นนทวัชร์ถือแก้วกาแฟมายืนใกล้ ๆมองดูสิ่งที่กนิษฐาพูดถึงก่อนจะเผยยิ้มออกมา
"หมอทำแซนวิชมาทานเหรอครับ น่ากินนะ"
ชายหนุ่มแกล้งถามไปงั้นแหล่ะ แค่อยากรู้ว่าใครทำต่างหาก
"เปล่าค่ะ แม่คุณพายฝากมาให้น่ะ อืม อร่อยนะคะหมอแบ่งไปสิ"
โป๊ะเช๊ะเลย แม่ฝากขนมมาให้หมอทาน ส่วนลูกสาวมาทำเครื่องดื่มให้หมอ
"ที่จริงผมทานข้าวมาแล้วนะ แต่ขอสักชิ้นแล้วกันครับ ดูน่าอร่อยจริง ๆ แต่ขอไปทานที่ห้องนะหมอ จะไปอ่านข้อมูลคนไข้สักหน่อยครับ"
กนิษฐาพยักหน้าให้พร้อมยื่นจานที่มีแซนวิชอยู่สามชิ้นให้หมอนนท์หยิบไป มือหยิบปากเอ่ยคำขอบคุณแต่สายตาวิบวับที่มองมานี่ ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนคงไม่มีทางรู้ ว่าสายตาแบบนี้คือกำลังล้อกันอยู่
"ขอตัวก่อนนะครับ คุณพาย ขอให้ถ่ายละครกันอย่างมีความสุขนะครับ ติดขัดอะไรก็แจ้งผ่านหมอเกมส์มาได้ครับ"
"ขอบคุณแทนพี่ ๆ ทีมงานด้วยนะคะคุณหมอ"
พิชญากรกล่าวตอบออกไปด้วยรอยยิ้มขอบคุณแทนทีมงานจริง ๆ
ก่อนเดินออกไปหมอหนุ่มยังไม่วายหันไปยักคิ้วหลิ่วตาใส่คุณหมออีกคน กนิษฐาทำได้เพียงแค่กลั้นรอยยิ้มเอาไว้
"อร่อยมั้ยคะ"
"หมายถึงแซนวิชหรือโกโก้ปั่นละคะ"
"ก็ ทั้งสองอย่างแหละค่ะ"
"แซนวิชน่ะอร่อยค่ะ ฝากขอบคุณ คุณแม่คุณด้วยนะคะ ส่วนโกโก้นี่ คุณแกล้งหมอหรือเปล่า ทำไมมันขมจัง"
"อ้าว! ก็หมอบอกไม่กินหวานนี่คะ ฉันก็เลยไม่ได้ใส่น้ำผึ้งให้ ใส่แต่นมสด"
แค่ก ๆ ๆ คำตอบหน้าซื่อตาใสแต่ทำให้คนฟังถึงกับสำลักน้ำรสขมที่กำลังดูด นี่พิชญากรซื่อหรือแกล้งเธอกันแน่
"คุณแกล้งหมอ"
"เปล่าแกล้งค่ะ"
ก็เธอไม่ได้แกล้งจริง ๆ นี่ หมอบอกเองว่าไม่กินหวานน่ะ ใบหน้าสวยเริ่มยับยุ่งเมื่อโดนอีกคนปรักปรำ เธอไม่ผิดนะแค่ทำตามลูกค้าสั่ง
"งั้นหมอขอชิมแก้วของคุณหน่อยค่ะ"
"ห๊ะ!"
"ก็หมออยากรู้นี่ว่าแบบไหนอร่อย"
ไม่พูดเปล่าแต่กนิษฐายื่นมือมาทำท่าจะคว้าแก้วที่วางตรงหน้าพิชญากรไปดื่มจริง ๆ
"ดะ เดี๋ยวหมอ" มือเรียวรีบคว้าแก้วมาจับไว้ก่อนจะรีบดึงหลอดออก หมอน่ะทำเธอเสียอาการตลอดแล้วยังมาทำแบบนี้อีก ไม่ได้รังเกียจแต่เธอเขินต่างหากเล่า
กนิษฐามองอีกคนแล้วยกยิ้มมุมปาก นี่ถ้าไม่สังเกตุเห็นว่าใบหน้าสวยนั้นกำลังขึ้นสีระเรื่ออยู่เธออาจเข้าใจไปว่าพิชญากรนึกรังเกียจกันอยู่หรือเปล่า แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้าไม่ใช่คนรักที่ไว้ใจกันจริง ๆ เป็นใครก็คงไม่ใช้หลอดเดียวกันหรอกแม้แต่เธอเองก็ตาม เมื่อกี้เธอแค่อยากลองใจเท่านั้น แก้วโกโก้ที่ละลายไปบ้างแล้วถูกหลอดเสียบลงไปใหม่ ริมฝีปากสีเรื่อก้มดูดเอารสชาติกลมกล่อม แค่เพียงปลายลิ้นสัมผัสก็แตกต่างจากแก้วของตัวเอง แล้วแก้วนี้ยังมีกลิ่นหอมของน้ำผึ้งปะปนมาด้วย
"หวาน"
"หือ ไม่เห็นจะหวานเลยฉันใส่น้ำผึ้งนิดเดียวเองนะคะ"
พิชญากรคว้าแก้วกลับมาดูดพร้อมกับเถียงออกไป หมอน่ะ อะไรก็ไม่รู้ กนิษฐาอมยิ้มเล็ก ๆ
"มันหวานเพราะเป็นแก้วที่คุณดื่มต่างหากล่ะ"
แค่ก ๆ ๆ
กระดาษทิชชู่ถูกส่งมาให้ตรงหน้า
"ขอบคุณสำหรับมื้อเช้านี้นะคะ อร่อยทั้งแซนวิชและโกโก้ปั่นนั่นแหละค่ะ"
"ไหนเมื่อกี้หมอบอกมันขมไง"
"แต่หมอไม่ได้บอกว่ามันไม่อร่อยนี่คะ"
"มีใครเคยบอกมั้ยว่าหมอน่ะ กวนมาก"
"ก็คุณเพิ่งบอกนี่แหละค่ะ"
พิชญากรไม่รู้จะพูดคำไหนดี ไม่เคยรู้ว่าคุณหมอจะเป็นคนแบบนี้ แล้วบอกโกโก้แก้วของเธอหวานเพราะเธอนี่หมายความว่ายังไง เธอควรเขินหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ สี่สิบนาทีที่ได้พูดคุยกันมันทำให้เธอได้รู้จักอีกหนึ่งภาพลักษณ์ของแพทย์หญิงที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ แล้วโกโก้คาเฟอีนกี่เปอร์เซ็นต์ถึงทำให้หัวใจเต้นแรงได้แบบนี้
ในห้องประชุมห้องหนึ่งซึ่งตอนนี้ถูกใช้สำหรับแต่งหน้าทำผมให้เหล่าดารานักแสดงที่ต้องเข้าฉาก และอีกหนึ่งห้องติดกันกำลังพูดคุยถึงการเข้าฉากของนักแสดงจำเป็นอย่างคุณหมอ
"คุณหมอทำเหมือนเวลาปกติที่ตรวจเจออาการคนไข้ลักษณะนี้ แล้วให้คิดว่าน้องแนนคือแพทย์รุ่นน้องที่อาศัยความชำนาญจากรุ่นพี่มาช่วยวิเคราะห์เคสนี้ ประมาณนี้พอได้ใช่มั้ยคะ เดี๋ยวเราจะลงไปซ้อมก่อนถ่ายจริงสักรอบ"
วัลภาซักถามทั้งช่วยแนะนำ ส่วนพยาบาลอีกคนที่มีบทเพียงเดินตามและช่วยรับแฟ้มข้อมูลคนไข้นั้น ไม่ใช่ปัญหาเพราะไม่ได้มีบทพูด
"ค่ะ ก็ไม่น่ามีปัญหาถ้าหมอไม่ลืมบทพูดนี่นะ"
คำตอบปนรอยยิ้มทำให้ผู้จัดสาวใหญ่กับนางเอกสาวผู้ต้องเข้าฉากด้วยต้องยิ้มตาม โรงพยาบาลนี้เขาคัดหน้าตาบุคลากรหรือเปล่านะ
"ไม่เป็นไรค่ะเรื่องลืมบทพูดขนาดพวกเราผ่านมาไม่รู้กี่ครั้งยังลืมบทเลยค่ะ วันนี้ขอฝากตัวเป็นนักศึกษาแพทย์วันนึงนะคะอาจารย์"
นริสนันท์ค้อมศรีษะเล็กน้อยให้คุณหมอตัวจริง ก่อนจะส่งยิ้มให้อีกฝ่ายคลายกังวล กนิษฐาเผยยิ้มบางนึกถึงคำพูดของใครคนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในห้องนี้
"แค่คุณหมอจำบทพูดได้ ก็ไม่มีปัญหาแล้วค่ะ หรือถ้าตื่นเต้น ก็ให้คิดว่าสิ่งที่ทำอยู่คือคุณหมอกำลังตรวจและวิเคราะห์อาการคนไข้จริง ๆ และให้คิดว่าดาราที่เข้าฉากด้วยคือลูกศิษย์คนหนึ่ง ที่สำคัญไม่ต้องคิดว่ามีกล้องถ่ายอยู่ "
คิดว่าไม่มีกล้องถ่ายอยู่ และคนที่นอนบนเตียงคนไข้พร้อมเครื่องช่วยหายใจอยู่ตอนนี้คือคนไข้ของเธอ ดาราสาวในชุดกาวน์คือลูกศิษย์ของเธอที่ต้องการคำแนะนำ ด้วยความคิดนี้การถ่ายทำฉากนี้จึงผ่านไปได้แบบไม่ต้องสั่งเทคให้เสียเวลา
"สนใจเข้าวงการมั้ยคะหมอ"
วัลภาเอ่ยเย้าขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเมื่อการถ่ายทำฉากแรกของวันผ่านไปด้วยดี เป็นหมอที่จำบทได้ดีไม่มีอาการตื่นกล้อง แถมบทพูดยังเป็นธรรมชาติอีกด้วย
กนิษฐาหลุดขำกับคำแซวนั้น
"ไม่ไหวหรอกค่ะ ขอรักษาคนไข้ดีกว่า หมดหน้าที่แล้วหมอขอตัวก่อนนะคะ"
"ค่ะ ยังไงก็ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะที่สละเวลามาเข้าฉากกับเรา แต่สิบนาทีในฉากนี้พี่คิดว่าหมอต้องมีคนอยากรู้จักมากขึ้นแน่ ๆ"
"ทำไมคะ?" กนิษฐาทำสีหน้าสงสัยกับคำพูดผู้จัดละคร และสายตาก็หันไปมองคนที่ยืนยิ้มอยู่ไม่ไกล พิชญากรมายืนดูการถ่ายตั้งแต่เริ่มเข้าฉากแล้ว
วัลภาอมยิ้มก่อนจะเอ่ยแก้ความสงสัยออกไป
"อยากรู้จักเพราะหมอหน้าตาดีนี่ละค่ะ"
กนิษฐาฟังแล้วก็ขำเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขอตัวไปทำงานตัวเองบ้าง ก่อนไปก็ไม่ลืมที่จะเข้าไปหยุดใกล้ ๆ แล้วเอ่ยบอกกับนางร้ายคนสวย
"ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ"
พิชญากรยิ้มรับ
"เป็นความสามารถของหมอมากกว่าค่ะ"
"แต่หมอว่าอาจจะเป็นเพราะอาหารเช้าของคุณก็ได้นะ"
คำพูดเบาราวกระซิบใกล้ ๆ หูยามเมื่อคนเป็นพี่เยื้องกายผ่าน ริมฝีปากสวยเผลอกัดเม้มเข้าหากันกับคำที่โดนเย้าหยอก เป็นหมอรักษาโรคหัวใจจำเป็นต้องทำให้คนอื่นใจเต้นแรงด้วยหรือไงคะคุณหมอ
"พายรู้จักกับหมอเกมส์เหรอจ๊ะ"
วัลภาเอ่ยทักขึ้นมาเมื่อเห็นถึงความสนิทของทั้งสองคนตั้งแต่เมื่อเช้า
"ก็รู้จักตอนที่พี่พีทเกิดอุบัติเหตุคราวนั้นแหละค่ะ คุณหมอเป็นเจ้าของไข้แล้วก็บังเอิญคุณหมอไปรู้จักคุณปู่ของพายด้วย เมื่อเช้าปู่ฝากหนังสือมาให้หมอ เราก็เลยได้คุยกันบ้าง"
"อืม ดีค่ะอย่างน้อยก็ถือว่ารู้จักคนในนี้บ้าง เผื่อเราอยากขอความช่วยเหลือจะได้ติดต่อผ่านคุณหมอได้"
หลังเสร็จภารกิจนักแสดงจำเป็น กนิษฐาก็กลับไปทำหน้าที่คุณหมอตรวจคนไข้ต่อจนถึงเวลาพัก เสียงเรียกเข้าของมือถือดังขึ้นมาเหมือนรู้เวลาแบบนี้ไม่ต้องบอกว่าใคร
"ไปทานข้าวกันค่ะพี่สาว"
เสียงหมอแก้มทักขึ้นมาทันทีที่รับสายให้คนเป็นพี่อมยิ้มอย่างรู้ทัน ไม่รู้ว่าจะโดนซักฟอกอะไรบ้าง
"ค่ะ เดี๋ยวพี่ลงไป"
เมื่อลงมาถึงล็อบบี้ของโรงพยาบาลกนิษฐาก็อดขำไม่ได้ กับคนที่รออยู่นี่คือนัดรวมตัวกันหรือยังไง ทั้งวิรัญญา ชญานิน กับกวิสราแถมหมอน้ำฟ้าอีกคน นี่ดีนะที่หมอนนทวัชร์จะคอยสลับเวลาพักกับเธอ
"รวมตัวแบบนี้มีอะไรพิเศษหรือเปล่าคะ"
แกล้งถามออกไปทั้งที่พอจะรู้อยู่ว่าน้อง ๆ แต่ละคนคิดอะไร
"แค่อยากสัมภาษณ์ความรู้สึกของการถ่ายละครค่ะพี่เกมส์"
น้ำฟ้าเอ่ยขึ้นมาพลางยิ้มให้ที่เหลือพยักหน้าตาม แต่คนที่เพิ่งผ่านกล้องมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงกลับส่ายหน้าน้อย ๆ แต่ก็มีรอยยิ้มขำ
"ตื่นเต้นมั้ยคะพี่เกมส์"
กวิสราเอ่ยถามพี่สาวขณะเดินตามกันมาขึ้นรถ
"ก่อนถ่ายก็มีกังวลนิดหน่อยนะ แต่ผู้จัดละครเขาก็ช่วยคุยแนะนำให้ก็เลยผ่านไปได้ง่าย ๆ รอบเดียว"
"โห เทคเดียวผ่านเหรอคะพี่หมอ แบบนี้ก็ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย ว่าแต่ฉากนี้มีคุณพายด้วยมั้ยคะ"
นี่ไงล่ะคือเหตุผลที่พากันรวมตัว กนิษฐาอมยิ้มก่อนจะส่ายหน้ากับคำถามของหมอนิน
"ไม่หรอก เข้าฉากกับคุณนางเอก"
"มีอะไรจะเล่าให้น้องฟังหรือเปล่าคะพี่เกมส์"
คำถามนิ่ง ๆ จากน้องสาวแต่สายตาวิบวาวหลายคู่ที่ส่งตรงมาหานี่สิ อย่าบอกนะว่าหมอนนท์เป็นคนกระจายข่าว
"จะให้พี่เล่าอะไรละคะ ก็ถ่ายฉากสั้น ๆ พูดถึงอาการคนไข้โรคก้านสมองตายให้คุณนางเอกเธอฟังแค่นั้นเอง"
กนิษฐาทำไม่ชี้ตอบออกไปทั้งที่อดยิ้มไม่ได้ ใครบอกว่าผู้ชายนินทาผู้หญิงไม่เป็น ยกเว้นหมอนนทวัชร์คนหนึ่งล่ะ
"พวกเราหมายถึงนางร้ายต่างหากค่ะ นี่ถ้าพี่นนท์ไม่มาถามวิก็ไม่รู้หรอกว่าพี่เกมส์สนิทกับคุณพายอย่างที่พี่นนท์เล่ามา ตกลงยังไงคะ"
นั่นไง คิดผิดที่ไหนหมอนนท์คุยกับวิรัญญาแล้วมีเหรอกวิสราจะไม่รู้ในเมื่อสองคนนี้เป็นเพื่อนรักกัน แล้วเรื่องนี้ทุกคนก็เคยพูดแซวเธอมาตั้งแต่งานแต่งของกวิสราแล้วด้วย
"ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ บังเอิญพี่ไปเจอคุณปู่ของเธอที่งานหนังสือน่ะไปเจอหนังสือเกี่ยวกับเมืองหมอกเมฆาพี่ก็เลยได้รู้ว่าปู่คุณพายเคยได้กินยาตัวที่พี่กำลังจะไปทดลองกับเจ้าช่อที่นั่นพอดี แล้วท่านมีหนังสือเกี่ยวกับเมืองนั้นก็เลยฝากหลานสาวเอามาให้พี่แค่นั้นเอง อ้อ คุณแม่เธอทำขนมกับแซนวิชมาให้ด้วยเมื่อเช้าแบ่งหมอนนท์ไปชิ้นนึง แล้วก็มีขนมคุ้กกี้อีกขวดโหลใหญ่พากันขึ้นไปแบ่งมาไว้กินด้วยนะ"
อื้อหือ มีทำขนมมาให้ด้วยแบบนี้จะมีลุ้นมั้ยนะ กวิสราสบตากับเพื่อนแล้วก็ต่างพากันยิ้มอย่างรู้ความคิดกันดี หรือคราวนี้จะเป็นพรหมลิขิตจริง ๆ
"เป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ นั่นแหล่ะค่ะ คนไปงานหนังสือเยอะแยะ แล้วไปเจอคุณปู่คุณพายเอาซะได้ แถมท่านยังจะมารู้จักกับเมืองที่พี่เกมส์จะไปอีกต่างหาก ไม่น่าเชื่อนะคะ น้อยคนที่จะรู้ขนาดพวกเรายังไม่เคยรู้เลยว่ามีเมืองนี้อยู่ใกล้ติดเขตประเทศเรา แถมยังดูลึกลับแปลกประหลาดอีกด้วย"
กวิสราเปรยขึ้นมาให้คนเป็นพี่ได้เพียงแค่ยิ้มเท่านั้น
"พรหมลิขิตชัด ๆ เลยค่ะแบบนี้ คิก ๆ"
ชญานินเอ่ยขึ้นมาแล้วหัวเราะชอบใจ
"ไอ้ที่เชียร์อยู่นี่ไม่คิดว่าพี่จะผิดหวังอีกครั้งหรือยังไงหึ"
"ความรักก็เหมือนการซื้อล็อตเตอรี่แหละค่ะพี่หมอ เราไม่มีทางรู้ว่าจะถูกรางวัลจนกว่าผลมันจะออก"
"โอ้โห หมอฟ้าไปได้คำคมนี้มาจากไหนคะ"
กนิษฐาหัวเราะขำเมื่อรุ่นน้องเปรียบเทียบความรักซะเห็นภาพเลย
คิก ๆ
"ก็มันจริงมั้ยละคะ ถ้าใครโชคดีเจอคนรักดีก็คงเหมือนถูกรางวัลที่หนึ่ง แต่ชีวิตจริงฟ้าขอแค่รางวัลข้างเคียงก็ดีใจแล้วค่ะ"
"ยังดีนะแกให้คะแนนหมอวินเทียบรางวัลข้างเคียงน่ะ"
ชญานินอดแซวเพื่อนรักไม่ได้ และนั่นก็พาให้รุ่นพี่หัวเราะขำไปด้วย จะว่าไปมันก็จริงความรักบางทีก็ต้องเสี่ยงลุ้นกันไป ไม่มีใครรู้ว่าจะถูกรางวัลไหน
"เออ นิน พี่ฝากสั่งของกับคุณศิให้หน่อย เอาพวกผงชาเขียวกับผงโกโก้ แล้วก็เอาน้ำเชื่อมมาด้วยนะแก้วด้วยสักสามสิบใบ"
"ชาเขียวเหรอคะ ปกติไม่เห็นสั่งนี่คะหรือว่าอยากเปลี่ยนเมนูคะพี่หมอ"
ชญานินถามด้วยความสงสัย เดี๋ยวนี้พวกเครื่องดื่มที่สามารถนำมาชงผสมกินกันเองได้พวกเธอจะสั่งจากร้านกาแฟของศศิกานต์ ที่เปิดให้น้องสาวเป็นคนดูแล จึงไม่แปลกที่ห้องแพนทรี่ของแต่ละชั้นจะมีอุปกรณ์พวกนี้พร้อมสรรพ
"ไม่ได้เปลี่ยนหรอกก็สั่งมาเผื่อเอาไว้ให้ใครอยากจะชงกินเท่านั้นเอง"
"ปกติหมอดื่มแต่โกโก้เหรอคะ"
"ส่วนมากตอนเช้าก็โกโก้ค่ะ แล้วก็น้ำผลไม้ปั่นตอนบ่ายนาน ๆ ถึงจะเป็นกาแฟบ้าง แล้วคุณล่ะชอบดื่มน้ำอะไร"
"เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ค่ะแล้วแต่ว่าจะนึกอยากอะไร อีกอย่างคือเวลาทำงานก็ไม่มีโอกาสได้มาทำกินเองแบบนี้หรอกค่ะ ต้องสั่งกินตามร้านเอา แต่ที่กินบ่อยคงจะเป็นชาเขียวผสมนมสดค่ะ"
รอยยิ้มผุดขึ้นมาเมื่อนึกถึงคำพูดก่อนที่จะแยกกันเมื่อเช้า
"ถ้าคุณหมอถ่ายฉากเดียวผ่านโดยไม่มีการซ่อม ฉันจะอาสาชงเครื่องดื่มให้เป็นรางวัลเลยค่ะ"
ก็แค่สั่งมาเผื่อใครอีกคนที่ต้องมาชงเครื่องดื่มให้แค่นั้นเอง
"ไม่ได้สั่งมาให้ใครจริง ๆ เหรอพี่เกมส์ ปกติชั้นนั้นนอกจากโกโก้ ชา กาแฟ วิไม่เคยเห็นเครื่องดื่มประเภทอื่นนะคะ"
วิรัญญาดักคอขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
"จริง ๆ เลยนะพวกเรานี่ตกลงจะเชียร์หรือจะจับผิดคะ"
คิก ๆ
"เชียร์สิคะ แหม พรหมลิขิตชักพาขนาดนี้พี่หมอควรจะคว้าเอาไว้อย่าปล่อยโอกาสให้เสียเปล่า ตกลงเอาชาเขียวนะคะ เดี๋ยวจะบอกให้ศิเอามาส่งพรุ่งนี้เลย"
เป็นอันรู้กันว่าพี่หมอก็ไม่ได้นิ่งเฉย แบบนี้ต้องช่วยกันโหมโรงสิคะ
"เฮ้อ เขาจะสนใจพี่หรือเปล่าหรอก"
"อย่างน้อยที่เธอปั่นโกโก้ให้พี่ทาน ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีนะคะพี่เกมส์"
กวิสราเอ่ยแซวพี่สาวขึ้นมาบ้าง และเสียงอือออตามกันมาของสามสาวที่เหลือ ถ้าจะมีผู้หญิงสักคนที่เหมาะจะมาเป็นคู่รักของพี่สาวคนนี้ หากจะเป็นนางร้ายในทีวีแต่เป็นผู้หญิงนิสัยดีนอกจอก็ขอเชียร์คนนี้เต็มที่เลยล่ะ
การถ่ายละครวันแรกจบลงตอนเวลาทุ่มกว่า วันนี้ถือว่าเก็บไปได้หลายซีน
"พายไปพักคอนโดของเจใช่มั้ย"
"ค่ะพี่แนน จากนี่ไปไม่ไกลด้วย"
"อืม ดีแล้วล่ะ งั้นพี่กลับแล้วนะ ขับรถระวังด้วยล่ะเราน่ะ"
"แหม พูดเหมือนคนที่บ้านพายเปี๊ยบเลยนะคะ"
พิชญากรเอ่ยเย้าขึ้นมา ให้รุ่นพี่ส่ายหัวเล็ก ๆ แต่ก็ยังยิ้มไปด้วย
"ก็ไม่แปลกในเมื่อพายก็เหมือนน้องสาวพี่ พี่ห่วงน้องเป็นเรื่องธรรมดาจ๊ะ"
นริสนันท์จิ้มนิ้วใส่หน้าผากน้องด้วยความหมั่นไส้ปนเอ็นดู
"ค่า เจอกันพรุ่งนี้ค่ะพี่สาว"
สองสาวร่ำลากันเสร็จก็แยกย้าย พร้อมทีมงานสี่ห้าคนเดินตามกันออกจากห้องประชุมที่ใช้เป็นที่พักกองชั่วคราว แต่ก่อนที่จะเดินไปลงลิฟต์พิชญากรก็เหลือบไปมองห้องทำงานของคนบางคนที่อยู่ห่างไปไม่ไกล
"ลงไปก่อนเลยนะคะ พายขอไปห้องน้ำก่อน"
แม้ตอนนี้ทั้งชั้นจะดูเงียบแต่ก็ไม่ได้ไร้ผู้คน เพราะเห็นมีหมอและพยาบาลเดินผ่านกันไปมาอยู่บ้าง สงสัยจะเป็นชั้นที่มีห้องพักสำหรับเจ้าหน้าที่ตอนกลางคืน
"เลิกกองกันแล้วเหรอคะคุณพาย"
พี่พยาบาลที่ร่วมเข้าฉากด้วยเมื่อตอนเช้านั่นเอง
"ค่ะ แล้วนี่พี่ยังไม่เลิกงานเหรอคะ"
"ยังค่ะ พอดีพี่แลกเวรกับเพื่อนออกอีกทีเช้าเลยค่ะ"
"โห แบบนี้ไม่ง่วงแย่เหรอคะ"
"ก็มีบ้างค่ะ แต่ก็ชินแล้วล่ะ ว่าแต่จะไปไหนคะ"
"ว่าจะแวะไปห้องน้ำหน่อยค่ะ เอ่อ ว่าแต่หมอเกมส์ยังไม่กลับเหรอคะ"
ที่รู้เพราะห้องเป็นกระจกมีมู่ลี่เป็นม่านนั้นยังมีไฟส่องสว่างอยู่นั่นเอง
"อ๋อ หมอเกมส์กลับช้าทุกวันค่ะ แกบอกกลับไวรถก็ติด วันดีคืนดีมีเคสฉุกเฉินหมอก็ลงไปช่วยตรวจด้วย"
"เหรอคะ นึกว่าจะนอนที่นี่ซะอีก"
คิก ๆ" คุณพายก็ พูดเหมือนตาเห็นเลยนะคะ หมอเกมส์เคยค้างนะคะถ้ามีเคสหนักน่ะถึงไม่ใช่เวรดึกก็ตาม"