“สงสัยจะดื่มจนเมานะ ถึงได้แยกไม่ออกว่าเล่นตัวกับไม่ยอม มันต่างกัน”
“อย่ามาเล่นลิ้น เธออายุยี่สิบหกแล้ว ไม่ใช่เด็กมัธยม”
เขาประชด ไม่เชื่อว่าผู้หญิงอย่างมาลุลีจะไม่เคยทำเรื่องอย่างว่ามาก่อน หล่อนไม่ได้อยู่ในสายตามารดาเขาตลอดเวลา ต้องมีนอกลู่นอกทางบ้างล่ะ
“ใครจะไปเหมือนคุณเก้าละคะ เพิ่งสามสิบสองแต่มีลูกอายุสิบขวบเข้าไปแล้ว นี่ยังไม่รู้เลยนะว่าไปไข่ทิ้งไว้ที่ไหนอีก สงสารคุณท่านจริงๆ ที่ต้องมารับรู้เรื่องความมักมากของลูกชาย” โต้คืนด้วยความจริงที่ทำเอาคนฟังกัดฟันกรอดๆ
“เธอกำลังจะทำให้ฉันโกรธจริงๆ แล้วนะลุลี”
เขาข่มใจไม่บีบมือที่วางอยู่บนต้นแขนหล่อน เพราะหากลงแรงมากกว่านี้ ท่อนแขนหล่อนคงหักเอาง่ายๆ
“หรือไม่จริงคะ คุณท่านอายุมากแล้ว แทนที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจะทำให้ท่านภูมิใจ แต่ต้องมารู้ว่าเขาไปแอบมีลูก ถามจริงๆ เถอะ ไม่สงสารแม่ตัวเองบ้างหรือคะ”
“นั่น...ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” พูดจบก็ลากหญิงสาวไปโยนโครมลงบนเตียง แน่นอนว่ามาลุลีแทบกรี๊ด หล่อนมองเขาตาขวาง คงมีหลายส่วนที่เจ็บปวดเพราะคิ้วมนๆ นั่นขมวดเข้าหากันจนแน่น
“ป่าเถื่อน!”
“ฉันเถื่อนได้มากกว่านี้กับคนที่พูดไม่รู้เรื่อง” เขาว่าแล้วปีนขึ้นเตียง คร่อมร่างหล่อนไว้ จับข้อมือน้อยกดจมฟูกหนา
“จะทำแบบนี้จริงๆ หรือคะ”
“ใช่! ฉันพูดดีๆ แล้วเธอไม่ฟังก็ต้องใช้กำลังกันล่ะ เธอน่ะ...ถนัดแต่เรื่องที่ทำให้ฉันโมโห”
“ถ้าใช้กำลังลุลีก็คงสู้ไม่ได้ เอาสิคะ เอาเลย ข่มขืนลุลีเลยสิ!” เธอท้าทายอยู่ใต้ร่างหนา หยดน้ำตาที่อยากรินไหล สะกดมันไว้มิให้ไหลออกมา
“หึๆๆ”
เสียงหัวเราะเย็นเยือกนั้นมาลุลีไม่คาดว่าจะได้ยิน เขายิ้มทั้งที่กำลังโกรธ เป็นยิ้มน่ากลัวที่เธอไม่เคยเห็น เธอ...ที่บังอาจไปแตะต้องอดีตของเขา คงถูกหมายหัวตั้งแต่วินาทีนี้
“ไม่จริงหรือคะ ถ้าใช้กำลังกับคนที่ไม่ยอม ก็เรียกว่าข่มขืน”
โกมินทร์กวาดตามองผิวขาวๆ ของคนใต้ร่าง ก่อนจะโน้มกายลงไปทาบทับหล่อนไว้ เขาลากไล้ปลายจมูกลงกับพวงแก้มสวยช้าๆ มาลุลีหลับตาปี๋ เม้มปากจนแน่น มือของหล่อนสั่นระริก หัวใจหล่อนเต้นแรงจนเขารับรู้ได้ มันเต้นแรงจนกระทบอกเขาอยู่ตึกๆ
“เธอแต่งงานเพราะอะไรลุลี”
มาลุลีลืมตาขึ้นมาเมื่อเขาถาม ร่างหนาทาบทับเธอไว้จนแทบหายใจไม่ออก “รู้อยู่แล้วนี่คะ”
“แต่ฉันอยากได้ยินชัดๆ” เขาจ้องตาหล่อนยามเอ่ย แรงที่ใช้กดข้อมือน้อย ผ่อนลงจนเกือบสิ้น
หญิงสาวรับรู้ถึงการถดถอยของการคุกคาม ยามเมื่อเขาพูดดีๆ เธอก็จะตอบดีๆ
“เพราะ...คุณท่านค่ะ”
“นั่นสิ เพราะแม่ฉันไง แล้วเธอ...จะทำแบบนี้จริงเหรอ จะเป็นศัตรูกับสามีตัวเองทุกคืนเลยเหรอ ถ้าตัดสินใจทำตามที่แม่ฉันขอร้อง แล้วเธอจะผลักไสฉันทำไม”
หญิงสาวผลักเขาออกแล้วลุกขึ้นนั่ง ดวงตาหลุบต่ำไม่มองสามี ที่เขาพูดมาก็ไม่ผิด แต่ว่า...
“ทุกคนย่อมมีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้น คุณเก้าที่ยอมแต่งงานง่ายๆ ก็เพราะอยากรับลูกสาวมาอยู่ด้วยกันไม่ใช่หรือคะ”
“นั่นสิ เราต่างก็ทำเพื่อเหตุผลของตัวเองทั้งนั้น แล้วทำไมเราไม่ทำให้เรื่องมันง่ายกว่านี้ล่ะ ฉันไม่ใช่คนที่จะหักหลังภรรยาไปมีผู้หญิงคนอื่นหรอกนะ ถึงแม้ว่าเธอจะเข้าอกเข้าใจฉันก็ตาม”
“คุณเก้ามั่นใจแค่ไหนว่าตลอดระยะเวลาที่เราแต่งงานกัน คุณ...จะไม่มีคนอื่น”
“สัญญาด้วยเกียรติของฉัน จนกว่าจะถึงวันที่เราหย่ากัน ฉันจะมีแค่เธอ”
ช่างเป็นคำสัญญาที่น่าหัวเราะนัก คำสัญญาเหมือนหนามกุหลาบที่กำลังรัดรอบหัวใจของเธอ สวยงามหอมหวาน แต่ช่างเจ็บปวดทรมานเหลือเกิน
“เชื่อได้หรือคะ ในเมื่อคุณเก้าไม่ได้รักลุลีสักนิด”
เจ้าบ่าวลุกมานั่งบ้าง เหนื่อยใจกับเจ้าสาวเรื่องมากเหลือเกิน
“แล้วเธอรักฉันหรือไง เฮ้อ...พูดมากน่ารำคาญจริง มานี่!”
หวืด...
มาลุลีตาเบิกโตเมื่อถูกผลักลงนอนบนเตียงอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีเวลาให้เธอได้โต้เถียง เพราะเพียงแค่อ้าปากจะส่งเสียงร้อง ลิ้นอุ่นๆ ของโกมินทร์ก็รุกรานเข้ามา เขาจูบเธอแรงๆ จูบเน้นๆ จูบจนเธอแทบอ่อนระทวย ร่างกายยังขยับดิ้น สองขายังถีบฟูกนอนไปมาหาทางรอด แต่ไม่...เธอไม่รอดหรอก ในตอนที่กระโปรงชุดเจ้าสาวถูกเลิกขึ้นมาถึงขาอ่อน เธอก็รู้แล้วว่าไม่อาจดิ้นหนีชะตาที่เธอเลือกเอง ใช่...เธอกำลังจะเป็นของเขาแล้ว ทั้งตัวและหัวใจ!
“อื้อ...”
มาลุลียังร้องอู้อี้ แต่โกมินทร์หาได้ใส่ใจ เขามีวิธีหลอกล่อให้หล่อนคล้อยตาม ตราบใดที่ยังได้คร่อมร่างนี้ ได้จุมพิตริมฝีปากนี้ อีกไม่กี่นาทีมาลุลีจะยินยอมพร้อมใจ เขารู้ดีว่าควรแตะต้องสตรีที่ตรงไหน หล่อนถึงจะโอนอ่อนผ่อนตาม