ ฉันกับเพื่อนไม่ได้ชอบคนเดียวกันนะจะได้แต่งไปพร้อมกันน่ะ"
ฮึ่ย มันดูผิดปกติมากหรือไงที่เธอยังไม่มีใครทั้งที่เพื่อนสนิทแต่งกันไปแล้ว แถมแต่งกับผู้หญิงทั้งคู่ด้วยนี่แหละ ทุกวันนี้คนส่วนมากเลยคิดว่าเธอคงจะชอบผู้หญิงเหมือนกับเพื่อนแน่ ๆ
"ก็ดีแล้วที่คุณยังไม่มีใคร"
"หืม หมายความว่ายังไงคะหมอ"
กนิษฐาอมยิ้มเล็กน้อยยังไม่ทันจะตอบคำถามเสียงคนเดินเข้ามาใกล้ทำให้ทั้งคู่หยุดการสนทนาลงชั่วคราว ก่อนที่จะเห็นเด็กหนุ่มโผล่หน้าเข้ามาพร้อมถุงบรรจุกล่องอาหาร
"อ่ะ! คุณพาย!"
น้ำเสียงตกใจเมื่อเห็นว่าใครที่นั่งอยู่ในห้องพร้อมกับคุณหมอที่คุ้นหน้ากันอยู่
"ม่ะ หมอเกมส์น่าจะบอกว่ามีดาราอยู่ด้วย ผมจะได้แต่งตัวดี ๆ กว่านี้หน่อย เอ่อ ขอโทษนะครับคุณพาย"
พิชญากรยิ้มให้กับเด็กหนุ่มในชุดเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์ขาสั้นที่คงจะใช้กรรไกรตัดง่าย ๆ เพราะเส้นด้ายยังห้อยร่องแร่งให้เห็น
"ขอโทษทำไมคะ เราก็ไม่ได้โป๊ขึ้นมาสักหน่อย"
คำพูดเป็นกันเองยิ่งทำให้หนุ่มน้อยวัยสิบแปดอายม้วนแถมปลื้มดาราสาวมากขึ้นอีก 'รอยยิ้มหวานนี่ขอเก็บไปเพ้อหน่อยนะพี่พายคนสวย'
"อ้าว ๆ ลอยแล้วไผ่ ตาน่ะจะลอยไปไหนฮึ"
"โธ่ คุณหมอครับ ผมไม่เคยคิดฝันว่าจะได้มาเจอดาราในดวงใจแบบHDแบบนี้มันตื่นเต้นครับ อ่ะนี่ครับอาหารที่สั่ง คือ พี่พายผมขอลายเซ็นต์ได้มั้ยครับ แต่ ๆ เป็นพรุ่งนี้นะครับผมจะเอาเสื้อกีฬามารบกวนพี่เซ็นต์ให้"
"ได้ค่ะ เอามาฝากหมอเกมส์ไว้ก็ได้ ไว้ตอนพี่พักกองจะมาเซ็นต์ให้"
"เยสๆ! เอ่อ โทษทีครับดีใจไปหน่อย ขอบคุณนะครับพี่ ผมไปล่ะ อ่อ นี่ครับเงินทอนคุณหมอ"
หนุ่มน้อยที่ดูจะตื่นเต้นดีใจจนหลงลืม รีบควักเงินทอนส่งให้หมอที่ยิ้มขำเขาอยู่
"แฟนคลับคุณอีกคนสินะ ลูกชายเจ้าของร้านน่ะเห็นตั้งแต่เรียนประถมมาช่วยพ่อแม่ที่ร้านประจำ"
กนิษฐาเล่าให้อีกฝ่ายฟังพร้อมกับลุกไปหยิบเอาจานช้อนมาเตรียมใส่อาหาร
"ดีนะคะที่รู้จักช่วยพ่อแม่ทำงาน หื้อ น่าทานจัง กลิ่นเหมือนสะเต็กในร้านดังเลย"
พิชญากรเปิดกล่องใสที่บรรจุสะเต็กปลาชิ้นกำลังพอดีอิ่ม มีเฟร้นฟรายทอดห่อเล็กแถมมาด้วย
"รสชาติก็ใช้ได้นะคะ"
กนิษฐาจัดการนำอาหารออกจากกล่องใสมาใส่จานส่งให้คนที่ดูเหมือนจะหิวไม่น้อย
"ทานเลยค่ะ"
"ขอบคุณค่ะ"
พิชญากรกล่าวขอบคุณเมื่อช้อนส้อมถูกยื่นมาให้ คำแรกที่ตักเข้าปากบ่งบอกถึงรสชาติที่ดีพอสมควร
"อร่อยค่ะ ราคาไม่แพงด้วย"
คุณหมอยิ้มบางมองดูคนที่ตักอาหารเข้าปาก
"ถ้าคุณนึกอยากทานวันต่อไปก็โทรลงไปสั่งเขาล่วงหน้าได้นะ เดี๋ยวหมอจดเบอร์ร้านให้"
พิชญากรพยักหน้ารับ
"ขอบคุณค่ะ เพิ่งรู้ว่าอาหารในโรงพยาบาลอร่อยก็ตอนนี้แหละค่ะ เดี๋ยวนะเมื่อกี้คุณหมอยังไม่ตอบคำถามเลย"
"หือ คำถามไหนคะ?"
พิชญากรเม้มปาก อะไรกันพอได้ของกินก็ลืมง่ายดายเลยเหรอคะคุณหมอ
"ก็เมื่อกี้หมอบอกว่าดีที่ฉันยังไม่มีใครไง"
"อ้อ"
กนิษฐาร้องอ๋อก่อนจะมองหน้าอีกฝ่ายยิ้ม ๆ
"ก็ถ้าคุณมีแฟนคุณก็ไม่ได้มานั่งทานอาหารกับหมอแบบนี้สิคะ อีกอย่างหมอก็ยังอยากได้รางวัลที่คุณบอกเมื่อเช้าด้วยนะ"
คำตอบที่ได้ฟังเหมือนเอาไฟมาอังหน้าจนรู้สึกร้อนผ่าว บ้าจัง หัวใจเต้นแบบนี้อีกแล้ว ใบหน้าสวยก้มงุด ๆ สนใจแต่อาหารตรงหน้าไม่กล้าเงยขึ้นมามองคนที่นั่งอมยิ้มกริ่ม นี่พิชญากรจะรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังโดนจีบทางอ้อมน่ะ
"อิ่มหรือเปล่าคะ"
พิชญากรเงยหน้าขึ้นมามองคนถามหลังจากพากันเงียบไปจนอาหารหมดจาน
"อิ่มค่ะ สลัดยังเหลือคุณหมอทานให้หมดเลยนะเสียดาย"
"แล้วไม่ช่วยกันกิน หมอก็อิ่มเหมือนกัน"
"ไม่เอาค่ะอิ่มแล้ว"
กนิษฐาส่ายหน้าเล็กน้อยนึกในใจ แอบเอาแต่ใจเหมือนกันนะนี่
"ตัวเองอิ่มแล้วมาบังคับพี่กินนี่นะ"
สรรพนามแทนตัวที่เปลี่ยนไป ทำเอาคนเป็นน้องที่แอบดื้อถึงกับเม้มปากใบหน้าเห่อแดงขึ้นมา งื้อ ทำไมต้องเขินด้วยแค่หมอเขาแทนตัวว่าพี่
"ก็พี่หมอเป็นคนสั่งมานี่คะ เพราะฉะนั้นก็ต้องรับผิดชอบ"
เสียงตอบอ้อมแอ้มกับสายตาที่มองจานสลัดผัก ทำให้กนิษฐาหลุดยิ้มด้วยความเอ็นดูกับคำเรียกที่เปลี่ยนไปเหมือนกัน
"เรียกแบบนี้น่ารักกว่าเรียกคุณหมอเยอะเลยค่ะ"
พิชญากรได้แต่เม้มปากใบหน้าร้อนผ่าว
"ก็เรายังไม่สนิทกันสักหน่อยจะให้เรียกแบบนั้นได้ยังไงล่ะคะ"
"งั้นตอนนี้ก็สนิทแล้ว พี่อนุญาตให้เรียกได้เพราะเราคงได้เจอกันอีก อย่างน้อยพี่ก็ต้องติดต่อคุณปู่ท่านอยู่แล้วมีเรื่องต้องคุยกับท่านอีกหลายอย่าง"
"เห็นคุณปู่บอกพี่หมอจะข้ามไปที่นั่นเหรอคะ"
แม้จะขัดเขินกับความสนิทที่ได้รับแบบกะทันหัน แต่มันก็ทำให้เธอกล้าที่จะถามอีกฝ่ายมากขึ้น
"ค่ะ สองเดือนข้างหน้านี่แหละ ไปทดสอบยาสมุนไพร"
"แล้วรู้จักที่นั่นได้ยังไงคะ นี่ถ้าคุณปู่ไม่เคยเล่าให้ฟังพวกเราก็ไม่รู้ว่ามีประเทศเล็ก ๆ นี่อยู่ติดบ้านเราด้วย ทำไมถึงไม่มีในแผนที่โลกกันนะ"
"มันเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยด้วยค่ะ เมื่อก่อนพี่ก็ไม่เคยรู้จักหรอก แต่ตอนไปเรียนที่อเมริกาได้เจอกับคนของเมืองหมอกเมฆา เธอไปเรียนด้านการแพทย์ที่นั่นพอดีได้เจอกันแบบบังเอิญก็เลยพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กันมาจนตอนนี้ค่ะ"
"ผู้หญิง?"
"ค่ะ"
"สวยมั้ยคะ"
"หืม ทำไมถามอย่างนั้นละคะ"
กนิษฐาหัวเราะกับคำถามที่ได้ยิน
"กะ ก็แค่อยากรู้เฉย ๆ ว่าคนเมืองนั้นหน้าตาเป็นยังไง เหมือนคนไทยหรือเหมือนคนประเทศไหนทำไมพี่หมอต้องขำด้วย"
ใบหน้าสวยยับยู่งอลงเมื่อคนเป็นพี่หัวเราะขำ
"ก็พี่ไม่คิดว่าคุณจะถามแบบนี้นี่คะ นึกว่าจะถามถึงภูมิประเทศ วัฒนธรรมบ้านเมืองเขาอะไรแบบนี้ ถ้าหมอคนที่พูดถึงก็ อืม ในสายตาคนทั่วไปก็คงบอกว่าสวยมากนะ ถ้าเทียบกับคุณที่เป็นดาราก็สูสีแหละ"
ไม่ได้ดีใจที่คุณหมอเหมือนจะชมว่าเธอก็สวยหรอกนะ แต่อยากเห็นคนที่พี่เขาพูดถึงมากกว่า
"ไปที่นั่นพี่ไม่กลัวเหรอคะ"
"ไม่กลัวหรอกค่ะ ในเมื่อเจ้าของประเทศเป็นคนออกเอกสารเชิญไปแบบถูกกฏหมายบ้านเขานี่คะ"
คิ้วสวยขมวดมุ่นเล็กน้อย นี่พี่เขารู้จักเจ้าของประเทศเลยเหรอ ปู่ของเธอน่ะได้มรดกหนังสือจากพระรูปหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน และยาสมุนไพรที่ไม่เคยรู้จักเธอก็เคยเห็นอยู่เหมือนกัน เรื่องเล่าจากปู่คนในครอบครัวได้ฟังบางครั้งก็ดูเหลือเชื่อเกินไป ยกเว้นคนในครอบครัวที่ได้เห็นผลจากยาที่ว่านั่นแหล่ะถึงได้เชื่อว่าสรรพคุณมันดีจริง
"ปู่แซวอยู่เหมือนกันเมื่อเช้า ที่ฝากของมาให้ เผื่อพี่หมอจะขนยาอายุวัฒนะมาฝากท่านบ้าง"
หึ ๆ
"เหรอคะ พี่ก็ตั้งใจจะเอากลับมาอยู่แล้วนะ อย่างน้อยก็ต้องเอากลับมาทดลองที่นี่ด้วยเหมือนกัน เดี๋ยวจะแบ่งไปให้ท่านด้วย"
"มานี่ ฉันล้างเองค่ะ"
เมื่อคนเป็นพี่เคลียร์อาหารที่เหลือออกจากจาน พิชญากรก็ลุกขึ้น
"แน่ใจว่าจะไม่ทำจานแตก"
"นี่พี่หมอ แค่ล้างจานทำเป็นค่ะ"
กนิษฐาหัวเราะอีกครั้ง ไม่ได้จะดูถูกหรอกแต่เวลาเห็นใบหน้าสวยนี่หักงอลงเธอกลับมองว่ามันน่ารัก
"ใส่ถุงมือยางด้วยค่ะ เผื่อแพ้น้ำยา"
กนิษฐาหยิบถุงมือยางมายื่นให้อีกคนใส่ ท่าทางไม่ได้ดูเก้ ๆ กัง ๆ แสดงว่าที่บ้านไม่ได้เลี้ยงมาแบบคุณหนูทำอะไรไม่เป็น