ตอนที่ 8 ขยันจนถูกใจว่าที่แม่ย่า

1935 คำ
ตอนที่ 8 ขยันจนถูกใจว่าที่แม่ย่า “แม่! หนูบอกแล้วไงว่าอย่ายกกระถางที่มีน้ำอยู่ให้เทออกก่อนไงคะ” คนที่พึ่งมาถึงหน้าแผงลอยร้านดอกไม้ของผู้เป็นแม่เหวี่ยงกระเป๋าไปด้านหลังก่อนจะรีบสาวเท้าไปยกกระถางดอกไม้ช่วยแม่ “อ้าว มีน้ำหรอกเรอะ แม่ลืมดูน่ะ” นางบุญมีกลั้วหัวเราะเล็กน้อยเพราะมักจะถูกลูกสาวหรือลูกชายดุเรื่องแอบยกของหนักบ่อย ๆ ก็กว่าจะเทน้ำออกมันช้าไม่ทันใจ ไม่คิดว่าลูกสาวจะโผล่มาจังหวะที่ตัวเองมักง่าย อาหลีส่ายหน้าไปมาพยุงแม่ไปนั่งที่เก้าอี้ เธอไม่อยากบ่นแต่มันก็อดไม่ได้จริง ๆ แม่ชอบแอบทำงานหนักทั้งที่เธอกับพี่ชายคอยดุอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่เป็นผล “นั่งเลยค่ะ เดี๋ยวอาหลีจัดหน้าร้านให้เอง” “แม่หายแล้ว” “ไม่ค่ะ” “เด็กดื้อ” บุญมีส่ายหัวให้ลูกสาว “ดื้อเหมือนใครแม่ก็น่าจะรู้นะ” จ้องแม่เขม็งก่อนจะโน้มตัวไปกอดเติมพลังในวันใหม่ ทุกเช้าก่อนเข้าร้านในเวลาตีสี่ เธอจะแวะมาจัดหน้าร้านให้แม่ก่อนทุกครั้ง เมื่อปีก่อนแม่ตรวจพบเนื้องอกและได้ทำการผ่าตัดแม้ผลออกมาว่าจะเป็นมะเร็งรังไข่แต่แม่กลับไม่มีท่าทีเสียใจ ยังใช้ชีวิตตามปกติขายของเหมือนเดิม เธอกับพี่ชายจะกล้าเศร้าได้ยังไง เพราะการผ่าตัดพึ่งผ่านได้ไม่นานเลยไม่อยากให้แม่ยกของหนัก กลัวจะกระทบกับแผลไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เธอกับพี่ชายเลยคอยช่วยอยู่ตลอด ความจริงไม่อยากให้แม่มาขายของที่ตลาดเลยแต่ก็อย่างว่าคนแก่อยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้ ตอนบอกให้เลิกขายน้ำตาแม่นี่ซึมกลั้นไม่ไหวจนร่วงเผาะออกมา ลูกทั้งสองจะทนไหวเหรอ “มีอะไรเหรอไอ้หลี ทำไมหน้าหงิกแบบนั้น” เมื่อเห็นพี่ชายเดินกลับมาพร้อมกาแฟถุง ผู้เป็นน้องปั้นหน้านิ่งชี้ไปทางที่แม่นั่งอยู่ทันที “แม่แอบยกของหนักลับหลังผมเหรอ!” “ไม่ทำแล้ว โอเคไหมแม่ไม่ทำแล้วค่ะ” “ให้แน่นะ” “แน่สิ” “ถ้าหนูมาเจออีกจะจ้างคนมาเฝ้าแม่จริง ๆ ด้วย” “ได้ แม่จะกะเวลาให้ดีเอง” “แม่อะ” “ล้อเล่นน่า รีบจัดของจะได้แยกย้ายกันไปทำงาน” นางบุญมีกลั้วหัวเราะบ้าง อาหลีพยักหน้าก่อนจะลงมือจัดของตามล็อก จัดจนชินหลับตายังจัดถูกเหมือนเมื่อวานยังได้ไม่ได้โม้ ร้านขายดอกไม้ของแม่จะอยู่ในตลาดเป็นดอกไม้พันธุ์นิยมในไทยทั่วไป ดาวเรือง มะลิ ดอกไม้ไทยที่นำมาทำเป็นพวงมาลัย หรือส่งขายได้ และดอกไม้อื่น ๆ อีกมากมาย “คุณนายดูอะไรอยู่คะ อ้อเห็นหยุดยืนอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้ว” อ้อ คือสาวใช้ในบ้านใหญ่วันนี้คุณนายพิมพ์พรให้พามาจ่ายตลาดตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ “น่ารักเนาะ” สายตาเพ่งมองไปยังครอบครัวหนึ่ง เธอได้ยินทุกคำพูดตั้งแต่แม่ค้าหลังแผงลอยยกกระถางดอกไม้นั่นแหละ “สวยไม่พอขยันสุด ๆ เลยค่ะ” “สเปกตาลมเลย” “คุณลมชอบผู้หญิงหวานซ่อนเปรี้ยวแบบนี้เหรอคะ?” ผู้หญิงที่ชื่นชอบดอกไม้แต่ก็สามารถยกกระถางดอกไม้ใหญ่ ๆ ได้ในเวลาเดียวกัน ดูละเมียดละไมแต่ก็บึกบึนใช้ได้ “เชื่อฉันสิแม่อ้อ ฉันเป็นแม่เขานะ” คุณนายพิมพ์พรยิ้มกริ่ม ยอมรับว่าครอบครัวตรงหน้าดึงดูดสายตาจนไม่อยากมองหนีไปที่อื่นเลย “แล้วคือถูกใจเหรอคะ?” “ก็ถูกใจนะ แต่งงานแล้วหรือยัง” “อ้อ จัดให้ค่ะคุณนาย” “ทันทีเลยนะแม่อ้อ” คุณนายพิมพ์พรส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย ได้ยินว่าแม่อ้อจะไปสืบเสาะมาให้ก็ภาวนาให้เจ้าของร้านดอกไม้ยังไม่มีพันธะใด ๆ เอาตรง ๆ คืออยากแนะนำให้ลูกชายรู้จัก หลังจากนั้นก็เลือกซื้อวัตถุดิบกลับบ้าน ก่อนจะเดินออกจากตลาดไปก็ไม่วายหันไปมองแผงลอยร้านดอกไม้อีกครั้ง “แม่อ้อ ไปซื้อดอกบัวขาวกับดอกมะลิไปไหว้พระหน่อยสิ วันนี้วันพระไม่ใช่เรอะ” “ได้ค่ะคุณนาย รอสักครู่นะคะ” “อ๊ะ ๆ” พิมพ์พรดึงสาบเสื้อของแม่บ้านไว้ก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ไปร้านนู้นจ๊ะ ร้านนู้น” “อ้อ! คุณนายก็ไม่บอก” หลังจากจัดร้านให้แม่เสร็จแล้วสองพี่น้องก็แยกย้ายกันไปทำงาน พี่ไปทางน้องไปทางนางบุญมีเห็นจนชินตาแล้ว มองแล้วก็อดสงสารลูกไม่ได้จากที่เคยเลี้ยงลูกอย่างคุณหนูมาตั้ง 15 ปี แต่กลับเคราะห์ร้ายพ่อของพวกเขาดันเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต บริษัทที่เคยมั่งคั่งก็เจ๊งไม่เป็นท่า แล้วเธอยังไม่คิดว่าจะเลือกสามีคนที่สองได้บัดซบจนตอนนี้ลูกทั้งสองทำงานไม่ได้พัก ความผิดคนเป็นแม่อย่างเธอทั้งนั้น ได้แต่คิดแล้วก็สงสารลูก อาหลีจากเด็กที่เคยสดใส ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับเธอเมื่อห้าปีก่อน นับตั้งแต่อายุ 26 มาลูกสาวตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างเดียว ไม่เปิดใจให้ใครหน้าไหนที่เข้ามาจีบมันเป็นอย่างนั้นมาตลอดห้าปีมานี้ ถ้าให้เดาคงเพราะผู้ชายหน้าตาดีคนนั้นแน่ ๆ “สวัสดีครับคุณเวหา” อัครเดชเอ่ยทักทายเจ้านายอีกคน มองดูหน่วยก้านแล้วเอาเรื่องตั้งแต่สายตาติดดุ ให้ความรู้สึกว่าเป็นหลานชายของพ่อเลี้ยงเหมทัชจริง ๆ “สวัสดีครับคุณผู้จัดการไร่” เวหาเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับยื่นมือไปข้างหน้า เป็นการทักทายในแบบลูกผู้ชายไม่ต้องพิธีรีตองมากมาย “ตอนนี้ไร่ของเรากำลังเพาะชำต้นกล้าอยู่ครับ นอกจากนี้ทางสวนส้มกำลังอยู่ในขั้นตอนการเก็บผลผลิต พืชผักต่าง ๆ อยู่ในคิวการเก็บตามรอบครับ” อัครเดชอธิบาย ในเมื่อคนตรงหน้าจะเข้ามาดูแลในส่วนของไร่เติมรักเขาจึงต้องอธิบายในส่วนนี้ให้รู้ด้วย มันเป็นหน้าที่ของเขา “ส่วนโรงหมักปุ๋ยกำลังเตรียมการหมักอยู่ครับ” “ส้มส่วนมากขายให้โรงงานเราใช่ไหมครับ?” “ใช่ครับ ส่วนมากอยู่ที่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นให้โรงงานหมดเลยครับ และส่วนสามสิบเปอร์เซ็นเรากำลังเริ่มทำตลาดกับพ่อค้าคนกลาง” พ่อของเขานั้นดูแลในส่วนโรงงานผลิตน้ำส้มออกตลาดกว้าง ส้มที่ผลิตก็มาจากไร่เติมรัก ยังรวมไปถึงองุ่น สตอว์เบอร์รี่ นี่คือผลิตภัณฑ์หลักของโรงงาน เราปลูกส้มส่งให้โรงงานเป็นส่วนมาก พอปีนี้มาส้มให้ผลผลิตไม่ดีโรงงานก็มีส่วนเสียหายอยู่มากเหมือนกัน เพราะทำงานเชื่อมโยงกันแบบนี้ไง “ผมจะเข้าไปดูในส่วนของไร่ส้มก่อนนะครับ” “ครับ” อัครเดชยังไม่วางใจ แค่เห็นหน่วยก้านดีไม่ได้แปลว่าทำงานดี ทำงานดีก็ไม่ได้แปลว่าทำงานเป็น พ่อเลี้ยงคนใหม่ของไร่เติมรักเขาต้องรอดูยาว ๆ “ไม่จริง” “อะไรที่ว่าไม่จริงครับ?” ตรีตินเดินเข้ามาใกล้ผู้เป็นนาย หลังจากเจ้านายขับรถวนดูผลผลิตไร่ส้มอยู่ห้ารอบได้กว่าจะยอมจอดรถทำเอาเขาแทบอ้วกเพราะวินไปหมดแล้ว “มึงมองสิ ผลผลิตน้อยเหรอ?” ชี้เข้าไปยังสวน ตอนนี้มีคนงานกำลังช่วยกันเก็บอยู่ “ถ้าแบบนี้น้อย เยอะกว่านี้ก็กิ่งก้านหักพอดีครับ” ตรีตินตอบออกไปตามความจริง เพราะมองยังไงผลผลิตที่เห็นอยู่ตรงหน้าคำว่า ‘น้อย’ ใช้ไม่ได้ “ฉันพอจะเข้าใจแล้ว” ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น “เข้าใจอะไรครับ?” “มึง ไปสืบมาว่าพ่อเลี้ยงเหมราชสนิทกับใครเป็นพิเศษ แบบคนที่ติดต่อกับพวกพ่อค้าได้อะไรเถือกนั้นนะ” “ครับนาย” เขาก็พอจะเดาความคิดพ่อเลี้ยงเวหาออกแล้วเหมือนกัน กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง เสียงแปลก ๆ ดังเข้ามาในโสตประสาททำให้เวหาต้องเอี้ยวตัวไปมองตามเสียง ภาพที่เห็นคือผู้หญิงคนหนึ่งกำลังปั่นจักรยานตรงมาทางที่เขายืนอยู่ มือข้างหนึ่งของเธอยกขึ้นโบกสะบัดให้คนงานตลอดทาง ผมยาวดำขลับปลิวไสวน่ามอง รอยยิ้มเหมือนแสงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิ มันดูอบอุ่นแล้วทำให้เห่อร้อนตามแก้มได้เหมือนกัน “มองขนาดนี้ สวยใช่ไหมครับ” “ไม่” “ผมเห็นนายจ้องตาไม่กระพริบ” “อยากหางานใหม่?” “ขอโทษครับ ผมไปจัดการเรื่องที่นายสั่งดีกว่า” ตรีตินไม่อยากหางานใหม่ นี่แค่พึ่งเริ่มเองเขาก็จะโดนไล่ออกแล้วอย่างนั้นเหรอ จากนี้ไปสงบปากสงบคำไว้หน่อยก็ดี “นั่นไงนายมองอีกล่ะ” “กูไล่มึงออก!” “ผมไปแล้วคร้าบบบ” เวหาส่ายหัวเบา ๆ ให้กับความกวนตีนของลูกน้อง แต่มันอดจะเหลือบตาไปมองทางที่ผู้หญิงคนนั้นปั่นจักรยานผ่านไปไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นมาทำอะไรที่สวนของเขา? อาหลีเดินลงมาจากรถจักรยานพร้อมกับปิ่นโตและไม่ลืมยาแก้ปวดท้องของพี่ชาย เดินเข้าไปใกล้คนนั่งหน้าซีดแต่ไม่ยอมลางานอยากจะดุแต่เห็นถึงความพยายามของพี่แล้วเธอก็พูดไม่ออก “ขอโทษที่รบกวนนะ” อัครเงยหน้าขึ้นมองหน้าน้องสาวคลี่ยิ้มอ่อนส่งไปให้ “ไม่เอาแบบนี้แล้วนะคะ ถ้าป่วยไม่สบายก็ต้องพัก” “กระเพาะน่ะ มันมาไม่เป็นเวลา” “รีบทานข้าวเลยค่ะจะได้ทานยา” จัดอาหารออกมาตรงหน้าพร้อมกับขวดน้ำ นั่งจ้องมันเสียเลยเพราะพี่ชายเธอน่ะไม่ชอบทานข้าวเช้าแล้วก็มาป่วยแบบนี้ไง “รักเงินก็ต้องรักร่างกายตัวเองด้วยนะคะ” “ครับแม่” “แม่ก็แม่สิ” เธอกอดอกส่ายหน้า โตขนาดนี้ไม่ยอมแต่งงานจะอยู่ค้ำฟ้าไปคนเดียวหรือยังไง “เขาอยู่สวนส้มนู่น” เหมือนน้องสาวจะมองหาคนนั้นอยู่เลยชี้จุดสักหน่อย “เหรอ ปั่นจักรยานมาเมื่อกี้ไม่เห็นเลย” อาหลีทำตาโต เธอพึ่งปั่นผ่านสวนส้มมาเองไม่เห็นเจอเขาเลย คิดถึงจะตายอยู่แล้ว “งานหยาบหน่อยนะ แกก็รู้ว่าไร่เติมรักคือขุมทรัพย์ของพ่อเลี้ยงเหมราช” “แต่แฟนน้องต้องทำได้แน่” อัครเดชเงยหน้าจากจานข้างช้อนตามองคนพูดออกมาได้มั่นใจทีเดียว “ใครแฟนแกนะ?” “พ่อเลี้ยงเวหาไงคะ” “มโนให้มันน้อย ๆ หน่อย” “มันไม่ผิดนี่นา” “พูดก็พูด นั่นเสือตัวพ่อผู้ชายด้วยกันเขาดูออก ระวังหัวใจแกไว้ดีกว่าที่เตือนเพราะเห็นเป็นน้องเป็นนุ่ง” “แต่พี่ก็รู้ว่าน้องรอแค่เขา มาสิบปีแล้ว” เธอช้อนตาขึ้นมองพี่ชายก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา แค่คิดว่าเขาต้องเป็นของคนอื่น หัวใจเธอก็เหมือนจะไม่มีแรงเต้นแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม