bc

ดวงใจเกี่ยวรัก

book_age18+
281
ติดตาม
1.9K
อ่าน
reincarnation/transmigration
โชคชะตา
หักมุม
หวาน
หญิงจีบหญิง
ขบขัน
ฉลาด
witty
สวยมั่น
เจ้าเล่ห์
like
intro-logo
คำนิยม

พญ.กนิษฐา   พัฒนหิรัญ ( หมอเกมส์)

อายุ32 ปี คุณหมอดีกรีดอกเตอร์ผู้ที่คิดจะปิดตายหัวใจตัวเองเพราะอดีตที่เจ็บปวด

พิชญากร   วัชรตระกูล  ( พาย)

อายุ27 ปี ดารานักแสดงที่รับบทนางร้ายแค่ในจอ

คำโปรย

" ถ้าคนเรามัวแต่เอาอดีตมาจองจำตัวเองอยู่ทุกวัน แล้วปัจจุบันกับอนาคตจะมีความสุขได้ยังไงคะพี่หมอ"

อดีตไม่ได้ทำร้ายเรา มีแต่เราที่ชอบเอาเรื่องในอดีตมาทำร้ายตัวเองต่างหาก

"ยิ้มอะไรคะ?"

"ทำไมคะ พี่ยิ้มไม่ได้เหรอ"

"ยิ้มได้ค่ะ ก็แค่อยากรู้เฉยๆอะไรกันที่ทำให้พี่เผยรอยยิ้มแบบนี้ออกมาได้"

ก็พี่หมอยิ้มทั้งปากและตาเหมือนว่ามีความสุขอะไรอย่างนั้นแหล่ะ ทั้งที่พี่เขาเพิ่งพูดถึงเรื่องความเจ็บปวดในอดีตให้ฟัง

"ก็.. พี่มีความสุขก็เลยยิ้ม และสาเหตุที่มาของความสุขก็คือคนที่นั่งคุยอยู่กับพี่ตอนนี้นั่นแหล่ะค่ะ"

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
ตอนที่1
    พิชญากรทั้งงงและกังวลกับอาการของพี่ชายกำลังถูกคนที่บอกว่าเป็นหมอจูงมือออกมาจากห้องงานเลี้ยง เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นอีกครั้งทำให้คนที่จับจูงกันอยู่ชะงัก ก่อนที่ช่อดอกไม้จะถูกยื่นมาให้เธอถือไว้อย่างงง ๆ และคุณหมอควานหาต้นตอของเสียงออกมาจากกระเป๋าสะพายใบสวย "ค่ะใช่ หมอกำลังจะเข้าไปที่โรงพยาบาลค่ะ อ๋อ หมอนนท์ก็อยู่ในงานสงสัยจะปิดเสียงไว้เลยไม่ได้ยิน เอ่อ คนไข้ที่ได้รับอุบัติเหตุมาเป็นผู้ชายหรือเปล่าคะ แล้วอาการเบื้องต้นตอนนี้เป็นยังไงบ้างยังมีสติอยู่ไหม ค่ะ ๆ เดี๋ยวหมอจะรีบเข้าไป ไม่เกิน15นาทีปฐมพยาบาลเบื้องต้นไปก่อนนะคะ" กนิษฐาวางสายพร้อมถอนหายใจออกมากึ่งโล่งใจ ก่อนหันมามองคนที่ตนเผลอจูงมือลากออกมาตั้งแต่ห้องงานเลี้ยง และตอนนี้กำลังมองมาเหมือนอยากจะถาม "คนไข้น่าจะเป็นพี่ชายคุณจริงๆนั่นล่ะ อาการเบื้องต้นพยาบาลบอกศีรษะแตก แต่คนไข้ยังมีสติอยู่กำลังทำแผลและคงไปเอกซเรย์ร่างกายอีกครั้ง" คำบอกกล่าวที่ได้ฟังก็พอจะทำให้พิชญากรถอนหายใจตามไปด้วย อย่างน้อยพี่ชายยังมีสติคงจะไม่เป็นอะไรหนัก "เชิญค่ะ" มัวแต่คิดอะไรไม่รู้ตัว ว่าเดินตามอีกคนมาถึงรถแล้ว "ขอบคุณค่ะ" น้ำเสียงหวานเอ่ยขอบคุณคนที่เปิดประตูให้ ก่อนจะเข้าไปนั่งในรถคันหรู "เอ่อหมอคะ ช่อดอกไม้นี่เอาไว้เบาะหลังไหมคะ?" คนหน้าหวานเอ่ยถามขึ้น เมื่อเจ้าของรถคนสวยเข้ามานั่งประจำที่เรียบร้อย "อืม ไว้ได้ค่ะ แต่ตอนลงอย่าลืมเอาลงไปด้วยนะคะมันเป็นของคุณ" "หือ ของฉันเหรอคะ? เดี๋ยวนะคะ มันจะเป็นของฉันได้ยังไง ก็คุณหมอเป็นคนรับมากับมือนี่คะ?" พิชญากรมึนงงตั้งแต่เหตุการณ์ในห้องงานเลี้ยงแล้ว ไหนคุณหมอยังจะมายัดเยียดช่อดอกไม้นี่ให้กันอีก ถึงเธอจะไม่ค่อยเชื่อเรื่องคนได้ดอกไม้งานแต่งจะได้แต่งงานเป็นคนถัดไป เธอก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมายกให้กันง่ายๆแบบนี้นะ กนิษฐายิ้มเหมือนจะขำก่อนจะตอบออกไปหน้าตาเฉย "ถ้าหมอไม่รับแทนน่ะ ศีรษะคุณก็คงรับช่อดอกไม้นี่ไปแล้วละค่ะ เพราะฉะนั้นถือว่าหมอช่วยรับไม่ให้คุณได้รับบาดเจ็บก็แล้วกัน เอามันกลับไปด้วยค่ะ" พิชญากรถึงกับหน้าเหวอไปเลยเมื่อเจอคำตอบแบบนั้นเข้า จะเถียงก็ไม่ใช่เพราะมันก็จริงหากคุณหมอไม่คว้าไว้มันก็หล่นใส่หัวเธอจริงๆนั่นแหละ เฮ้อ ช่างเหอะเอาไปจัดแจกันที่ห้องก็ได้ ดอกไม้นี่ก็ออกจะสวยดีหรอก "ขอบคุณค่ะ" สุดท้ายเธอก็กล่าวขอบคุณคนที่ทำหน้าที่ขับรถอยู่ให้หันมามองแวบหนึ่ง แต่ก็ทันได้เห็นว่าอีกฝ่ายยกยิ้มมุมปากก่อนจะหันกลับไปมองถนนตามเดิม ไม่นานรถยนต์คันหรูก็ขับมาจอดยังบริเวณลานจอดข้างตึกของโรงพยาบาล สองสาวลงจากรถตรงไปแผนกฉุกเฉินทันที "พี่พีท เป็นไงบ้างคะ?" พิชญากรตรงเข้าไปถามอาการพี่ชายที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ พีรวัฒน์ยิ้มเซียวให้น้องสาว "เย็บไปหกเข็ม หมดหล่อแน่เลยงานนี้" คำตอบขี้เล่นของพี่ชาย ก็พอจะเรียกรอยยิ้มจากคนเป็นน้องได้ "ยังจะมาห่วงหล่ออีกไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้วค่ะ พายเป็นห่วงแทบแย่ แล้วนี่ไปเอกซเรย์ร่างกายมาหรือยังคะ" "ไปเพิ่งกลับมานี่แหละครับ แล้วพายมายังไงนั่งแท๊กซี่มาเหรอ" "เปล่าค่ะ พอดีพายมากับคุณหมอ นั่นไงคะคนที่กำลังคุยกับพยาบาลน่ะ บังเอิญหมอเขาไปงานแต่งที่โรงแรมก็เลยได้มาด้วยกันค่ะ" "อ่อ อ้าวแล้วนี่ช่อดอกไม้ใคร ลูกค้าให้มาเหรอ" พีรวัฒน์เพิ่งสังเกตุเห็นว่าน้องสาวถือช่อดอกไม้ช่อใหญ่ก็ทักขึ้น แต่คนถือมันอยู่กลับยิ้มแหยส่งมาให้แทน "คือ จะพูดยังไงดีล่ะ มันบังเอิญน่ะพี่พีท พายบังเอิญเปิดประตูห้องจัดเลี้ยงงานแต่งเข้าไป ตอนเขาโยนช่อดอกไม้พอดี" พิชญากรเล่าเพียงแค่นั้น จะให้บอกว่าคุณหมอคนสวยยัดเยียดให้อีกทีก็กระไรอยู่ "หือ หึๆ รู้สึกวันนี้เราพี่น้องจะเจอแต่เรื่องบังเอิญนะ แต่พี่บังเอิญเจ็บตัวนี่สิ สงสัยต้องไปรดน้ำมนต์แล้วมั้งเนี่ย" พีรวัฒน์บ่นขำ ๆ แต่ก็ต้องทำหน้าเหยเกเมื่อรู้สึกเจ็บแป๊ปที่หน้าอก "เป็นอะไรพี่พีท! เจ็บเหรอคะ? หมอ หมอคะ!" พิชญากรร้องเรียกคนที่กำลังยืนคุยกับพยาบาลให้หันมามอง ก่อนร่างสูงโปร่งจะเดินเข้ามาข้างเตียงคนไข้ "เจ็บตรงไหนคะ?" กนิษฐาสอบถามคนไข้ที่เอามือกุมหน้าอกอยู่ "มันเจ็บแป๊บตรงหน้าอกครับคุณหมอ สงสัยจะเป็นช่วงสายเข็มขัดนิรภัยกระชากน่ะครับ" "เดี๋ยวรอผลเอกซเรย์สักครู่นะคะ หมอจะได้ดูว่ากระดูกร้าวหรือแค่กล้ามเนื้อช้ำ แล้วแผลที่ศีรษะยังปวดอยู่ไหมคะ? "ปวดนิดหน่อยครับ สงสัยยังชาอยู่" กนิษฐาพยักหน้ารับ "อย่าเพิ่งคุยเยอะนะคะเดี๋ยวขยับปากมาก ๆ แผลศีรษะขยับตามไปด้วยจะยิ่งปวดนะ" คำเตือนเหมือนจะดุหากว่าเรียวปากสวยไม่แย้มยิ้มน้อย ๆ มาด้วย ทำให้สองพี่น้องมองหน้ากันพลางยิ้มเก้อส่งให้คุณหมอ ก็ตั้งแต่มาทั้งคู่ยังถามไถ่กันไม่หยุดน่ะสิ พอคุณหมอเลี่ยงออกไปคุยกับพยาบาลต่อ พิชญากรก็ก้มกระซิบถามคนพี่แต่สายตาก็ไม่วายเหลือบมองไปยังคนที่ยืนหันข้างมาให้กันอยู่ "พี่พีทบอกใครหรือยังว่าได้รับอุบัติเหตุน่ะ" "ยัง พี่บอกให้พยาบาลโทรแจ้งพายแค่นั้นเดี๋ยวที่บ้านรู้จะตกใจกันไปหมด รอฟังผลตรวจจากคุณหมอก่อน ถ้าไม่มีอะไรหนักมากอาจไม่ต้องแอดมิทก็ได้" สองพี่น้องที่ก้มคุยกันเบา ๆ หารู้ไม่ว่าหางตาของคุณหมอนั้นเหลือบมาเห็นอยู่แล้ว กนิษฐาอยากจะขำอยู่เหมือนกันดูสิเหมือนเด็กที่โดนดุแต่ก็ยังพากันแอบทำสิ่งที่ห้ามทั้งที่ตัวก็โตกันทั้งคู่ จนเมื่อพยาบาลนำผลเอกซเรย์มายื่นให้นั่นแหละ เธอถึงได้เดินเข้าไปที่เตียงคนไข้อีกครั้ง "คุณพีรวัฒน์คะ จากผลเอกซเรย์หมอดูแล้วส่วนของศีรษะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ถ้าหากมีอาการปวดหัวมากหรือตามัวยังไงก็ต้องรีบแจ้งกับพยาบาลนะคะ เพราะบางทีอาจมีผลข้างเคียงจากที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้ ส่วนเรื่องเจ็บช่วงอกดูจากกระดูกแล้วไม่มีรอยร้าวของกระดูก แต่กล้ามเนื้อน่าจะช้ำจากการถูกแรงกระชากอย่างที่คุณบอก หมอจะให้แอดมิทดูอาการสักวันสองวันก่อนนะคะ ถ้าปล่อยให้กลับไปเกิดมีอาการอย่างอื่นแทรกซ้อนขึ้นมา มันจะไม่ดีต่อคนไข้" เมื่อฟังผลตรวจเสร็จพีรวัฒน์ก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ให้คนเป็นน้องยิ้มบางส่งให้ "เดี๋ยวพายอยู่เฝ้าค่ะ พรุ่งนี้พายมีงานช่วงเย็น ยังไงคงต้องโทรบอกพี่แพทให้รู้ก่อนนะคะพี่พีท" พีรวัฒน์พยักหน้าให้น้องสาว "ถ้างั้นขอพักห้องพิเศษนะคะคุณหมอ พี่พีท พกบัตรประกันสุขภาพมาหรือเปล่าคะ? "น่าจะอยู่ในกระเป๋าสตังค์นะ พายถามคุณพยาบาลดูน่าจะอยู่ในกระเป๋ากางเกงพี่น่ะแหละ" "เรื่องห้องพิเศษหมอจะให้พยาบาลจัดการให้ถ้าอยากได้พยาบาลพิเศษยังไงก็แจ้งกับเจ้าหน้าที่นะคะ เดี๋ยวหมอจะจัดยาให้" "ขอบคุณครับคุณหมอ" ยี่สิบนาทีต่อมาพิชญากรก็ได้เข้ามาอยู่ในห้องคนไข้พิเศษกับพี่ชาย ซึ่งเจ้าตัวไม่ค่อยจะถูกกับโรงพยาบาลสักเท่าไหร "เอ่อ พี่พยาบาลคะพอจะมีแจกันเปล่าสักใบไหมคะ ฉันจะเอามาใส่ดอกไม้นี่ค่ะ" พยาบาลมองหน้าดาราสาวพลางยิ้มให้ "เดี๋ยวพี่ดูให้นะคะ แต่ขอแลกกับลายเซ็นต์น้องพายด้วยนะคะ พี่จะเอาไปฝากลูกสาว" "ยินดีเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ" สวยหวานพูดจาก็เพราะใครจะเชื่อว่านี่คือดาราสาว ที่รับบทเป็นนางร้ายในละคร แถมยังดังจนคนติดกันงอมแงมทั่วบ้านทั่วเมือง พยาบาลวัยสามสิบกว่าอดชื่นชมหญิงสาวในใจไม่ได้ ก่อนจะออกไปจัดการหาสิ่งที่อีกคนอยากได้ "พยายามทานยาให้ครบตามที่หมอจัดให้นะคะแผลจะได้ไม่อักเสบ และถ้ามีอาการปวดหัวตามัวอย่างที่หมอบอกก็ให้รีบแจ้งพยาบาลทันที ไว้พรุ่งนี้หมอจะมาเช็คอาการอีกทีนะคะ" "ครับคุณหมอ" หลังจากแจ้งย้ำกับคนไข้อีกครั้งกนิษฐาจึงได้ขอตัว เธอเองก็ต้องกลับไปพักผ่อนเช่นกันนี่ก็จะเที่ยงคืนอยู่แล้ว "หมอคะ" คุณหมอหันกลับมามองสาวสวยที่เดินตามมา "คะ? มีอะไรจะถามหมอหรือเปล่า" กนิษฐาเอ่ยถามคนที่ส่งยิ้มมาให้ และต้องขมวดคิ้วสงสัย เมื่อดอกกุหลาบสีชมพูดอกหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้าเธอ "ให้คุณหมอค่ะ ขอบคุณที่ช่วยรับมันแทนฉันและก็ขอบคุณที่ให้อาศัยรถมาด้วยค่ะ" คำกล่าวที่มาพร้อมรอยยิ้มทำให้คนที่ได้ดอกไม้แทนคำขอบคุณอดที่จะยิ้มตอบไม่ได้ ก่อนจะยื่นมือไปรับเอาดอกกุหลาบนั่นมาไว้ "ขอบคุณค่ะ หมอขอตัวก่อนนะคะ" "ค่ะ ขับรถดี ๆนะคะคุณหมอ" กนิษฐาวางช่อดอกกุหลาบดอกสวยไว้เบาะด้านข้าง เมื่อนึกถึงคนที่ให้มันมาก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เธอเพิ่งจะรู้ว่าอีกคนนั้นเป็นดาราก็ตอนที่พยาบาลพากันไปขอลายเซ็นต์นั่นแหละ และที่ไม่น่าเชื่อก็ตรงที่สาวหน้าหวานรับบทนางร้ายไม่ใช่นางเอกอย่างที่เธอเข้าใจน่ะสิ ช่างเป็นคนที่มีอะไรให้น่าค้นหาจริง ๆเลยนะแม่คุณนางร้าย     หลังจากที่คุณหมอกลับไปแล้วพิชญากรก็โทรแจ้งข่าวให้พี่ชายคนรองรับรู้ และก็เป็นไปตามคาดคนเป็นพี่แทบจะบึ่งรถตามมาจนเธอต้องรีบบอกว่าพีรวัฒน์ไม่ได้อาการสาหัส หมอแค่ให้นอนพักเผื่อดูอาการแทรกซ้อนเท่านั้น พี่ชายถึงได้ยอมและจะมาเยี่ยมในตอนเช้าแทน "ยังไม่ง่วงเหรอคะพี่พีท" เมื่อเดินกลับมาที่เตียงยังเห็นพี่ชายนอนตาแป๋วอยู่ "เริ่มง่วงหน่อย ๆแล้วล่ะ  แพทว่าไงมั่ง ไม่ใช่แจ้นไปบอกพ่อกับแม่แล้วนะ" พีรวัฒน์เอ่ยถึงน้องชายฝาแฝดขำ ๆให้น้องสาวหลุดหัวเราะตาม "พายกำชับไปแล้วค่ะว่าพรุ่งนี้ค่อยบอกคุณพ่อคุณแม่ ขืนบอกตอนนี้มีหวังไม่หลับไม่นอนกันพอดี นี่ก็ตกใจจะมาดูอาการพี่พีทคืนนี้ให้ได้" "หึๆ เจ้าแพทจอมโวยวายกระต่ายตื่นตูม" พีรวัฒน์เอ่ยกลั้วขำเมื่อพอจะรู้นิสัยความขี้ห่วงของคู่แฝด "พี่พีทยังปวดแผลอยู่หรือเปล่า" พิชญากรนั่งลงข้างเตียงถามไถ่คนเจ็บอีกครั้ง "ไม่เท่าไหร่จ๊ะ ยาคงกำลังออกฤทธิ์อยู่มั้ง แล้วพายนอนโซฟาได้ใช่มั้ย หรือมานอนบนเตียงกับพี่มั้ยมันกว้างอยู่นะ" "ได้ค่ะ แหมนอนบนเตียงเดี๋ยวจะได้โดนคุณพยาบาลดุเอาสิคะ น้ำหนักเราสองคนเกิดเตียงหักนี่เป็นเรื่องเลยนะพี่พีท" หึ ๆ ฮ่า ๆ โอยย พิชญากรทั้งขำทั้งสงสารคนพี่ที่หัวเราะจนกระเทือนแผลเย็บ ให้นึกถึงคำเตือนของคุณหมอที่บอกอย่าพูดมากระวังจะเจ็บแผล "พายว่าพี่นอนพักเถอะค่ะนี่เที่ยงคืนกว่าแล้ว เช้าพรุ่งนี้มีหวังได้ตื่นมาต้อนรับครอบครัวเราแต่เช้าแน่" "โอเค ฝันดีครับ" "ค่ะ" เมื่อหรี่ไฟในห้องเรียบร้อยพิชญากรจึงเข้าไปจัดการล้างหน้าล้างตาตัวเองเมื่อส่องกระจกก็ต้องถอนหายใจ เธอลืมสนิทเลยว่าตัวเองยังไม่ได้ล้างเครื่องสำอาง "สิวจะขึ้นมั้ยเนี่ย รู้งี้ขอสำลีกับแอลกอฮอลล์พี่พยาบาลซะก็ดี" บ่นกับตัวเองเสร็จสุดท้ายนางร้ายคนสวยก็เลยต้องแก้ปัญหาชั่วคราวด้วยกระดาษทิชชู่ชุบน้ำเปล่า เช็ดแทนการใช้สบู่ก้อนเล็กที่มีในห้องน้ำ "เฮ้อ ฮาร์ดคอร์ซะไม่มีละชั้น" เมื่อพิศมองใบหน้าตัวเองก็อดขำไม่ได้ ถึงจะไม่เกลี้ยงเกลาเท่าปกติแต่ก็ยังดีกว่าปล่อยไว้แบบไม่ล้างทั้งคืนนั่นแหละ เมื่อกลับออกมาอีกครั้งก็เห็นคนเจ็บหลับสนิทไปแล้วเธอจึงเดินไปที่โซฟาตัวยาวมุมห้อง ดีหน่อยที่พยาบาลจัดหมอนกับผ้าห่มมาไว้ให้แล้วเรียบร้อย จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกที่เธอต้องมานอนเฝ้าคนไข้ แถมเพิ่งจะเคยมาใช้บริการโรงพยาบาลแห่งนี้ครั้งแรกด้วยเหมือนกัน พอนึกถึงโรงพยาบาลความคิดก็ไขว้ไปถึงคุณหมอผู้ยัดเยียดช่อดอกไม้ให้เธอ คิดแล้วก็นึกภาพไม่ออกถ้าช่อดอกไม้นั่นหล่นใส่เธอจริง ๆไม่ใช่จะหน้าแหกไปอีกคนหรือเปล่านะ ช่อก็ไม่ใช่เล็ก ๆ นับคร่าว ๆคงจะ 99 ดอกด้วยละมั้ง เจ้าสาวคงถือเคล็ดเลขมงคล ห้องคนไข้พิเศษถูกเคาะตั้งแต่ยังไม่ถึงเจ็ดโมงเช้าด้วยซ้ำ พิชญากรที่ตื่นมาได้สักพักมองไปยังประตูก็เห็นมารดากับพี่ชายคนรองเดินตามหลังมา "เป็นยังไงบ้างลูก แม่ตกใจมากเลยนะเนี่ยตรวจร่างกายดีหรือยัง หมอเขาว่ายังไงบ้าง" "ใจเย็นครับคุณแม่ ผมแค่หัวแตกเย็บไม่กี่เข็มเองไม่ได้เป็นอะไรมากครับ" พีรวัฒน์ยิ้มตอบคนเป็นแม่ที่ปรี่เข้ามาจับตัวจับแขนตรวจสภาพร่างกายเขาด้วยความเป็นห่วง "อ่ะพาย นี่กระเป๋าเสื้อผ้าเรา ชุดเครื่องสำอางก็อยู่ในนั้นแหละ" พัชรวิชญ์ส่งกระเป๋าใส่เสื้อผ้า ที่น้องสาวฝากให้เอามาให้ด้วย "ขอบคุณค่ะ แล้วนั่นถุงอะไรคะ" พิชญากรถามขึ้นเมื่อในมือพี่ชายมีถุงกระดาษสีดำใบใหญ่ "อ๋อ อาหารเช้าพวกเรานี่แหล่ะ คุณแม่ให้แม่บ้านทำมาด้วยกลัวพีทกินข้าวโรงพยาบาลไม่ได้น่ะ" คำตอบยิ้มปนแซวพี่ชายฝาแฝด เพราะในความคิดคนไม่เคยป่วยหนักถึงขั้นนอนโรงพยาบาล แน่นอนว่าย่อมไม่เคยลิ้มรสชาติอาหารมาก่อน แต่การที่เคยได้ยินบรรดาญาติหรือปู่ย่าตายายท่านเคยผ่านมาแล้วได้แต่บอกว่า เป็นไปได้ทำอาหารมาจากบ้านเถอะ นั่นแหละคุณแม่ผู้รักและห่วงสุขภาพปากท้องของลูกทั้งสอง เลยจัดการทำอาหารมาเองอย่างที่เห็น พิชญากรเข้าไปจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาอีกรอบก็พอดีพยาบาลพิเศษเข็นรถสำหรับอาหารเช้าเข้ามาในห้อง ก่อนส่งยิ้มทักทายทั้งคนไข้และญาติ "คุณพยาบาลครับพอดีพวกเรานำอาหารมาจากบ้านด้วย คงไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ" พัชรวิชญ์บอกออกไป ให้คุณพยาบาลยิ้มบางส่ายหน้าเล็กน้อย "ไม่เป็นไรค่ะ ส่วนมากคนไข้กับญาติที่มาเยี่ยมก็มักจะนำอาหารมาเองเพราะกลัวอาหารทางโรงพยาบาลไม่อร่อย อันนี้เข้าใจค่ะ แต่ว่าคนไข้ที่ได้ทานแล้วก็จะชมกันเป็นส่วนใหญ่นะคะ" "คือ ขอโทษนะครับที่ทำให้เข้าใจแบบนั้น คือพวกเราเคยได้ยินบรรดาญาติ ๆบ่นกันว่าอาหารจืดบ้างอะไรบ้างน่ะครับ" ชายหนุ่มรีบกล่าวแก้ออกไปและไม่ลืมที่จะเหลือบมองสิ่งที่อยู่บนรถเข็นขนาดเล็ก ถาดใบใหญ่มีถ้วยอยู่สี่อันซึ่งมีฝาครอบเอาไว้ นอกนั้นยังมีแซนวิชชิ้นกำลังพอดีกินห่อซีลมาอย่างดีสองชิ้น กับนมอีกสองกล่อง พยาบาลพิเศษยิ้มขำ เมื่อฟังคำอธิบายของหนุ่มหน้าตาดีที่เคยเห็นตามข่าวสังคมบ้าง แถมมีน้องสาวเป็นถึงดาราดัง ก็ย่อมมีคนสนใจครอบครัวนี้เป็นเรื่องธรรมดา แล้วไหนจะหน้าตาที่ดูดีทั้งพี่ทั้งน้องก็ยิ่งเป็นที่จับตามองของคนทั่วไป "ถ้วยชามช้อนอะไรมีสำรองให้ในตู้ใต้ซิงค์ล้างจานนะคะ ใช้ได้ตามสบายค่ะ" โอ้โห นี่โรงพยาบาลแบบไหนกันมีบริการแบบนี้ด้วยเหรอ  พิชญากรหัวเราะขำพี่ชายคนรองที่ทำหน้าตาโตแปลกใจแบบปิดไม่มิด เธอก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหล่ะห้องพักพิเศษในโรงพยาบาลมีซิงค์ล้างถ้วยจานให้พร้อม ลองเปิดดูตู้ด้านล่างก็มีอุปกรณ์ถ้วยชามช้อนให้ครบชุดแม้กระทั่งมีดปอกผลไม้อันเล็ก "อาการเป็นยังไงบ้างคะคุณพีรวัฒน์ ปวดหัวตามัวหรือเปล่าคะ" "ปวดแผลนิดหน่อยครับรู้สึกตึงๆแผลเย็บ" "เดี๋ยวขอวัดไข้กับวัดความดันก่อนนะคะ" จากนั้นพยาบาลก็ทำหน้าที่ของตัวเองปล่อยให้ญาติคนไข้เดินไปจัดสำรับกับข้าวส่วนตัวที่โต๊ะมุมห้อง "เพอร์เฟคมากเลย นี่โรงพยาบาลหรือคอนโด ถ้ามีตู้กับข้าวกับเตาแก๊สด้วยพี่ว่าย้ายมานอนเอาแอร์เย็น ๆสักเดือนก็ได้นะแบบนี้ เปลี่ยนบรรยากาศ" หึๆๆ  เสียงพูดคุยกึ่งกระซิบของพี่ชายพาให้น้องสาวอดขำไม่ได้ แต่คนเป็นแม่ที่ได้ยินต้องตีแขนลูกชายทั้งบ่นเบาๆ "พูดให้มันเป็นลางนะตาแพท ใครเขาอยากมานอนที่โรงพยาบาลกันเล่นๆ ถึงจะสะดวกยังไงก็เถอะ" คุณลูกชายเลยได้แต่ยิ้มแหยส่งให้ มันก็จริงนั่นแหละ ขึ้นชื่อว่าโรงพยาบาลต่อให้สะดวกสบายเหมือนโรงแรมหรูก็คงไม่มีใครอยากจะมานอนแน่ๆ "ไข้ไม่มีนะคะ ความดันปกติ ยังไงประมาณสักเก้าโมงครึ่งถึงสิบโมงคุณหมอจะมาตรวจเช็คอาการอีกที หลังทานอาหารเช้าแล้วก็ทานยาตามที่หมอจัดให้เมื่อคืนได้เลยค่ะ อ้อ ประมาณแปดโมงจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสอบถามเรื่องอุบัติเหตุเมื่อคืนนี้เพิ่มเติมนะคะ" "ครับ ขอบคุณครับ" "พี่พีทจะมานั่งทานกับพวกเราหรือจะทานบนเตียงคะ" พิชญากรเอ่ยถามพี่ชายหลังจากพยาบาลออกไปแล้ว "ไปนั่งด้วยกันแหละ พี่แค่เจ็บหัวค่ะ ขายังเดินได้" หึๆ "นี่ถ้าเป็นน้องอายถาม พี่ว่าพีทมันไม่ตอบแบบนี้หรอกเชื่อสิ มันคงตอบ พี่เจ็บแผลค่ะ ป้อนหน่อยได้มั้ยครับ" ฮ่า ๆ คิก ๆ น้ำเสียงพูดล้อเลียนแฝดคนพี่ที่กำลังลุกลงจากเตียง เรียกเสียงหัวเราะขำของสองพี่น้องและรอยยิ้มเอ็นดูของคุณแม่ แต่คนถูกล้อสิใบหน้าหล่อที่มีผ้าก๊อตพันหัวตอนนี้มีริ้วแดง ๆ แต้มให้เห็นแบบไม่ต้องสังเกตุเลย อาหารของโรงพยาบาลก็ถูกยกขึ้นมารวมกันบนโต๊ะ พอพิชญากรเปิดฝาครอบออก กลิ่นหอมของอาหารก็ลอยขึ้นแตะจมูก "หื้อ น่ากินนะเนี่ย ต้มจืดหมูมะระด้วย นั่นข้าวต้มอะไรพาย" "เหมือนจะเป็นปลานะคะพี่พีท ปลากระพงหรือเปล่า เขามีหอมซอยเตรียมมาให้ด้วยค่ะ โรงพยาบาลนี้บริการดีจังเน๊อะ" "ไหน พี่ขอชิมหน่อย" พัชรวิชญ์ลองตักชิมต้มจืดมะระก่อนจะพยักหน้าเหมือนว่ารสชาติผ่าน "ใช้ได้ อร่อยอยู่ ไหนขอลองข้าวต้มหน่อยครับ" ทุกคนนั่งยิ้มมองคนลงมือชิม ก่อนจะเผยยิ้มกว้างเมื่อพี่ชายยิ้มออกมา "อร่อยสมกับที่คุณพยาบาลเขาพูดเลยนะ แบบนี้คนไข้คงเจริญอาหารร่างกายแข็งแรงได้กลับบ้านกันเร็วๆ" "แล้วมันเกิดอุบัติเหตุได้ยังไงตาพีท แม่น่ะตกใจหมด นี่ถ้าตาแพทไม่บอกว่าแค่หัวแตก คงพากันแห่มาทั้งบ้าน" แพรวพิศเอ่ยถามลูกชายขณะที่พากันทานอาหารเช้ากันไปด้วย "มีรถกระบะวิ่งฝ่าไฟแดงมาครับ ก็ต้องรอฟังทางตำรวจว่าเขาสอบปากคำฝั่งนั้นมาว่าไงดีที่รถวิ่งไม่เร็วมาก ไม่งั้นผมก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงเหมือนกัน" "แล้วเขาได้รับบาดเจ็บเหมือนนายหรือเปล่า" "เห็นพยาบาลบอกแค่กล้ามเนื้อช้ำนะ คงแค่โดนสายเบลท์กระชากเหมือนกัน แต่รถฉันด้านหน้ายับไปพอสมควร" "ก็ถือว่ายังโชคดีอยู่เจ็บแค่นี้ ออกจากโรงพยาบาลไปหายดีแล้วต้องไปทำบุญกันหน่อยนะลูก" "ผมก็ว่างั้นแหละครับ สงสัยจะเบญจเพสรอบสองมั้ง" หึๆ คำพูดติดตลกของพี่ก็เรียกรอยยิ้มขำจากคนฟัง มันมีด้วยเหรอเบญจเพสสองรอบเนี่ย พอมื้ออาหารผ่านไปไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายก็เข้ามาแจ้งข้อมูลและสอบถามฝั่งผู้ได้รับความเสียหายก็คือพีรวัฒน์ เมื่อตำรวจถามว่าจะเรียกร้องค่าเสียหายอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าชายหนุ่มก็บอกไม่เป็นไร แต่ให้ลงโทษตามบทกฏหมายที่ทางนั้นทำผิดก็พอ จะได้ไม่เป็นเยี่ยงอย่างในการขับรถโดยประมาทแบบนี้อีก "คุณแม่ ถ้างั้นผมเข้าบริษัทก่อนนะครับ ถ้าหมอเขาให้ออกจากโรงพยาบาลก็ให้นายกลดมารับแล้วกัน" พัชรวิชญ์บอกกับมารดา "จ๊ะ ๆ ขับรถระวังด้วยลูก" "ครับ งานเย็นนี้ให้พี่ไปส่งหรือเปล่าพาย" "ไม่เป็นไรค่ะพี่แพท เดี๋ยวให้กระต๊อบมารับ ตอนเลิกพี่แพทค่อยไปรับพายทีเดียว" "โอเคค่ะ เดี๋ยวไปลางานกับน้องอายให้นะพีท ว่าแต่บอกน้องหรือยังเนี่ยว่าเข้าโรงพยาบาล" "ยัง ฝากนายบอกไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวคงโทรมาแหละ" อาย หรืออริณญา เป็นเลขาของพีรวัฒน์และทั้งสองคนก็เพิ่งเปลี่ยนสถานะเป็นแฟนกันไปเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ใครจะไปคิดว่าสมภารจะอยากกินไก่วัดล่ะ แต่บังเอิญว่าไก่ตัวนี้เจ้าอาวาสดันแอบมองมาตั้งแต่น้องยังเรียนมหาลัยด้วยซ้ำ อริณญาเป็นลูกสาวเพื่อนรุ่นน้องของบิดานั่นเอง พอเรียนจบทางนั้นก็ให้มาช่วยงานที่บริษัทซึ่งเขามีหุ้นอยู่ในนี้ด้วย "อือ ๆ ถ้างั้นก็เจอกันที่บ้าน ไปล่ะ"

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

คุณอาของหนู...น่ารักกว่าใคร

read
7.4K
bc

Heroine (ที่นี่ไม่มี นางเอก)

read
13.9K
bc

งูบ้านนี้สายพันธุ์เหมียว (Luna V.)

read
1K
bc

เป็นแฟนผมนี่มันไม่ดียังไงครับเฮีย

read
2.8K
bc

เป็นได้แค่เพื่อน(รัก)

read
7.4K
bc

ผีเสื้อสมุทรจะเลี้ยงลูก

read
1K
bc

เมื่อปีศาจมาสิงสู่ [omegaverse]

read
1K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook