คำแซวเอ่ยล้อพร้อมรอยยิ้มทะเล้นของคนเป็นพี่ กลับทำเอาน้องหน้าม้านใบหน้าขึ้นสีระเรื่อทันตา
"บ้า เดทอะไรคะ แค่กินข้าวในห้องแพนทรี่เล็ก ๆ เอง พี่แนนก็เว่อร์"
นริสนันท์หัวเราะขำ เธอก็แค่หยอกเล่นแล้วทำไมน้องถึงหน้าแดงแบบนี้ มีพิรุธนะพาย
"ค่ะ แค่กินข้าวเนอะ ไม่มีอะไร แล้วที่ส่งข้อความบอกให้พี่เอาเครื่องปั่นมาจากบ้านด้วยนี่คืออะไรคะ"
พิชญากรหัวเราะขึ้นมาบ้าง
"ก็คุณหมอสั่งวัตถุดิบผสมเครื่องดื่มมาซะเยอะเลย พายเลยจะเอามาทำให้พวกพี่ ๆ ดื่มกันค่ะ จะใช้เครื่องปั่นในห้องนั้นก็เกรงใจเจ้าของสถานที่ ก็เลยให้พี่แนนเอามาปั่นของเราเองดีกว่า"
"อืม สวยแล้วยังใจดีมีน้ำใจอีกเน๊อะคุณหมอเนี่ย"
พิชญากร กลับชี้นิ้วใส่ตัวเอง
"ชมคนนี้ด้วยค่ะ เพราะคนจะปั่นเครื่องดื่มแจกทุกคนคือพาย"
"โอ้ จ้า น้องสาวคนสวยคนใจดี ทำอะไรก็อร่อย ขอบคุณทุกเมนูที่จะได้อิ่มท้องกันถ้วนหน้าค่ะ"
"น้ำแตงโมปั่น ด้วยนะคะน้องพาย"
"น้ำแอปเปิ้ล ด้วยค่ะคุณน้องคนสวย"
เสียงพี่ ๆ ทีมงานร้องสั่งเมนูเครื่องดื่มกับนางร้ายสาว หลายคนเคยได้กินมาแล้วทั้งนั้น บ่อยครั้งที่พิชญากรไปทำเมนูเครื่องดื่มที่กองถ่าย
"ค่า พี่ ๆ ก็อย่าลืมเตรียมผลไม้ไว้ด้วยนะคะ ไว้พักเบรคพายจะมาปั่นให้ดื่มกันค่ะ"
ความสนิทเหมือนพี่น้องในกองที่เคยร่วมงานกันมาจึงค่อนข้างสนุกสนานเฮฮาในการทำงานร่วมกัน
J_Jetiya: คืนนี้จะไปค้างที่คอนโดด้วยนะพาย เดี๋ยวเราซื้อของสดเข้าไปไว้ทำอาหารทานกัน วันนี้เลิกกี่โมง
ข้อความจากเพื่อนรักถูกส่งเข้ามาในเวลาพักเที่ยง
Pie_Phitchaya: น่าจะเลิกกองประมาณทุ่มแหละ แต่เราคงถึงห้องช้านะ เจมากับพี่ปรางหรือเปล่า
J_Jetiya: อืม เดี๋ยวอยู่เป็นเพื่อนทั้งสัปดาห์เลย กลัวเพื่อนเหงา
Pie_Phitchaya: แหม จะดีใจหรือเศร้าใจดี เมื่อเราสองสามคนต้องมาอยู่ด้วยกันเนี่ย
พิชญากรพิมพ์ไปก็ขำไป ก็แค่อยากแซวเพื่อนรัก
J_Jetiya:ในฐานะเพื่อนรักให้นอนกอดได้ไม่เกินสี่ทุ่มค่ะ เพราะฉะนั้นรีบกลับก่อนที่เจจะหลับ
Pie_Phitchaya: หลับหรือทำอะไรเอาดี ๆ ค่ะ
J_Jetiya: พายน่ะทะลึ่งมากขึ้นทุกวันแล้วนะ ตกลงไม่กลับมาทานมื้อเย็นด้วยกันใช่มั้ย
พิชญากรอมยิ้มขำกับข้อความของเพื่อน เชื่อเถอะตอนนี้เจติยาก็คงอายเหมือนกัน
Pie_Phitchaya: เรากลับถึงประมาณสองทุ่มกว่าแหละ เลี่ยงรถติด เจทานกับพี่ปรางก่อนเลย อ้อ ฝากซื้อพวกขนมปังกับวัตถุดิบสำหรับทำแซนวิชให้ด้วยนะเจ
J_Jetiya: ได้จ๊ะ ถ้างั้นก็ไว้คุยกันตอนเย็นนะ
สติกเกอร์โอเคถูกส่งกลับไป ก่อนที่จะเปลี่ยนมากดดูกล่องข้อความของใครอีกคน ริมฝีปากบางระบายยิ้มออกมาทั้งนึกขำเมื่อกดดูก็มีรูปถ่ายร้านอาหารเต็มไปหมด นี่พี่หมอตั้งใจนำเสนอหรือแกล้งกันแน่ แม้แต่ร้านขายผลไม้พี่เขายังอุตส่าห์ส่งมาด้วย
Pie_Phitchaya: มื้อเย็นพายขอสลัดผลไม้รวมก็พอนะพี่หมอ มื้อกลางวันทานข้าวเยอะแล้ว ขอบคุณค่ะ
ส่งไปเพียงไม่นานก็ขึ้นว่าอ่านแล้ว
Kanittha: ตอนนี้พักอยู่หรือเปล่าคะ พี่กำลังกลับเข้าไป ใกล้ถึงแล้ว
Pie_Phitchaya: พักอยู่ค่ะ อยากชิมโกโก้ปั่นเหรอคะ
Kanittha: อยากเห็นหน้าคุณละมังคะ
กรี๊ดดด พี่หมอบ้า ๆ ที่สุดเลยมาพูดแบบนี้ได้ยังไง ใบหน้าสวยเห่อแดงขึ้นมาราวกับลูกเชอรี่ ริมฝีปากสีเรื่อก็เผลอกัดเม้มจนกลัวมันจะช้ำเอา หึ้ย พี่หมอน่ะพูดแบบนี้แล้วใครจะกล้าไปเจอเล่า
Kanittha: ว่าไงคะ พี่กำลังจะขึ้นไปแล้วนะ
Pie_Phitchaya: เดี๋ยวไปทำให้ค่ะ ไม่อยากผิดคำพูดเดี๋ยวพี่หมอจะว่ารับปากแล้วไม่ทำ (สติกเกอร์ตัวการ์ตูนกอดอกเชิดหน้า)
ฮึ่ย อายก็อาย พี่หมอน่ะพูดอะไรก็ไม่รู้
"เดี๋ยวพายมานะคะพี่ ๆ"
ก่อนจะออกไปก็ไม่ลืมส่งเสียงบอกกับพี่ ๆ ทีมงาน
ผลั้วะ อ่ะ อ้าว!
"ไปไหนคะ?"
นริสนันท์เปิดประตูเข้ามาพอดีกับที่น้องกำลังจะออกไป
"ไปห้องแพนทรี่แป๊บนึงค่ะ"
คำตอบที่ได้ยินทำให้คนเป็นพี่หลุดยิ้มเล็ก ๆ
"เชิญค่ะ นั่นไงคุณหมอมาพอดี ไปทานข้าวที่ไหนมาคะคุณหมอ"
กนิษฐายิ้มให้กับนางเอกสาวและรอยยิ้มก็ยังเผื่อไปหาใครอีกคนที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วย
"ร้านอาหารใกล้ ๆ แถวนี้แหละค่ะ แล้วนี่พากันทานกลางวันเสร็จแล้วเหรอคะ"
"เรียบร้อยกันแล้วค่ะ พี่ทีมงานสั่งจากโรงอาหารมากับข้าวอร่อยดีนะคะ ไปสิพาย เดี๋ยวพี่หมอหมดเวลาพักนะ ตามสบายนะคะคุณหมอ"
กนิษฐาพยักหน้ายิ้มให้ ก่อนจะมองคนน้องที่ไม่พูดไม่จาแต่เดินนำหน้าฉับ ๆไปแล้ว ใบหน้าสวยส่ายเล็ก ๆ ทั้งที่ยังแต้มไปด้วยรอยยิ้ม
พิชญากรหันกลับมามองคนที่เดินตามกันมา
"วันนี้เอาแบบขมหรือกลมกล่อมคะ"
"เอาสูตรเดียวกับแก้วของคุณเมื่อวานค่ะ"
แม้จะแปลกใจ แต่ก็ยอมพยักหน้าหันไปหยิบเอาส่วนผสมที่จะทำโกโก้ปั่นให้คนพี่ที่นั่งเอามือเท้าคางมองเธออยู่
อย่ามายิ้มแบบนี้นะพี่หมอ ได้แต่คิดในใจนั่นแหละ
"ทำงานเหนื่อยมั้ยคะ"
พิชญากรหันมามองคนถามแว๊บนึงก่อนจะส่ายหน้า
"วันนี้ของพายไม่เท่าไหร่ค่ะ แต่พรุ่งนี้งานหนักมีแต่ซีนอารมณ์ล้วน ๆ"
"ซีนอารมณ์ยังไงคะ ฉากเลิฟซีนน่ะเหรอ"
"เลิฟซีนก็ต่างหากค่ะ ซีนอารมณ์หมายถึงบทที่ต้องเค้นอารมณ์ บีบน้ำตาอะไรแบบนี้ต่างหาก"
"อ๋อ นึกว่าฉากเลิฟซีน พี่เพิ่งรู้ว่าเรื่องนี้คุณต้องเล่นบทจูบกับคุณแนนด้วยเหรอคะ"
พิชญากรหันมามองคนเป็นพี่อีกครั้ง แต่คราวนี้ใบหน้าคนถามกลับไม่มีรอยยิ้มให้เห็น นอกจากสีหน้าและแววตาจริงจังที่มองกัน
"ค่ะ ตามบทน่ะ"
"จูบจริง?"
คราวนี้พิชญากรต้องหยุดหันมามองคนถามเต็มตัว ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกเหมือนพี่เขาซีเรียสจังเลย
"ก็ ยังไม่รู้ค่ะ อาจจะใช้มุมกล้องหรือจูบจริงต้องคุยกับพี่หวานอีกที"
"ก็แสดงว่าคุณหวานไม่ได้บังคับ"
พิชญากรส่ายหน้า ไม่เข้าใจว่าพี่หมอจะถามย้ำบทนี้ทำไม เธอก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องจูบกับคนที่นับถือเหมือนพี่สาวอย่างนริสนันท์จริง ๆ หรอก เมื่อพี่เขาเงียบไปเธอจึงหันมากดเครื่องปั่น รอจนมันได้ที่ก็จัดการเทใส่แก้วมาวางให้คุณหมอ
"ขอบคุณค่ะ แล้วของคุณล่ะ"
เมื่อเห็นว่ามีโกโก้ปั่นแค่แก้วเดียวก็สงสัย พิชญากรยิ้มให้ก่อนจะตอบ
"พายแบ่งไปปั่นที่ห้องประชุมดื่มกับพวกพี่ ๆ ทีมงานแล้วค่ะ เมื่อเช้าให้พี่แนนเอาเครื่องปั่นมาจากบ้านด้วย เกรงใจถ้าจะมาใช้ที่นี่หมดเผื่อเจ้าหน้าที่คนอื่นจะใช้"
กนิษฐาฟังเหตุผลแล้วอดยิ้มไม่ได้กับความขี้เกรงใจคิดเล็กคิดน้อยของน้อง แต่ก็ถือเป็นนิสัยที่ดีนั่นแหละ
"เป็นไงคะรสชาติ อย่าบอกว่าขมอีกนะพายเติมน้ำผึ้งช้อนครึ่งแล้ว"
"อร่อยค่ะ"
"ถ้าบอกไม่อร่อยก็จะเลิกทำให้กินแล้วละค่ะ"
คราวนี้คุณหมอหลุดหัวเราะออกมากับคำพูดและใบหน้าสวยที่สะบัดค้อนมาด้วย
"ถ้าคุณไม่อยู่พี่ก็คิดถึงแย่เลยสิคะ แบบนี้ใครจะมาปั่นให้กิน"
โอ้ย พี่หมอน่ะพูดแบบนี้อีกแล้วนะ ไม่คิดว่าเธอจะอายจะเขินบ้างหรือไง
กนิษฐากลั้นยิ้มมองใบหน้าสีชมพูระเรื่ออย่างพอใจ นี่น้องจะรู้ตัวมั้ยว่าโดนเธอจีบอยู่
"ถ้าชอบเดี๋ยวพายจดสูตรให้พี่หมอก็ปั่นทานเองสิคะ ง่าย ๆ"
"แต่มันคงไม่อร่อยเท่าคุณทำหรอกค่ะ"
"พี่หมอน่ะเว่อร์ ทำให้เหมือนที่พายทำมันก็อร่อยเองแหละ หัดทำไว้นะคะ วันดีคืนดีพายจะมาทานฝีมือพี่หมอบ้าง"
"ถ้างั้นพี่จะเริ่มหัดตั้งแต่พรุ่งนี้เลยแล้วกันค่ะ หมดเวลาพักแล้ว ไว้เจอกันมื้อเย็นนะคะ"
"ค่ะ"
ความรู้สึกกรุ่น ๆ ในใจในเวลาเพียงไม่นานที่ได้พูดคุยใกล้ชิดกันมันคืออะไรกันนะ รู้สึกดี อย่างนี้หรือเปล่าที่เขาเรียกกัน
การทำงานช่วงบ่ายของแต่ละคนดำเนินไปจนมืดค่ำเช่นเมื่อวาน กองถ่ายทีมงานก็ได้เวลาแยกย้ายกันกลับบ้านพักผ่อน พิชญากรเดินตามพี่ ๆ ออกมาก่อนที่จะโดนแซวล้อว่านัดดินเนอร์มื้อค่ำกับคุณหมออีกแล้ว เมื่อเธอแยกขอตัวไปอีกทาง ระหว่างทางเดินผ่านเจอคุณหมอเป็นชายสูงวัยกำลังจะกลับคุณหมอส่งยิ้มให้อย่างผู้ใหญ่ใจดี ไถ่ถามเธอเล็กน้อยก็แยกกันไป
ก๊อกๆๆ
"พี่หมอคะ"
"เปิดเข้ามาเลยค่ะพี่ไม่ได้ล็อค"
ประตูห้องทำงานจึงถูกเปิดเข้าไป พี่หมอยังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน แต่ที่ดูแปลกตาไปบ้างก็ตอนนี้มีแว่นสายตากรอบบางสวมใส่ บนโต๊ะยังมีแฟ้มสีดำวางอยู่ด้วย
"ยังทำงานอยู่เหรอคะ"
กนิษฐาระบายยิ้มบางออกมาเมื่อน้องเดินเข้ามาใกล้
"อ่านข้อมูลคนไข้อยู่ค่ะ วันมะรืนพี่มีนัดผ่าตัดเคสน่ะ หิวหรือเปล่า พี่ฝากพี่กุลซื้ออาหารขึ้นมา พี่พยาบาลคนที่คุณเคยฝากแจกันดอกไม้มาให้พี่น่ะ"
"อ๋อ พี่เขาทำงานชั้นนี้เหรอคะ"
พอพี่เขาพูดเรื่องแจกันดอกไม้นั่นก็อดเขินไม่ได้
"ห้องพักอยู่ชั้นนี้ค่ะ ส่วนชั้นทำงานก็จะเวียนไปตามตารางเวรของแต่ละคนน่ะ เดี๋ยวพี่เขาก็ขึ้นมา มานั่งนี่ก่อนค่ะ"
คนเป็นพี่ลุกออกจากโต๊ะเดินนำไปยังโซฟามุมห้อง
"พี่หมอทำงานต่อก็ได้ค่ะ"
"ไม่เป็นไรค่ะพี่แค่ตรวจเช็คประวัติของคนไข้แค่นั้น"
"เขาป่วยเป็นอะไรคะ เอ่อ มันเป็นความลับหรือเปล่า"
คุณหมออมยิ้ม ที่จริงมันก็เป็นความลับของคนไข้นั่นแหล่ะ
"ความลับค่ะ เอาเป็นว่ามีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจก็เลยต้องผ่าตัด"
พิชญากรพยักหน้าเข้าใจ เรื่องโรคภัยไข้เจ็บนี่มันน่ากลัวจริง ๆ ถ้าเลือกได้ขออย่าได้เจ็บป่วยอะไรแบบนี้เลย
"ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ"
"แค่รู้สึกไม่ดีค่ะ กลัว เวลาเห็นคนป่วยหนัก ๆ ที่ต้องมีสายมีท่ออะไรระโยงระยางเต็มไปหมด"
คุณหมอยิ้มอ่อน
"ทำไงได้ละคะ เกิดแก่เจ็บตายเราเลี่ยงไม่ได้ ที่ทำได้ก็คือดูแลตัวเองให้ดี แต่นั่นก็ไม่ได้มีอะไรมาการันตีว่าร่างกายเราจะไม่เจ็บป่วยเลย อวัยวะในร่างกายมันก็เหมือนอะไหล่เครื่องจักรเมื่อใช้งานมันไปนาน ๆ มันย่อมสึกหรอเป็นธรรมดาค่ะ"
คำอธิบายที่เป็นสัจธรรมของชีวิต แม้จะรู้ แต่ก็กลัวอยู่ดี ไม่ใช่กลัวความตายเพราะรู้ว่ายังไงทุกคนก็ต้องตาย แต่เธอกลัวความเจ็บปวดทรมานก่อนตายมากกว่า ถ้ารู้ว่าตัวเองจะตายแบบไหนก็คงดีจะได้ทำใจ เฮ้อ แล้วเธอจะมาเครียดทำไมละเนี่ย
"อ้าว ถอนหายใจใหญ่เลย"
กนิษฐาอดเย้าไม่ได้ ดูหน้าตาน้องก็ยับยุ่งไปหมดแล้ว
"ก็มันหดหู่นี่คะ พี่หมอคงจะชินแล้วใช่มั้ย"
"ไม่ได้ชินหรอกค่ะ แต่เรียกว่าปลงได้มากขึ้นจะถูกกว่า"
"เปลี่ยนเรื่องดีกว่าค่ะ จริงสิ ตอนนี้พี่หมอน่ะดังแล้วนะคะ ในเพจละครมีแต่คนพูดถึงเยอะแยะเลย"
"หืม แล้วพวกเขารู้จักพี่ได้ยังไงคะ ละครยังไม่ออกอากาศไม่ใช่เหรอ?"
พิชญากรหัวเราะก่อนจะเอามือถือตัวเองมาเปิด แล้วเลื่อนไปหาต้นตอของรูป
"นี่ค่ะ เมื่อวานพี่หวานโพสต์รูปนี้ลง"
กนิษฐาหยิบไปดู รูปที่ว่าก็คือตอนที่เธอกำลังยืนอยู่หน้าเตียงคนไข้หันหน้ามาคุยกับนริสนันท์นั่นเอง สายตาคุณหมอกวาดลงอ่านคอมเมนต์ต่าง ๆ ที่มีคนพิมพ์ตอบโต้ทั้งถามตอบกันไปมาเยอะพอสมควร เรียวปากระบายยิ้มเล็กน้อยก่อนจะคืนมือถือให้เจ้าของ
"ตกลงเป็นขวัญใจนักศึกษาแพทย์ใช่มั้ยคะ เห็นมีเข้ามากดไลค์กันตั้งหลายคน"
คุณหมอยิ้มขำพลางส่ายหัว
"น้อง ๆ เขาก็แซวกันไป เพราะพี่อาจจะอายุน้อยกว่าอาจารย์ท่านอื่นละมั้ง"
ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขัดขึ้นมา
กนิษฐาจึงลุกเดินไปเปิดดู ก็เป็นรุ่นพี่พยาบาลที่นำอาหารมาส่งนั่นเอง ประตูห้องที่เปิดกว้างทำให้มองเห็น ว่ามีสาวสวยอีกคนอยู่ในนั้นด้วย
"สวัสดีค่ะพี่"
พิชญากรลุกเดินยิ้มออกมาทักทายด้วยอย่างไม่ถือตัว
"สวัสดีค่ะคุณพาย ตามสบายนะคะพี่ขอตัวไปทำงานก่อน"
กุลนารีเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม ไม่อยากอยู่เป็น กขค.หรอก เพราะเธอก็แอบเชียร์สองคนนี้อยู่เหมือนกัน
"ขอบคุณนะพี่กุล"
เมื่อกุลนารีแยกไปคุณหมอจึงหันมาชวนคนที่ยืนข้าง ๆ พร้อมทั้งโชว์อาหารมื้อเย็นแบบง่าย ๆ เพราะมันมีเพียงสลัดผลไม้รวมสองชุดและส้มเขียวหวานถุงใหญ่ นอกนั้นยังมีน้ำส้มคั้นอีกสองขวด
"จะทานในนี้ก็ได้นะคะ"
"จะไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นเหรอคะ"
"ไม่หรอกอาหารไม่ได้มีกลิ่นเหม็นสักหน่อยค่ะ"
กนิษฐาปิดประตูห้องแล้วกลับมานั่งลงที่โซฟา จัดการแกะกล่องสลัดให้น้องที่ตามมานั่งไม่ไกล
"หูยทำไมมันเยอะจังพี่หมอ กินสองคนยังได้เลย จะกินหมดหรือเปล่าเนี่ย"
กนิษฐาฟังแล้วอมยิ้ม ไม่เยอะได้ไงก็เธอสั่งพิเศษมา
"ร้านอาหารในนี้เขาสมัครเข้ามาขายหรือมีคนไปแนะนำมาคะ"
"ก็มีทั้งสมัครผ่านเข้ามากับเขาแนะนำกันมาค่ะ แต่ทุกร้านจะมีการประเมินจากคนที่ใช้บริการ ว่ามีปัญหาเรื่องความสะอาดหรือเปล่า เพราะที่นี่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลก็ทานกันเป็นหลัก เกิดอาหารไม่ได้มาตรฐานกินแล้วท้องไส้มีปัญหาก็แย่ ไหนจะญาติคนไข้อีกก็เลยต้องมีการตรวจสอบความสะอาดกันอย่างเข้มงวดค่ะ ส่วนเรื่องรสชาติถ้ามีคนเขียนให้คะแนนติดลบก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน เพราะถึงอยู่เขาก็ขายไม่ได้อยู่ดีในเมื่อของไม่อร่อยใครจะอยากทานว่ามั้ย"
พิชญากรพยักหน้า มิน่าล่ะรสชาติถึงอร่อยหลายอย่างเลย
"พี่หมอ ถามเรื่องส่วนตัวได้มั้ยคะ"
จู่ ๆ คนเป็นน้องก็เอ่ยขึ้นมา กนิษฐาเผยยิ้มให้แล้วพยักหน้า
"เรื่องไหนละคะ"
ถ้าไม่ใช่เรื่องของคนไข้เธอก็ตอบคนตรงหน้าได้หมดนั่นแหละ
"เคยมีคนไข้จีบพี่หมอมั้ย แล้วก็ พี่หมอเคยจีบคนไข้หรือเปล่า"
กนิษฐาถึงกับหลุดขำกับคำถาม
"เอาคำถามแรกก่อนนะคะ ก็มีแบบพูดแซวบ้าง เพราะคนไข้กับหมอไม่ได้เจอกันนานหรอกค่ะ พอเขาหายดีออกจากโรงพยาบาลไปก็จบแค่นั้น ส่วนพี่ไม่เคยจีบคนไข้ค่ะ แต่คนที่พี่เคยคบเขาเป็นญาติคนไข้น่ะ"
พิชญากรเงยหน้ามองก็เห็นพี่เขายังคงมีรอยยิ้มมุมปากอยู่
"แล้ว ทำไมถึง?"
"ทำไมเลิกกันเหรอคะ"
คนเป็นน้องพยักหน้า
"ถ้าพี่หมอลำบากใจไม่ต้องพูดก็ได้ค่ะ พายแค่ถามเฉย ๆ"
อดีตก็คืออดีตแต่ใจจริงเธอก็อยากรู้ขนาดคนที่โปรไฟล์ดีแบบพี่หมอ ก็ยังผิดหวังเรื่องความรักเลย
"ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าคุณอยากรู้พี่ก็เล่าได้จะว่าไปมันก็แปลกดีนะคะ ตอนที่เลิกกันใหม่ ๆ พี่ก็อาการแย่พอสมควร หมายถึงจิตใจนะ แต่พอเวลานานไปทำให้เรามองย้อนกลับไปดูถึงได้รู้ว่า สิ่งที่ใคร ๆพูดว่าเวลาเรารักหรือหลงใครสักคนเราก็มักจะเชื่อใจไว้ใจเขาชนิดปิดหูปิดตามองไม่เห็นสิ่งที่ผิด หรือรู้แต่ก็ยอมให้มันเป็นไปเพราะไม่อยากให้ความสัมพันธ์มีปัญหา เรียกว่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัวก็คงไม่ผิดกับคำนี้เท่าไหร"
"ขนาดนั้นเลยเหรอคะ"
กนิษฐาพยักหน้าพลางยิ้มก่อนจะพูดต่อ
"พี่เจอเขาตอนที่เรียนแพทย์ปีหก ตอนนั้นก็ต้องเริ่มเข้าเวรกันแล้ว เขามาเฝ้าแม่ที่ป่วยเป็นเบาหวานจนเกือบจะต้องตัดขาทิ้ง แต่หมอที่นี่เขาก็รักษาได้ด้วยการเอาเนื้อส่วนที่มีปัญหาออกและค่อยรักษามาเรื่อยก็อยู่โรงพยาบาลเกือบเดือนเหมือนกัน ตอนนั้นเขาเรียนมหาลัยปีสองแล้วเขาทำงานเป็นพริตตี้ด้วยมั้ง ก็พอจะมีรายได้บ้าง
ส่วนฐานะทางบ้านเขาก็ทำมาหากินปกติไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร ตรงนั้นพี่ไม่ได้มองว่าเป็นปัญหาหรอก คนเราถึงจะรวยจนขอแค่ขยันทำมาหากินในอาชีพสุจริตไม่เบียดเบียนใครมันก็โอเคแล้ว เรามีโอกาสได้คุยกันก็ตอนเขามานอนเฝ้าไข้แม่เขาทุกคืน พี่ก็ชื่นชมนะที่เขาเป็นคนขยันกลางวันไปเรียนพอเลิกเรียนมีงานเขาก็ไปรับงาน บางทีมาถึงโรงพยาบาลตีหนึ่งตีสอง"