ตอนที่ 8 ขยันจนถูกใจว่าที่แม่ย่า
“แม่! หนูบอกแล้วไงว่าอย่ายกกระถางที่มีน้ำอยู่ให้เทออกก่อนไงคะ”
คนที่พึ่งมาถึงหน้าแผงลอยร้านดอกไม้ของผู้เป็นแม่เหวี่ยงกระเป๋าไปด้านหลังก่อนจะรีบสาวเท้าไปยกกระถางดอกไม้ช่วยแม่
“อ้าว มีน้ำหรอกเรอะ แม่ลืมดูน่ะ” นางบุญมีกลั้วหัวเราะเล็กน้อยเพราะมักจะถูกลูกสาวหรือลูกชายดุเรื่องแอบยกของหนักบ่อย ๆ ก็กว่าจะเทน้ำออกมันช้าไม่ทันใจ ไม่คิดว่าลูกสาวจะโผล่มาจังหวะที่ตัวเองมักง่าย
อาหลีส่ายหน้าไปมาพยุงแม่ไปนั่งที่เก้าอี้ เธอไม่อยากบ่นแต่มันก็อดไม่ได้จริง ๆ แม่ชอบแอบทำงานหนักทั้งที่เธอกับพี่ชายคอยดุอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่เป็นผล
“นั่งเลยค่ะ เดี๋ยวอาหลีจัดหน้าร้านให้เอง”
“แม่หายแล้ว”
“ไม่ค่ะ”
“เด็กดื้อ” บุญมีส่ายหัวให้ลูกสาว
“ดื้อเหมือนใครแม่ก็น่าจะรู้นะ”
จ้องแม่เขม็งก่อนจะโน้มตัวไปกอดเติมพลังในวันใหม่ ทุกเช้าก่อนเข้าร้านในเวลาตีสี่ เธอจะแวะมาจัดหน้าร้านให้แม่ก่อนทุกครั้ง เมื่อปีก่อนแม่ตรวจพบเนื้องอกและได้ทำการผ่าตัดแม้ผลออกมาว่าจะเป็นมะเร็งรังไข่แต่แม่กลับไม่มีท่าทีเสียใจ ยังใช้ชีวิตตามปกติขายของเหมือนเดิม เธอกับพี่ชายจะกล้าเศร้าได้ยังไง
เพราะการผ่าตัดพึ่งผ่านได้ไม่นานเลยไม่อยากให้แม่ยกของหนัก กลัวจะกระทบกับแผลไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เธอกับพี่ชายเลยคอยช่วยอยู่ตลอด ความจริงไม่อยากให้แม่มาขายของที่ตลาดเลยแต่ก็อย่างว่าคนแก่อยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้ ตอนบอกให้เลิกขายน้ำตาแม่นี่ซึมกลั้นไม่ไหวจนร่วงเผาะออกมา ลูกทั้งสองจะทนไหวเหรอ
“มีอะไรเหรอไอ้หลี ทำไมหน้าหงิกแบบนั้น”
เมื่อเห็นพี่ชายเดินกลับมาพร้อมกาแฟถุง ผู้เป็นน้องปั้นหน้านิ่งชี้ไปทางที่แม่นั่งอยู่ทันที
“แม่แอบยกของหนักลับหลังผมเหรอ!”
“ไม่ทำแล้ว โอเคไหมแม่ไม่ทำแล้วค่ะ”
“ให้แน่นะ”
“แน่สิ”
“ถ้าหนูมาเจออีกจะจ้างคนมาเฝ้าแม่จริง ๆ ด้วย”
“ได้ แม่จะกะเวลาให้ดีเอง”
“แม่อะ”
“ล้อเล่นน่า รีบจัดของจะได้แยกย้ายกันไปทำงาน” นางบุญมีกลั้วหัวเราะบ้าง
อาหลีพยักหน้าก่อนจะลงมือจัดของตามล็อก จัดจนชินหลับตายังจัดถูกเหมือนเมื่อวานยังได้ไม่ได้โม้ ร้านขายดอกไม้ของแม่จะอยู่ในตลาดเป็นดอกไม้พันธุ์นิยมในไทยทั่วไป ดาวเรือง มะลิ ดอกไม้ไทยที่นำมาทำเป็นพวงมาลัย หรือส่งขายได้ และดอกไม้อื่น ๆ อีกมากมาย
“คุณนายดูอะไรอยู่คะ อ้อเห็นหยุดยืนอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้ว” อ้อ คือสาวใช้ในบ้านใหญ่วันนี้คุณนายพิมพ์พรให้พามาจ่ายตลาดตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่
“น่ารักเนาะ” สายตาเพ่งมองไปยังครอบครัวหนึ่ง เธอได้ยินทุกคำพูดตั้งแต่แม่ค้าหลังแผงลอยยกกระถางดอกไม้นั่นแหละ
“สวยไม่พอขยันสุด ๆ เลยค่ะ”
“สเปกตาลมเลย”
“คุณลมชอบผู้หญิงหวานซ่อนเปรี้ยวแบบนี้เหรอคะ?” ผู้หญิงที่ชื่นชอบดอกไม้แต่ก็สามารถยกกระถางดอกไม้ใหญ่ ๆ ได้ในเวลาเดียวกัน ดูละเมียดละไมแต่ก็บึกบึนใช้ได้
“เชื่อฉันสิแม่อ้อ ฉันเป็นแม่เขานะ” คุณนายพิมพ์พรยิ้มกริ่ม ยอมรับว่าครอบครัวตรงหน้าดึงดูดสายตาจนไม่อยากมองหนีไปที่อื่นเลย
“แล้วคือถูกใจเหรอคะ?”
“ก็ถูกใจนะ แต่งงานแล้วหรือยัง”
“อ้อ จัดให้ค่ะคุณนาย”
“ทันทีเลยนะแม่อ้อ” คุณนายพิมพ์พรส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย ได้ยินว่าแม่อ้อจะไปสืบเสาะมาให้ก็ภาวนาให้เจ้าของร้านดอกไม้ยังไม่มีพันธะใด ๆ
เอาตรง ๆ คืออยากแนะนำให้ลูกชายรู้จัก
หลังจากนั้นก็เลือกซื้อวัตถุดิบกลับบ้าน ก่อนจะเดินออกจากตลาดไปก็ไม่วายหันไปมองแผงลอยร้านดอกไม้อีกครั้ง
“แม่อ้อ ไปซื้อดอกบัวขาวกับดอกมะลิไปไหว้พระหน่อยสิ วันนี้วันพระไม่ใช่เรอะ”
“ได้ค่ะคุณนาย รอสักครู่นะคะ”
“อ๊ะ ๆ” พิมพ์พรดึงสาบเสื้อของแม่บ้านไว้ก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ไปร้านนู้นจ๊ะ ร้านนู้น”
“อ้อ! คุณนายก็ไม่บอก”
หลังจากจัดร้านให้แม่เสร็จแล้วสองพี่น้องก็แยกย้ายกันไปทำงาน พี่ไปทางน้องไปทางนางบุญมีเห็นจนชินตาแล้ว มองแล้วก็อดสงสารลูกไม่ได้จากที่เคยเลี้ยงลูกอย่างคุณหนูมาตั้ง 15 ปี แต่กลับเคราะห์ร้ายพ่อของพวกเขาดันเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต บริษัทที่เคยมั่งคั่งก็เจ๊งไม่เป็นท่า แล้วเธอยังไม่คิดว่าจะเลือกสามีคนที่สองได้บัดซบจนตอนนี้ลูกทั้งสองทำงานไม่ได้พัก ความผิดคนเป็นแม่อย่างเธอทั้งนั้น ได้แต่คิดแล้วก็สงสารลูก
อาหลีจากเด็กที่เคยสดใส ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับเธอเมื่อห้าปีก่อน นับตั้งแต่อายุ 26 มาลูกสาวตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างเดียว ไม่เปิดใจให้ใครหน้าไหนที่เข้ามาจีบมันเป็นอย่างนั้นมาตลอดห้าปีมานี้ ถ้าให้เดาคงเพราะผู้ชายหน้าตาดีคนนั้นแน่ ๆ
“สวัสดีครับคุณเวหา” อัครเดชเอ่ยทักทายเจ้านายอีกคน มองดูหน่วยก้านแล้วเอาเรื่องตั้งแต่สายตาติดดุ ให้ความรู้สึกว่าเป็นหลานชายของพ่อเลี้ยงเหมทัชจริง ๆ
“สวัสดีครับคุณผู้จัดการไร่” เวหาเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับยื่นมือไปข้างหน้า เป็นการทักทายในแบบลูกผู้ชายไม่ต้องพิธีรีตองมากมาย
“ตอนนี้ไร่ของเรากำลังเพาะชำต้นกล้าอยู่ครับ นอกจากนี้ทางสวนส้มกำลังอยู่ในขั้นตอนการเก็บผลผลิต พืชผักต่าง ๆ อยู่ในคิวการเก็บตามรอบครับ” อัครเดชอธิบาย ในเมื่อคนตรงหน้าจะเข้ามาดูแลในส่วนของไร่เติมรักเขาจึงต้องอธิบายในส่วนนี้ให้รู้ด้วย มันเป็นหน้าที่ของเขา “ส่วนโรงหมักปุ๋ยกำลังเตรียมการหมักอยู่ครับ”
“ส้มส่วนมากขายให้โรงงานเราใช่ไหมครับ?”
“ใช่ครับ ส่วนมากอยู่ที่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นให้โรงงานหมดเลยครับ และส่วนสามสิบเปอร์เซ็นเรากำลังเริ่มทำตลาดกับพ่อค้าคนกลาง”
พ่อของเขานั้นดูแลในส่วนโรงงานผลิตน้ำส้มออกตลาดกว้าง ส้มที่ผลิตก็มาจากไร่เติมรัก ยังรวมไปถึงองุ่น สตอว์เบอร์รี่ นี่คือผลิตภัณฑ์หลักของโรงงาน เราปลูกส้มส่งให้โรงงานเป็นส่วนมาก พอปีนี้มาส้มให้ผลผลิตไม่ดีโรงงานก็มีส่วนเสียหายอยู่มากเหมือนกัน เพราะทำงานเชื่อมโยงกันแบบนี้ไง
“ผมจะเข้าไปดูในส่วนของไร่ส้มก่อนนะครับ”
“ครับ” อัครเดชยังไม่วางใจ แค่เห็นหน่วยก้านดีไม่ได้แปลว่าทำงานดี ทำงานดีก็ไม่ได้แปลว่าทำงานเป็น พ่อเลี้ยงคนใหม่ของไร่เติมรักเขาต้องรอดูยาว ๆ
“ไม่จริง”
“อะไรที่ว่าไม่จริงครับ?” ตรีตินเดินเข้ามาใกล้ผู้เป็นนาย หลังจากเจ้านายขับรถวนดูผลผลิตไร่ส้มอยู่ห้ารอบได้กว่าจะยอมจอดรถทำเอาเขาแทบอ้วกเพราะวินไปหมดแล้ว
“มึงมองสิ ผลผลิตน้อยเหรอ?” ชี้เข้าไปยังสวน ตอนนี้มีคนงานกำลังช่วยกันเก็บอยู่
“ถ้าแบบนี้น้อย เยอะกว่านี้ก็กิ่งก้านหักพอดีครับ” ตรีตินตอบออกไปตามความจริง เพราะมองยังไงผลผลิตที่เห็นอยู่ตรงหน้าคำว่า ‘น้อย’ ใช้ไม่ได้
“ฉันพอจะเข้าใจแล้ว” ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
“เข้าใจอะไรครับ?”
“มึง ไปสืบมาว่าพ่อเลี้ยงเหมราชสนิทกับใครเป็นพิเศษ แบบคนที่ติดต่อกับพวกพ่อค้าได้อะไรเถือกนั้นนะ”
“ครับนาย” เขาก็พอจะเดาความคิดพ่อเลี้ยงเวหาออกแล้วเหมือนกัน
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง
เสียงแปลก ๆ ดังเข้ามาในโสตประสาททำให้เวหาต้องเอี้ยวตัวไปมองตามเสียง ภาพที่เห็นคือผู้หญิงคนหนึ่งกำลังปั่นจักรยานตรงมาทางที่เขายืนอยู่ มือข้างหนึ่งของเธอยกขึ้นโบกสะบัดให้คนงานตลอดทาง ผมยาวดำขลับปลิวไสวน่ามอง รอยยิ้มเหมือนแสงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิ มันดูอบอุ่นแล้วทำให้เห่อร้อนตามแก้มได้เหมือนกัน
“มองขนาดนี้ สวยใช่ไหมครับ”
“ไม่”
“ผมเห็นนายจ้องตาไม่กระพริบ”
“อยากหางานใหม่?”
“ขอโทษครับ ผมไปจัดการเรื่องที่นายสั่งดีกว่า” ตรีตินไม่อยากหางานใหม่ นี่แค่พึ่งเริ่มเองเขาก็จะโดนไล่ออกแล้วอย่างนั้นเหรอ จากนี้ไปสงบปากสงบคำไว้หน่อยก็ดี “นั่นไงนายมองอีกล่ะ”
“กูไล่มึงออก!”
“ผมไปแล้วคร้าบบบ”
เวหาส่ายหัวเบา ๆ ให้กับความกวนตีนของลูกน้อง แต่มันอดจะเหลือบตาไปมองทางที่ผู้หญิงคนนั้นปั่นจักรยานผ่านไปไม่ได้
ผู้หญิงคนนั้นมาทำอะไรที่สวนของเขา?
อาหลีเดินลงมาจากรถจักรยานพร้อมกับปิ่นโตและไม่ลืมยาแก้ปวดท้องของพี่ชาย เดินเข้าไปใกล้คนนั่งหน้าซีดแต่ไม่ยอมลางานอยากจะดุแต่เห็นถึงความพยายามของพี่แล้วเธอก็พูดไม่ออก
“ขอโทษที่รบกวนนะ” อัครเงยหน้าขึ้นมองหน้าน้องสาวคลี่ยิ้มอ่อนส่งไปให้
“ไม่เอาแบบนี้แล้วนะคะ ถ้าป่วยไม่สบายก็ต้องพัก”
“กระเพาะน่ะ มันมาไม่เป็นเวลา”
“รีบทานข้าวเลยค่ะจะได้ทานยา”
จัดอาหารออกมาตรงหน้าพร้อมกับขวดน้ำ นั่งจ้องมันเสียเลยเพราะพี่ชายเธอน่ะไม่ชอบทานข้าวเช้าแล้วก็มาป่วยแบบนี้ไง
“รักเงินก็ต้องรักร่างกายตัวเองด้วยนะคะ”
“ครับแม่”
“แม่ก็แม่สิ” เธอกอดอกส่ายหน้า โตขนาดนี้ไม่ยอมแต่งงานจะอยู่ค้ำฟ้าไปคนเดียวหรือยังไง
“เขาอยู่สวนส้มนู่น” เหมือนน้องสาวจะมองหาคนนั้นอยู่เลยชี้จุดสักหน่อย
“เหรอ ปั่นจักรยานมาเมื่อกี้ไม่เห็นเลย” อาหลีทำตาโต เธอพึ่งปั่นผ่านสวนส้มมาเองไม่เห็นเจอเขาเลย คิดถึงจะตายอยู่แล้ว
“งานหยาบหน่อยนะ แกก็รู้ว่าไร่เติมรักคือขุมทรัพย์ของพ่อเลี้ยงเหมราช”
“แต่แฟนน้องต้องทำได้แน่”
อัครเดชเงยหน้าจากจานข้างช้อนตามองคนพูดออกมาได้มั่นใจทีเดียว
“ใครแฟนแกนะ?”
“พ่อเลี้ยงเวหาไงคะ”
“มโนให้มันน้อย ๆ หน่อย”
“มันไม่ผิดนี่นา”
“พูดก็พูด นั่นเสือตัวพ่อผู้ชายด้วยกันเขาดูออก ระวังหัวใจแกไว้ดีกว่าที่เตือนเพราะเห็นเป็นน้องเป็นนุ่ง”
“แต่พี่ก็รู้ว่าน้องรอแค่เขา มาสิบปีแล้ว” เธอช้อนตาขึ้นมองพี่ชายก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา แค่คิดว่าเขาต้องเป็นของคนอื่น หัวใจเธอก็เหมือนจะไม่มีแรงเต้นแล้ว