ตอนที่8

3135 คำ
   นนทวัชร์ถือแก้วกาแฟมายืนใกล้ ๆมองดูสิ่งที่กนิษฐาพูดถึงก่อนจะเผยยิ้มออกมา "หมอทำแซนวิชมาทานเหรอครับ น่ากินนะ" ชายหนุ่มแกล้งถามไปงั้นแหล่ะ แค่อยากรู้ว่าใครทำต่างหาก "เปล่าค่ะ แม่คุณพายฝากมาให้น่ะ อืม อร่อยนะคะหมอแบ่งไปสิ" โป๊ะเช๊ะเลย แม่ฝากขนมมาให้หมอทาน ส่วนลูกสาวมาทำเครื่องดื่มให้หมอ  "ที่จริงผมทานข้าวมาแล้วนะ แต่ขอสักชิ้นแล้วกันครับ ดูน่าอร่อยจริง ๆ แต่ขอไปทานที่ห้องนะหมอ จะไปอ่านข้อมูลคนไข้สักหน่อยครับ" กนิษฐาพยักหน้าให้พร้อมยื่นจานที่มีแซนวิชอยู่สามชิ้นให้หมอนนท์หยิบไป มือหยิบปากเอ่ยคำขอบคุณแต่สายตาวิบวับที่มองมานี่ ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนคงไม่มีทางรู้ ว่าสายตาแบบนี้คือกำลังล้อกันอยู่ "ขอตัวก่อนนะครับ คุณพาย ขอให้ถ่ายละครกันอย่างมีความสุขนะครับ ติดขัดอะไรก็แจ้งผ่านหมอเกมส์มาได้ครับ" "ขอบคุณแทนพี่ ๆ ทีมงานด้วยนะคะคุณหมอ" พิชญากรกล่าวตอบออกไปด้วยรอยยิ้มขอบคุณแทนทีมงานจริง ๆ ก่อนเดินออกไปหมอหนุ่มยังไม่วายหันไปยักคิ้วหลิ่วตาใส่คุณหมออีกคน กนิษฐาทำได้เพียงแค่กลั้นรอยยิ้มเอาไว้  "อร่อยมั้ยคะ" "หมายถึงแซนวิชหรือโกโก้ปั่นละคะ" "ก็ ทั้งสองอย่างแหละค่ะ" "แซนวิชน่ะอร่อยค่ะ ฝากขอบคุณ คุณแม่คุณด้วยนะคะ ส่วนโกโก้นี่ คุณแกล้งหมอหรือเปล่า ทำไมมันขมจัง" "อ้าว! ก็หมอบอกไม่กินหวานนี่คะ ฉันก็เลยไม่ได้ใส่น้ำผึ้งให้ ใส่แต่นมสด" แค่ก ๆ ๆ คำตอบหน้าซื่อตาใสแต่ทำให้คนฟังถึงกับสำลักน้ำรสขมที่กำลังดูด นี่พิชญากรซื่อหรือแกล้งเธอกันแน่  "คุณแกล้งหมอ" "เปล่าแกล้งค่ะ" ก็เธอไม่ได้แกล้งจริง ๆ นี่ หมอบอกเองว่าไม่กินหวานน่ะ ใบหน้าสวยเริ่มยับยุ่งเมื่อโดนอีกคนปรักปรำ เธอไม่ผิดนะแค่ทำตามลูกค้าสั่ง "งั้นหมอขอชิมแก้วของคุณหน่อยค่ะ" "ห๊ะ!" "ก็หมออยากรู้นี่ว่าแบบไหนอร่อย" ไม่พูดเปล่าแต่กนิษฐายื่นมือมาทำท่าจะคว้าแก้วที่วางตรงหน้าพิชญากรไปดื่มจริง ๆ "ดะ เดี๋ยวหมอ" มือเรียวรีบคว้าแก้วมาจับไว้ก่อนจะรีบดึงหลอดออก หมอน่ะทำเธอเสียอาการตลอดแล้วยังมาทำแบบนี้อีก ไม่ได้รังเกียจแต่เธอเขินต่างหากเล่า     กนิษฐามองอีกคนแล้วยกยิ้มมุมปาก นี่ถ้าไม่สังเกตุเห็นว่าใบหน้าสวยนั้นกำลังขึ้นสีระเรื่ออยู่เธออาจเข้าใจไปว่าพิชญากรนึกรังเกียจกันอยู่หรือเปล่า แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้าไม่ใช่คนรักที่ไว้ใจกันจริง ๆ เป็นใครก็คงไม่ใช้หลอดเดียวกันหรอกแม้แต่เธอเองก็ตาม เมื่อกี้เธอแค่อยากลองใจเท่านั้น แก้วโกโก้ที่ละลายไปบ้างแล้วถูกหลอดเสียบลงไปใหม่ ริมฝีปากสีเรื่อก้มดูดเอารสชาติกลมกล่อม แค่เพียงปลายลิ้นสัมผัสก็แตกต่างจากแก้วของตัวเอง แล้วแก้วนี้ยังมีกลิ่นหอมของน้ำผึ้งปะปนมาด้วย "หวาน" "หือ ไม่เห็นจะหวานเลยฉันใส่น้ำผึ้งนิดเดียวเองนะคะ" พิชญากรคว้าแก้วกลับมาดูดพร้อมกับเถียงออกไป หมอน่ะ อะไรก็ไม่รู้ กนิษฐาอมยิ้มเล็ก ๆ "มันหวานเพราะเป็นแก้วที่คุณดื่มต่างหากล่ะ" แค่ก ๆ ๆ  กระดาษทิชชู่ถูกส่งมาให้ตรงหน้า "ขอบคุณสำหรับมื้อเช้านี้นะคะ อร่อยทั้งแซนวิชและโกโก้ปั่นนั่นแหละค่ะ" "ไหนเมื่อกี้หมอบอกมันขมไง" "แต่หมอไม่ได้บอกว่ามันไม่อร่อยนี่คะ" "มีใครเคยบอกมั้ยว่าหมอน่ะ กวนมาก" "ก็คุณเพิ่งบอกนี่แหละค่ะ" พิชญากรไม่รู้จะพูดคำไหนดี ไม่เคยรู้ว่าคุณหมอจะเป็นคนแบบนี้ แล้วบอกโกโก้แก้วของเธอหวานเพราะเธอนี่หมายความว่ายังไง เธอควรเขินหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ สี่สิบนาทีที่ได้พูดคุยกันมันทำให้เธอได้รู้จักอีกหนึ่งภาพลักษณ์ของแพทย์หญิงที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ แล้วโกโก้คาเฟอีนกี่เปอร์เซ็นต์ถึงทำให้หัวใจเต้นแรงได้แบบนี้      ในห้องประชุมห้องหนึ่งซึ่งตอนนี้ถูกใช้สำหรับแต่งหน้าทำผมให้เหล่าดารานักแสดงที่ต้องเข้าฉาก และอีกหนึ่งห้องติดกันกำลังพูดคุยถึงการเข้าฉากของนักแสดงจำเป็นอย่างคุณหมอ "คุณหมอทำเหมือนเวลาปกติที่ตรวจเจออาการคนไข้ลักษณะนี้ แล้วให้คิดว่าน้องแนนคือแพทย์รุ่นน้องที่อาศัยความชำนาญจากรุ่นพี่มาช่วยวิเคราะห์เคสนี้ ประมาณนี้พอได้ใช่มั้ยคะ เดี๋ยวเราจะลงไปซ้อมก่อนถ่ายจริงสักรอบ" วัลภาซักถามทั้งช่วยแนะนำ ส่วนพยาบาลอีกคนที่มีบทเพียงเดินตามและช่วยรับแฟ้มข้อมูลคนไข้นั้น ไม่ใช่ปัญหาเพราะไม่ได้มีบทพูด "ค่ะ ก็ไม่น่ามีปัญหาถ้าหมอไม่ลืมบทพูดนี่นะ" คำตอบปนรอยยิ้มทำให้ผู้จัดสาวใหญ่กับนางเอกสาวผู้ต้องเข้าฉากด้วยต้องยิ้มตาม โรงพยาบาลนี้เขาคัดหน้าตาบุคลากรหรือเปล่านะ "ไม่เป็นไรค่ะเรื่องลืมบทพูดขนาดพวกเราผ่านมาไม่รู้กี่ครั้งยังลืมบทเลยค่ะ วันนี้ขอฝากตัวเป็นนักศึกษาแพทย์วันนึงนะคะอาจารย์" นริสนันท์ค้อมศรีษะเล็กน้อยให้คุณหมอตัวจริง ก่อนจะส่งยิ้มให้อีกฝ่ายคลายกังวล กนิษฐาเผยยิ้มบางนึกถึงคำพูดของใครคนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในห้องนี้ "แค่คุณหมอจำบทพูดได้ ก็ไม่มีปัญหาแล้วค่ะ หรือถ้าตื่นเต้น ก็ให้คิดว่าสิ่งที่ทำอยู่คือคุณหมอกำลังตรวจและวิเคราะห์อาการคนไข้จริง ๆ และให้คิดว่าดาราที่เข้าฉากด้วยคือลูกศิษย์คนหนึ่ง ที่สำคัญไม่ต้องคิดว่ามีกล้องถ่ายอยู่ " คิดว่าไม่มีกล้องถ่ายอยู่ และคนที่นอนบนเตียงคนไข้พร้อมเครื่องช่วยหายใจอยู่ตอนนี้คือคนไข้ของเธอ ดาราสาวในชุดกาวน์คือลูกศิษย์ของเธอที่ต้องการคำแนะนำ ด้วยความคิดนี้การถ่ายทำฉากนี้จึงผ่านไปได้แบบไม่ต้องสั่งเทคให้เสียเวลา "สนใจเข้าวงการมั้ยคะหมอ" วัลภาเอ่ยเย้าขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเมื่อการถ่ายทำฉากแรกของวันผ่านไปด้วยดี เป็นหมอที่จำบทได้ดีไม่มีอาการตื่นกล้อง แถมบทพูดยังเป็นธรรมชาติอีกด้วย กนิษฐาหลุดขำกับคำแซวนั้น "ไม่ไหวหรอกค่ะ ขอรักษาคนไข้ดีกว่า หมดหน้าที่แล้วหมอขอตัวก่อนนะคะ" "ค่ะ ยังไงก็ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะที่สละเวลามาเข้าฉากกับเรา แต่สิบนาทีในฉากนี้พี่คิดว่าหมอต้องมีคนอยากรู้จักมากขึ้นแน่ ๆ" "ทำไมคะ?" กนิษฐาทำสีหน้าสงสัยกับคำพูดผู้จัดละคร และสายตาก็หันไปมองคนที่ยืนยิ้มอยู่ไม่ไกล พิชญากรมายืนดูการถ่ายตั้งแต่เริ่มเข้าฉากแล้ว วัลภาอมยิ้มก่อนจะเอ่ยแก้ความสงสัยออกไป "อยากรู้จักเพราะหมอหน้าตาดีนี่ละค่ะ" กนิษฐาฟังแล้วก็ขำเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขอตัวไปทำงานตัวเองบ้าง ก่อนไปก็ไม่ลืมที่จะเข้าไปหยุดใกล้ ๆ แล้วเอ่ยบอกกับนางร้ายคนสวย "ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ" พิชญากรยิ้มรับ "เป็นความสามารถของหมอมากกว่าค่ะ" "แต่หมอว่าอาจจะเป็นเพราะอาหารเช้าของคุณก็ได้นะ" คำพูดเบาราวกระซิบใกล้ ๆ หูยามเมื่อคนเป็นพี่เยื้องกายผ่าน ริมฝีปากสวยเผลอกัดเม้มเข้าหากันกับคำที่โดนเย้าหยอก เป็นหมอรักษาโรคหัวใจจำเป็นต้องทำให้คนอื่นใจเต้นแรงด้วยหรือไงคะคุณหมอ "พายรู้จักกับหมอเกมส์เหรอจ๊ะ" วัลภาเอ่ยทักขึ้นมาเมื่อเห็นถึงความสนิทของทั้งสองคนตั้งแต่เมื่อเช้า "ก็รู้จักตอนที่พี่พีทเกิดอุบัติเหตุคราวนั้นแหละค่ะ คุณหมอเป็นเจ้าของไข้แล้วก็บังเอิญคุณหมอไปรู้จักคุณปู่ของพายด้วย เมื่อเช้าปู่ฝากหนังสือมาให้หมอ เราก็เลยได้คุยกันบ้าง" "อืม ดีค่ะอย่างน้อยก็ถือว่ารู้จักคนในนี้บ้าง เผื่อเราอยากขอความช่วยเหลือจะได้ติดต่อผ่านคุณหมอได้"     หลังเสร็จภารกิจนักแสดงจำเป็น กนิษฐาก็กลับไปทำหน้าที่คุณหมอตรวจคนไข้ต่อจนถึงเวลาพัก เสียงเรียกเข้าของมือถือดังขึ้นมาเหมือนรู้เวลาแบบนี้ไม่ต้องบอกว่าใคร "ไปทานข้าวกันค่ะพี่สาว" เสียงหมอแก้มทักขึ้นมาทันทีที่รับสายให้คนเป็นพี่อมยิ้มอย่างรู้ทัน ไม่รู้ว่าจะโดนซักฟอกอะไรบ้าง "ค่ะ เดี๋ยวพี่ลงไป" เมื่อลงมาถึงล็อบบี้ของโรงพยาบาลกนิษฐาก็อดขำไม่ได้ กับคนที่รออยู่นี่คือนัดรวมตัวกันหรือยังไง ทั้งวิรัญญา ชญานิน กับกวิสราแถมหมอน้ำฟ้าอีกคน นี่ดีนะที่หมอนนทวัชร์จะคอยสลับเวลาพักกับเธอ "รวมตัวแบบนี้มีอะไรพิเศษหรือเปล่าคะ" แกล้งถามออกไปทั้งที่พอจะรู้อยู่ว่าน้อง ๆ แต่ละคนคิดอะไร "แค่อยากสัมภาษณ์ความรู้สึกของการถ่ายละครค่ะพี่เกมส์" น้ำฟ้าเอ่ยขึ้นมาพลางยิ้มให้ที่เหลือพยักหน้าตาม แต่คนที่เพิ่งผ่านกล้องมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงกลับส่ายหน้าน้อย ๆ แต่ก็มีรอยยิ้มขำ "ตื่นเต้นมั้ยคะพี่เกมส์" กวิสราเอ่ยถามพี่สาวขณะเดินตามกันมาขึ้นรถ "ก่อนถ่ายก็มีกังวลนิดหน่อยนะ แต่ผู้จัดละครเขาก็ช่วยคุยแนะนำให้ก็เลยผ่านไปได้ง่าย ๆ รอบเดียว" "โห เทคเดียวผ่านเหรอคะพี่หมอ แบบนี้ก็ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย ว่าแต่ฉากนี้มีคุณพายด้วยมั้ยคะ" นี่ไงล่ะคือเหตุผลที่พากันรวมตัว กนิษฐาอมยิ้มก่อนจะส่ายหน้ากับคำถามของหมอนิน "ไม่หรอก เข้าฉากกับคุณนางเอก" "มีอะไรจะเล่าให้น้องฟังหรือเปล่าคะพี่เกมส์" คำถามนิ่ง ๆ จากน้องสาวแต่สายตาวิบวาวหลายคู่ที่ส่งตรงมาหานี่สิ อย่าบอกนะว่าหมอนนท์เป็นคนกระจายข่าว "จะให้พี่เล่าอะไรละคะ ก็ถ่ายฉากสั้น ๆ พูดถึงอาการคนไข้โรคก้านสมองตายให้คุณนางเอกเธอฟังแค่นั้นเอง" กนิษฐาทำไม่ชี้ตอบออกไปทั้งที่อดยิ้มไม่ได้ ใครบอกว่าผู้ชายนินทาผู้หญิงไม่เป็น ยกเว้นหมอนนทวัชร์คนหนึ่งล่ะ "พวกเราหมายถึงนางร้ายต่างหากค่ะ นี่ถ้าพี่นนท์ไม่มาถามวิก็ไม่รู้หรอกว่าพี่เกมส์สนิทกับคุณพายอย่างที่พี่นนท์เล่ามา ตกลงยังไงคะ" นั่นไง คิดผิดที่ไหนหมอนนท์คุยกับวิรัญญาแล้วมีเหรอกวิสราจะไม่รู้ในเมื่อสองคนนี้เป็นเพื่อนรักกัน แล้วเรื่องนี้ทุกคนก็เคยพูดแซวเธอมาตั้งแต่งานแต่งของกวิสราแล้วด้วย "ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ บังเอิญพี่ไปเจอคุณปู่ของเธอที่งานหนังสือน่ะไปเจอหนังสือเกี่ยวกับเมืองหมอกเมฆาพี่ก็เลยได้รู้ว่าปู่คุณพายเคยได้กินยาตัวที่พี่กำลังจะไปทดลองกับเจ้าช่อที่นั่นพอดี แล้วท่านมีหนังสือเกี่ยวกับเมืองนั้นก็เลยฝากหลานสาวเอามาให้พี่แค่นั้นเอง อ้อ คุณแม่เธอทำขนมกับแซนวิชมาให้ด้วยเมื่อเช้าแบ่งหมอนนท์ไปชิ้นนึง แล้วก็มีขนมคุ้กกี้อีกขวดโหลใหญ่พากันขึ้นไปแบ่งมาไว้กินด้วยนะ" อื้อหือ มีทำขนมมาให้ด้วยแบบนี้จะมีลุ้นมั้ยนะ กวิสราสบตากับเพื่อนแล้วก็ต่างพากันยิ้มอย่างรู้ความคิดกันดี หรือคราวนี้จะเป็นพรหมลิขิตจริง ๆ "เป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ นั่นแหล่ะค่ะ คนไปงานหนังสือเยอะแยะ แล้วไปเจอคุณปู่คุณพายเอาซะได้ แถมท่านยังจะมารู้จักกับเมืองที่พี่เกมส์จะไปอีกต่างหาก ไม่น่าเชื่อนะคะ น้อยคนที่จะรู้ขนาดพวกเรายังไม่เคยรู้เลยว่ามีเมืองนี้อยู่ใกล้ติดเขตประเทศเรา แถมยังดูลึกลับแปลกประหลาดอีกด้วย" กวิสราเปรยขึ้นมาให้คนเป็นพี่ได้เพียงแค่ยิ้มเท่านั้น "พรหมลิขิตชัด ๆ เลยค่ะแบบนี้ คิก ๆ" ชญานินเอ่ยขึ้นมาแล้วหัวเราะชอบใจ "ไอ้ที่เชียร์อยู่นี่ไม่คิดว่าพี่จะผิดหวังอีกครั้งหรือยังไงหึ" "ความรักก็เหมือนการซื้อล็อตเตอรี่แหละค่ะพี่หมอ เราไม่มีทางรู้ว่าจะถูกรางวัลจนกว่าผลมันจะออก" "โอ้โห หมอฟ้าไปได้คำคมนี้มาจากไหนคะ" กนิษฐาหัวเราะขำเมื่อรุ่นน้องเปรียบเทียบความรักซะเห็นภาพเลย คิก ๆ "ก็มันจริงมั้ยละคะ ถ้าใครโชคดีเจอคนรักดีก็คงเหมือนถูกรางวัลที่หนึ่ง แต่ชีวิตจริงฟ้าขอแค่รางวัลข้างเคียงก็ดีใจแล้วค่ะ" "ยังดีนะแกให้คะแนนหมอวินเทียบรางวัลข้างเคียงน่ะ" ชญานินอดแซวเพื่อนรักไม่ได้ และนั่นก็พาให้รุ่นพี่หัวเราะขำไปด้วย จะว่าไปมันก็จริงความรักบางทีก็ต้องเสี่ยงลุ้นกันไป ไม่มีใครรู้ว่าจะถูกรางวัลไหน "เออ นิน พี่ฝากสั่งของกับคุณศิให้หน่อย เอาพวกผงชาเขียวกับผงโกโก้ แล้วก็เอาน้ำเชื่อมมาด้วยนะแก้วด้วยสักสามสิบใบ" "ชาเขียวเหรอคะ ปกติไม่เห็นสั่งนี่คะหรือว่าอยากเปลี่ยนเมนูคะพี่หมอ" ชญานินถามด้วยความสงสัย เดี๋ยวนี้พวกเครื่องดื่มที่สามารถนำมาชงผสมกินกันเองได้พวกเธอจะสั่งจากร้านกาแฟของศศิกานต์ ที่เปิดให้น้องสาวเป็นคนดูแล จึงไม่แปลกที่ห้องแพนทรี่ของแต่ละชั้นจะมีอุปกรณ์พวกนี้พร้อมสรรพ "ไม่ได้เปลี่ยนหรอกก็สั่งมาเผื่อเอาไว้ให้ใครอยากจะชงกินเท่านั้นเอง" "ปกติหมอดื่มแต่โกโก้เหรอคะ" "ส่วนมากตอนเช้าก็โกโก้ค่ะ แล้วก็น้ำผลไม้ปั่นตอนบ่ายนาน ๆ ถึงจะเป็นกาแฟบ้าง แล้วคุณล่ะชอบดื่มน้ำอะไร" "เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ค่ะแล้วแต่ว่าจะนึกอยากอะไร อีกอย่างคือเวลาทำงานก็ไม่มีโอกาสได้มาทำกินเองแบบนี้หรอกค่ะ ต้องสั่งกินตามร้านเอา แต่ที่กินบ่อยคงจะเป็นชาเขียวผสมนมสดค่ะ" รอยยิ้มผุดขึ้นมาเมื่อนึกถึงคำพูดก่อนที่จะแยกกันเมื่อเช้า "ถ้าคุณหมอถ่ายฉากเดียวผ่านโดยไม่มีการซ่อม ฉันจะอาสาชงเครื่องดื่มให้เป็นรางวัลเลยค่ะ" ก็แค่สั่งมาเผื่อใครอีกคนที่ต้องมาชงเครื่องดื่มให้แค่นั้นเอง "ไม่ได้สั่งมาให้ใครจริง ๆ เหรอพี่เกมส์ ปกติชั้นนั้นนอกจากโกโก้ ชา กาแฟ วิไม่เคยเห็นเครื่องดื่มประเภทอื่นนะคะ" วิรัญญาดักคอขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม  "จริง ๆ เลยนะพวกเรานี่ตกลงจะเชียร์หรือจะจับผิดคะ" คิก ๆ  "เชียร์สิคะ แหม พรหมลิขิตชักพาขนาดนี้พี่หมอควรจะคว้าเอาไว้อย่าปล่อยโอกาสให้เสียเปล่า ตกลงเอาชาเขียวนะคะ เดี๋ยวจะบอกให้ศิเอามาส่งพรุ่งนี้เลย" เป็นอันรู้กันว่าพี่หมอก็ไม่ได้นิ่งเฉย แบบนี้ต้องช่วยกันโหมโรงสิคะ "เฮ้อ เขาจะสนใจพี่หรือเปล่าหรอก" "อย่างน้อยที่เธอปั่นโกโก้ให้พี่ทาน ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีนะคะพี่เกมส์" กวิสราเอ่ยแซวพี่สาวขึ้นมาบ้าง และเสียงอือออตามกันมาของสามสาวที่เหลือ ถ้าจะมีผู้หญิงสักคนที่เหมาะจะมาเป็นคู่รักของพี่สาวคนนี้ หากจะเป็นนางร้ายในทีวีแต่เป็นผู้หญิงนิสัยดีนอกจอก็ขอเชียร์คนนี้เต็มที่เลยล่ะ     การถ่ายละครวันแรกจบลงตอนเวลาทุ่มกว่า วันนี้ถือว่าเก็บไปได้หลายซีน "พายไปพักคอนโดของเจใช่มั้ย" "ค่ะพี่แนน จากนี่ไปไม่ไกลด้วย" "อืม ดีแล้วล่ะ งั้นพี่กลับแล้วนะ ขับรถระวังด้วยล่ะเราน่ะ" "แหม พูดเหมือนคนที่บ้านพายเปี๊ยบเลยนะคะ" พิชญากรเอ่ยเย้าขึ้นมา ให้รุ่นพี่ส่ายหัวเล็ก ๆ แต่ก็ยังยิ้มไปด้วย "ก็ไม่แปลกในเมื่อพายก็เหมือนน้องสาวพี่ พี่ห่วงน้องเป็นเรื่องธรรมดาจ๊ะ" นริสนันท์จิ้มนิ้วใส่หน้าผากน้องด้วยความหมั่นไส้ปนเอ็นดู  "ค่า เจอกันพรุ่งนี้ค่ะพี่สาว" สองสาวร่ำลากันเสร็จก็แยกย้าย พร้อมทีมงานสี่ห้าคนเดินตามกันออกจากห้องประชุมที่ใช้เป็นที่พักกองชั่วคราว แต่ก่อนที่จะเดินไปลงลิฟต์พิชญากรก็เหลือบไปมองห้องทำงานของคนบางคนที่อยู่ห่างไปไม่ไกล   "ลงไปก่อนเลยนะคะ พายขอไปห้องน้ำก่อน" แม้ตอนนี้ทั้งชั้นจะดูเงียบแต่ก็ไม่ได้ไร้ผู้คน เพราะเห็นมีหมอและพยาบาลเดินผ่านกันไปมาอยู่บ้าง สงสัยจะเป็นชั้นที่มีห้องพักสำหรับเจ้าหน้าที่ตอนกลางคืน  "เลิกกองกันแล้วเหรอคะคุณพาย" พี่พยาบาลที่ร่วมเข้าฉากด้วยเมื่อตอนเช้านั่นเอง "ค่ะ แล้วนี่พี่ยังไม่เลิกงานเหรอคะ" "ยังค่ะ พอดีพี่แลกเวรกับเพื่อนออกอีกทีเช้าเลยค่ะ" "โห แบบนี้ไม่ง่วงแย่เหรอคะ" "ก็มีบ้างค่ะ แต่ก็ชินแล้วล่ะ ว่าแต่จะไปไหนคะ" "ว่าจะแวะไปห้องน้ำหน่อยค่ะ เอ่อ ว่าแต่หมอเกมส์ยังไม่กลับเหรอคะ" ที่รู้เพราะห้องเป็นกระจกมีมู่ลี่เป็นม่านนั้นยังมีไฟส่องสว่างอยู่นั่นเอง "อ๋อ หมอเกมส์กลับช้าทุกวันค่ะ แกบอกกลับไวรถก็ติด วันดีคืนดีมีเคสฉุกเฉินหมอก็ลงไปช่วยตรวจด้วย" "เหรอคะ นึกว่าจะนอนที่นี่ซะอีก" คิก ๆ" คุณพายก็ พูดเหมือนตาเห็นเลยนะคะ หมอเกมส์เคยค้างนะคะถ้ามีเคสหนักน่ะถึงไม่ใช่เวรดึกก็ตาม"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม