“อย่าล้อเล่นสิคะ ลุลีไม่ตลก”
“ฉันเปล่าล้อเล่น”
เขาเอ่ยนิ่งๆ ดึงมือที่กอดชุดเอาไว้แน่นให้หลุดเสียข้างหนึ่ง
มาลุลีใจหาย รีบโอบอุ้มเอาพุ่มทรวงที่ไร้บราให้มิดชิดจากสายตาเขา
“แต่เราทำสัญญากันแล้ว เราจะหย่ากันเมื่อถึงเวลา และลุลีคิดว่าการทำเรื่องแบบนี้มันคง...ไม่ดีนัก” เธอหาทางเอาตัวรอด
ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูง แขนแข็งแรงรวบเอวบางเข้ามาใกล้ มาลุลีผวาเฮือก มองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา นี่โกมินทร์แน่หรือ ผู้ชายที่ไม่เคยชายตามองเธอแน่หรือ
“เคยทำแล้วหรือถึงรู้ว่าไม่ดี ลองทำกับฉันสิ ฉันว่า...มันต้องดีแน่”
“มะ...ไม่ ไม่เด็ดขาด นี่ไม่ใช่แบบที่ลุลีคิดไว้”
“แต่ฉันคิด” เขายืนยันเสียงหนักแน่น “ฉันเป็นนักธุรกิจ เมื่อลงทุนฉันย่อมต้องการกำไร ถึงแม้ว่าเราจะมีสัญญาต่อกัน แต่สัญญานั้นจะมีผลก็ต่อเมื่อแม่ของฉันไม่อยู่แล้ว และใช่...ฉันภาวนาทุกวินาทีให้ท่านอยู่กับฉันไปสักร้อยปี แล้วยังไงล่ะลุลี ชีวิตที่เหลือของฉันต่อจากนี้ ต้องเหี่ยวแห้งรอวันเฉาตายงั้นหรือ”
มาลุลีส่ายหน้าระรัว ไม่ได้นะ อย่างนี้เอาเปรียบเธอเกินไป เขาไม่ได้รักเธอสักนิด
“คุณเก้าจะโกงลุลีหรือคะ”
“เรื่องนั้นฉันจะตอบหลังจาก...ได้จูบเธอ”
“คะ? อื้อ...”
หญิงสาววัยยี่สิบหกฤาจะทันเล่ห์เหลี่ยมชายวัยสามสิบสอง ในตอนที่มาลุลีมัวแต่ตกตะลึง ริมฝีปากของเธอก็ถูกจ้วงจุมพิต เขาดันร่างเธอติดกับตู้เสื้อผ้า ดึงมือเธอออกจากการปกปิดพุ่มทรวง ชุดเจ้าสาวที่สวมร่นลงมาถึงสะเอว อกอวบที่เคยถูกหุ้มห่อ เด้งออกมาสัมผัสหน้าอกเขา เหมือนเจลลี่หนุ่มหยุ่นที่กำลังถูกกดทับจากแผ่นอกชาย
เขาจ้วงจูบลงมารุนแรง จูบเอา...จูบเอา ราวกับอดอยากนักหนา ราวกับกลัวว่าเมื่อถอนจูบออกไปจะมิได้จูบเธออีก หัวใจเธอเต้นแรง แรงมาก เส้นขนบนร่างลุกซู่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แน่ล่ะ นี่ครั้งแรกนะ ครั้งแรกที่มีผู้ชายเข้าใกล้เธอได้ขนาดนี้!
“ชื่นใจที่สุด...ลุลี ตัวเธอหอมเหมือนดอกมะลิเลย”
มาลุลีสั่นศีรษะแรงๆ เสียงเขาดังอยู่ข้างหู ในขณะที่ริมฝีปากเคลื่อนลงไปสูดดมลาดไหล่เปลือยของเธอ เขาทั้งจูบ ทั้งดูดดึงและขบเม้ม ให้ตายเถอะ ทำไมโกมินทร์ถึงได้หื่นขนาดนี้!
“พะ...พอ...พอนะคุณเก้า ปล่อยลุลี...อย่าทำแบบนี้ อย่า!”
“ชู่ว์...”
นั่นคือคำตอบของคนที่ซุกจมูกอยู่กับซอกคอของเธอ เขาเป็นเด็กหรือ ทำไมพูดจาไม่รู้เรื่อง ก็ไม่ยอมไง ไม่ยอม! ไม่อยากให้มากอดมาจูบ ทำไมไม่ฟังวะ!!
งั่ม!!!
“อ๊ากกก!!!” เสียงร้องของเจ้าบ่าวดังขึ้นในห้องหอ สองมือผลักร่างเจ้าสาวออกห่าง มาลุลีกัดเขา ใช่! หล่อนกัด!
เจ้าสาวของโกมินทร์รีบดึงชุดขึ้นมาปกปิดพุ่มทรวง สองตายังจ้องอยู่ที่เขา บ่าขาวๆ นั่นขึ้นรอยฟันชัดเจน นึกขอบคุณตัวเองนักที่รักษาฟันให้สะอาดแข็งแรงอยู่เสมอ อย่างน้อยวันนี้ก็ช่วยให้เธอเอาคืนเจ้าบ่าวจอมหื่นได้บ้าง
“ทำบ้าอะไรฮะ!”
เขาเค้นเสียงออกมา แต่ไม่ดังเท่ากับเสียงร้องเมื่อครู่ มันเจ็บนะ ดูจากเลือดที่ซึมออกมานี่อย่างไร
“ก็พูดไม่ฟังนี่ บอกว่าอย่าๆๆ หูหนวกหรือไง!”
“ลุลี!”
หญิงสาวเชิดหน้าใส่เสียงอันดังที่กำลังขานชื่อเธอ เขาเป็นเจ้านายเธอรู้ แต่ตอนนี้เลื่อนมาเป็นสามีแล้วนี่ไง คนเป็นสามีภรรยากันก็ควรรับฟังซึ่งกันและกันสิ เธอยังไม่พร้อม เขาจะบังคับได้อย่างไร
โกมินทร์มองคนที่เชิดหน้าท้าทาย อะไรของหล่อนอีกล่ะ นี่งานแต่งงานเขานะ เขาแตะต้องเจ้าสาวไม่ได้เลยหรือ หล่อนพูดจริงหรืออย่างไรที่คิดว่าเขาจะไม่มีวันแตะต้อง เขาต้องอยู่กับหล่อนไปอีกหลายปี ถ้าไม่แตะหล่อน จะให้เขาไปแตะใคร!
“เธอกวนประสาทฉันเหรอ”
“นี่เรียกว่ากวนหรือคะ ถ้าไม่เกรงใจว่าเป็นลูกคุณท่านละก็ จะกัดให้เนื้อขาดเลย” เธอยืนยัน ใจสั่นระรัวแต่แสร้งทำเป็นเข้มแข็ง สองมือโอบอุ้มทรวงอวบเอาไว้แน่นหนึบ เพราะหากไม่ทำเช่นนั้น อีกฝ่ายคงได้เห็นมือสั่นๆ ของเธอ
โกมินทร์สูบลมหายใจเข้าลึก พยายามไม่ใส่ใจกับความเจ็บที่บ่าขวา เขาจ้องหล่อนเนิ่นนาน สมองขบคิดอย่างหนักว่าจะทำอย่างไรกับแม่ตัวร้ายดี
“ฉันเหนื่อย ฉันไม่มีเวลามากนัก เรามาทำให้มันจบๆ ไป อย่าเล่นตัวเลย ขอร้องล่ะ” เขาพูดกับหล่อนดีๆ แต่อีกฝ่ายถลึงตาใส่
“เล่นตัวบ้าบออะไรล่ะ คนไม่ยอมยังจะมาบังคับอยู่ได้”
“นั่นแหละ เล่นตัว อย่ามาทำเรื่องมาก นี่มันสมัยไหนแล้ว จะให้ฉันเชื่อหรือไงว่าเธอยังไม่เคย”
“คุณเก้า!?”
โกมินทร์กัดฟันแรงๆ ก้าวเข้าไปหามาลุลีอีกครั้ง หล่อนมัวแต่ห่วงชุดที่สวม เลยถูกกอดแรงๆ
“เจ็บนะ!”
“ก็บอกแล้วว่าอย่าเล่นตัว ทำตัวให้มันน่ารักๆ เหมือนตอนอยู่กับแม่ฉันสิ”
“ก็คุณเก้าไม่ใช่คุณท่านนี่คะ คุณท่านไม่เคยทำให้ลุลีเจ็บตัวด้วย”
“ก็เธอดีดดิ้นทำไม ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ชอบความตื่นเต้นอะไรทั้งนั้น ก็แค่อยากทำอะไรๆ ให้มันสมบูรณ์ในวันแต่งงานเข้าหอเท่านั้นเอง”