ตอนที่ 7 เก่งไม่เบา
“พี่อาหลีเรารอดแล้ว!” น้ำฝนกระโจนเข้ากอดเจ้าของร้านอย่างดีใจก่อนจะหันไปมองหน้างานกลับมาเป็นเหมือนเดิมน้ำตายังคลอเบ้า
อาหลียกมือขึ้นลูบผมนุ่มของพนักงานตัวเองเบา ๆ เธอก็เบาใจไม่ต่างกันที่ทำให้หน้างานกลับมามีสีสันได้ หลังจากได้ดอกกุหลาบขาวมาเธอจึงทำการใช้สีผสมอาหารย้อมให้เป็นสีดอกกุหลาบที่ต้องการ มีลูกมือทั้งสองคอยช่วยเหลือแม้เราจะมีกันน้อยแต่ทำงานด้วยใจรัก ทั้งสองคนยังจบหลักสูตรการจัดดอกไม้มาโดยตรงทำให้งานออกมาเหมือนเดิมได้ไม่ยาก
“เก่งมากเลยครับ ในสถานการณ์แบบนั้นพวกผมยังคิดไม่ออกเลยว่าจะหากุหลาบสีนี้มาได้ยังไง” ต้นหนเดินมาหยุดยืนข้าง ๆ เจ้านายพร้อมกับยกโป้งให้ นับถืออาหลีจากใจจริง
สวยถึก บึกบึน สามปีที่อยู่ด้วยกันมาทำให้รู้ว่าเจ้านายของเขาลุยได้ทุกหน้างานไม่ห่วงว่าตัวเองเป็นแค่ผู้หญิงเลย
“ขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะ กลับไปพักกันได้แล้วค่ะ” อาหลีตะโกนก้องบอกทีมจัดสถานที่ทุกคน “พวกเราก็ด้วย”
“พี่ล่ะ?” น้ำฝนยกมือขึ้นขยี้เปลือกตา เป็นงานที่หนักหนาจริง ๆ
“พี่จะเฝ้าหน้างานเอง” เธอไม่วางใจถ้าดอกไม้เหี่ยวตอนตีสามงานเริ่มตีห้า หากเกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีกก็คงวิ่งหามาทดแทนไม่ทันแน่ ๆ “ไม่ต้องห่วงอีกแค่ชั่วโมงเดียวทีมเสิร์ฟก็มากันแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนพรุ่งนี้พี่หยุดให้หนึ่งวัน วันนี้ขอบคุณทั้งสองคนมากจริง ๆ ไม่ได้ต้นหนและน้ำฝนพี่แย่แน่ ๆ”
“ขอบคุณนะคะ” น้ำฝนคลี่ยิ้มกว้างออกมา การตัดสินใจของพี่อาหลีคือจุดสิ้นสุดที่ต้องทำตาม “ปะ กลับพร้อมกันกระบะยางแบนไม่ใช่เหรอ”
“เออ ซวยจริง ๆ ขามายังดี ๆ อยู่เลย” ต้นหนส่ายหน้าไปมาไม่รู้ว่ารั่วได้ยังไงทั้งที่จอดไว้เฉย ๆ หรือมีคนแช่งให้รถเขายางแบน? “พี่อาหลีพวกเรากลับแล้วนะครับ”
“กะ...กลับกันดี ๆ ล่ะ” กระบะคงไม่ได้ยางแบบเพราะเธอแอบแช่งจะได้นั่งรถไปกับผู้ชายใช่ไหมนะ?
อาหลีเดินมาหย่อนตัวนั่งที่เก้าอี้พลาสติกพออยู่ในบรรยากาศเงียบ ๆ มองบ้านหลังใหญ่ของตระกูลเติมศิริทรัพย์แล้วได้แต่ถอนหายใจออกมามันอดนึกถึงอดีตเมื่อห้าปีก่อนไม่ได้ วันที่เธอได้มาเหยียบบ้านหลังนี้ครั้งแรก
5 ปีที่แล้ว
“เชิญทางนี้ค่ะ พ่อเลี้ยงรออยู่” สาวใช้ของบ้านใหญ่เดินลงมารับหญิงสาวที่หน้าบ้าน พร้อมกับผายมือเชื้อเชิญเข้าไปในบ้าน
เจ้าของใบหน้าแดงก่ำขอบตาก็ไม่ต่างกับแก้มเท่าไหร่พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวตามแม่บ้านคนนั้นเข้าไปด้านใน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“พ่อเลี้ยงคะ คุณอารยามาแล้วค่ะ” หลังจากเคาะประตูบานไม้เสร็จ ก็เอ่ยบอกจุดประสงค์กับคนที่อยู่ด้านใน
“ให้เข้ามา”
“ค่ะพ่อเลี้ยง เชิญด้านในเลยค่ะ”
ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับหญิงสาวเดินเข้าไปเหมือนคนพร้อมจะเป็นลมอยู่ทุกวินาที แววตาเศร้าโศกทำให้คนนั่งรออยู่แล้วอดสงสารไม่ได้ แต่ต้องใจแข็งเข้าไว้
“ขอบคุณเธอมากนะ ขอบคุณที่เธอเลือกอนาคตของเขา” ชายชราเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเห็นใจไม่แพ้กัน “นั่งก่อนสิ กาแฟหรือชาดี”
“น้ำเปล่าก็ได้ค่ะ”
“น้ำเปล่าสองที่”
“รับทราบค่ะพ่อเลี้ยง”
“เจ็บมากเลยใช่ไหม”
อาหลีค่อย ๆ ช้อนดวงตากลมโตขึ้นมองชายชราตรงหน้าแววตาสั่นระริก ปล่อยให้น้ำตามันร่วงเผาะลงมาที่หน้าขาพร้อมกับพยักหน้าตอบเบา ๆ
“อาหลีเข้าใจท่านค่ะ” ใครบ้างไม่อยากให้ลูกหลานตัวเองมีอนาคตที่ดี รวมถึงเรื่องที่เวหาต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ
“ฉันทำร้ายพวกเธอเองกับมือ ขอโทษจริง ๆ นะ แต่เขาเป็นลูกชายคนเดียวและหลานชายคนเดียวของฉัน กิจการและงานยังรอเขาอยู่อีกมากมาย ในอนาคตเขาต้องเป็นเจ้าคนนายคน” เขาก็เจ็บไม่ต่างกัน หลานชายเดินขึ้นเครื่องบินโดยไม่มีคำอำลาถึงญาติผู้ใหญ่อย่างพวกเขา ตอนนั้นจึงรู้ว่าตัวเองทำเรื่องพลาดมหันต์ลงไปเสียแล้ว
“ค่ะ หนูเข้าใจ”
“แล้วทำไมไม่บอกเขาว่าเธอไม่ได้ทิ้งเขา”
“เวหาเป็นผู้ชายที่ดีมากค่ะ บางทีการที่ให้เขาเกลียดหนูไปก่อนมันดีที่สุดแล้วค่ะ” ถ้าเธอบอกว่าไม่ได้เลือกที่จะทิ้งเขาแล้วบอกว่าเธอจะรอ ยังไงให้ตายผู้ชายคนนั้นก็ไม่มีทางไปเรียนต่อที่ต่างประเทศอย่างแน่นอน เธอรู้จักเขาดีพอเพราะฉะนั้นแบบนี้มันก็ดีแล้ว
เหมทัชรู้ว่าหลานชายมองคนไม่ผิดแน่ ติดอยู่ที่อย่างเดียวก็คือ ‘ฐานะ’ การที่เขาได้เปิดใจคุยกับผู้หญิงคนนี้รู้เลยทันทีว่าทำไมคนใจแข็งเหมือนหินอย่างเวหาถึงยอมเปิดใจให้คนตรงหน้า แต่ทั้งสองกลับยังไม่ได้ใช้คำว่า ‘แฟน’ ก็ต้องแยกย้ายกันไปเติบโตเสียก่อน
“ฉันไม่ได้ดูถูกเธอนะแม่หนู แต่ช่วยทำให้คนของเติมศิริทรัพย์ยอมรับเธอให้ได้ ได้ไหม...” หัวใจคนชราอ่อนยวบเวลามองหน้าแม่หนูคนนี้ ทุกครั้งที่กระพริบตามักจะมีน้ำสีใสร่วงเผาะตามลงมาทุกครั้ง ดูก็รู้ว่าแม่หนูคนนี้เสียใจแค่ไหน “หนูเรียนจัดดอกไม้มาใช่ไหม ลาออกจากบริษัทที่ให้ตำแหน่งดี ๆ กับหนูไม่ได้แล้วมาเปิดร้านดอกไม้ที่ตำบลนี้เถอะ ฉันจะคอยหนุนหลังเธอสักหนึ่งปีพอทุกอย่างอยู่ตัวแล้วนั่นคือหน้าที่เธอจะให้ฉันและคนอื่นในตระกูลเห็นได้ไหมว่าเธอเหมาะสมกับลูกชายคนเดียวของพวกเขา”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ถ้าหนูยังอยู่ที่เดิม หนี้สินที่พ่อหนูก่อไว้ ไหนจะแม่ที่ป่วยพี่ชายก็ตกงานไม่ใช่เหรอ ฉันจะช่วยพวกเธอแทนคำขอโทษจากฉัน” แม้มันจะไม่เท่าความเสียใจที่พวกเขาได้รับมันเลยก็ตาม แต่คนเป็นปู่อย่างเขาก็ควรทำอะไรบ้าง หลานกลับมาจะได้มีหน้าไปมองหน้าหลานมันหน่อย
อาหลีนิ่งคิดอยู่นาน ประเมินผลได้ผลเสียอยู่หลายนาทีแต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้
“พิสูจน์ให้ฉันเห็นทีว่าหลานชายฉันเลือกคนไม่ผิด”
“ค่ะ หนูจะทำตามที่พ่อเลี้ยงเหมทัชบอก” เธอตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ทั้งที่ไม่รู้ว่าอนาคตมันจะเป็นไปในทิศทางไหน
“จะรอได้เหรอ ไม่รู้ว่าสายลมคนนั้นจะพัดไปไหนแล้วจะกลับมาไหม”
“หนูตั้งใจจะรอแค่เขาค่ะ”
“ฉันจะคอยดู”
ความเย็นบริเวณผิวแก้มทำให้อาหลีได้สติกลับมา ช้อนตาขึ้นมองเจ้าของการกระทำเมื่อครู่ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา
“เหนื่อยแย่เลยสิเรา” อัครเดช หรือ อัคร พี่ชายของอาหลีเอ่ยทักขึ้น
“มาแต่เช้าเลยเลยนะคะ” รับขวดน้ำเย็นมาก่อนจะเปิดฝาออกแต่พี่ชายก็หมุนเปิดให้ไว้ก่อนแล้ว “ขอบคุณค่ะ ชื่นใจสุด ๆ”
“พี่ก็ต้องมาดูความเรียบร้อย งั้นพี่ดูแลต่อเองเรากลับไปนอนไป ดูสิขอบตาคนหรือขอบตาหมีแพนด้า”
“พี่อัคร” เธอแห้วไม่จริงจัง แต่ก็เถียงไม่ออกโหมงานมาหลายวันติดจนไม่ค่อยได้พักผ่อนให้เพียงพอ “พี่มาก็ดีงั้นอาหลีฝากด้วยนะ”
“อืม เดี๋ยวผู้คนก็ทยอยมาแล้ว” พูดให้น้องสาวคลายความกังวล เขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เป็นเพราะไปคุยงานกับลูกค้าในเมืองและกินเลี้ยงเมามายเกินกว่าจะขับรถกลับมาช่วยน้องสาวได้ทันท่วงที สร่างเมาเลยบึ่งรถกลับมาที่นี่เลย “ให้พี่ตามหาตัวคนทำให้ไหม?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ราคานี้หนูต้องจ่ายไม่ช้าก็เร็วอยู่แล้ว เคยทำกับหลานชายเขาไว้เยอะนี่ค่ะ ไม่เป็นไรหรอก”
“งั้นก็แล้วแต่เรา”
อาหลีพยักหน้ารับระบายยิ้มเพียงนิดก่อนจะเดินออกไป
งานเลี้ยงต้อนรับในช่วงเช้าก็ไม่มีอะไรมาก แขกที่ถูกเชิญมาร่วมงานต่างเป็นคนในพื้นที่ที่รู้จักครอบครัว ‘เติมศิริทรัพย์’ เป็นอย่างดี หลังจากที่เวหาแนะนำตัวเสร็จก็เป็นการรับประทานอาหารร่วมกัน และชายหนุ่มก็รับหน้าที่เดินไปทำความรู้จักผู้ใหญ่ทั้งในอำเภอและตำบล ทุกคนต่างคุ้นหน้าค่าตากันดีอยู่แล้วเพราะทุกปีที่มีการประชุมหาลือเรื่องการเกษตรในตัวอำเภอเขากับสิงหราชก็ไปร่วมทุกปี
“มองหาใครอยู่เหรอ?” คุณนายพิมพ์พรเอ่ยถามบุตรชายหลังจากที่มานั่งร่วมวง สายตาของลูกชายมักจะกวาดมองไปทั่วอยู่บ่อยครั้ง
“เปล่าครับ” เมื่อรู้ว่าถูกจ้องเขาจึงต้องหยุดมองหาใครบางคน ยายนั่นไม่ได้มาร่วมงานหรอกเหรอ?
“ก็นึกว่ามองหาสาวที่ไหน” พ่อเลี้ยงเหมทัชแซวหลานชาย เขารับรู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่างของที่นี่ รวมไปถึงที่หลานชายให้หนูอาหลีติดรถเข้าตัวเมืองไปด้วย
สายใยของทั้งสองยังไม่ขาดกันจริง ๆ สินะ
“ไม่มีครับ”
“มีเถอะลูก แม่กับพ่อไหนจะคุณปู่อยากอุ้มหลานแล้วนะ”
“ตอนมีก็กีดกัน ไม่มีให้สมใจแล้วอย่าเรียกร้องจะเอาเดี๋ยวนี้สิครับ”
คุณนายพิมพ์พรถอนหายใจออกมาเบา ๆ จะติติงที่ลูกชายชอบพูดจาขวัญผ่าซากก็ไม่ได้ เพราะความตรงมันก็มีความจริงอยู่ในนั้นเหมือนกัน
“ไม่ใช่ซุกซ่อนไว้ที่ไหนสักที่เหรอหลานชาย” เหมราชยกยิ้มมุมปาก สายตาคมปราบมองหน้าเวหาราวกับหาเรื่อง
“ถ้าผมมีจะแนะนำให้อารู้จักเป็นคนแรกเลยครับ”
“ไอ้!”
“หยุด! แขกเหรื่อเต็มงาน” เหมทัชต้องห้ามทัพทั้งลูกชายและหลาน สองคนนี้ไม่ถูกคอกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ “จะกัดกันก็ขอเป็นเรื่องงาน และต้องเป็นประโยชน์ต่อไร่และคนงานด้วยทำอะไรคิดหน้าคิดหลังให้ดี”
ประโยคหลัง ๆ หันไปมองลูกชายของตัวเอง ตำแหน่งจะหลุดมืออยู่รอมร่อยังไม่เลิกกร่าง คิดว่าเขาไม่กล้าปลดมันหรือยังไงกัน
“ทานข้าวกันดีกว่าครับพ่อ” คุณอานนท์เป็นคนเบรกทุกอย่างเพราะอาหารบนโต๊ะพร้อมแล้ว และไม่ชอบเวลาคนในครอบครัวเขม่นกันเลย มันทำให้เสียบรรยากาศดี ๆ หมด
“อืม ทานข้าว” พ่อเลี้ยงเหมทัชสงบลงอีกครั้ง เห็นหน้าลูกชายคนเล็กแล้วอารมณ์มันขึ้น “ภายในปีหน้าใครหาเงินใช้หนี้ได้คนนั้นได้ไร่เติมรักไปครอง”
“พ่อ!”
“หยุด”
เหมราชมีทีท่าหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด รับรู้ว่าคราวนี้พ่อของตนพูดจริงไม่เล่นลิ้นแล้ว หนี้มากมายขนาดนั้นภายในปีนี้เขาจะหาเงินมาคืนไร่เติมรักได้ยังไง
แต่พอหันไปมองหน้าหลานก็ได้แต่กระตุกยิ้ม ขนาดเขาคลุกคลีกับไร่แห่งนี้มานานยังหาช่องทางได้ยาก แล้วคนมาใหม่จะไปทำได้เรอะ แค่คิดก็รู้สึกถึงชัยชนะ เขาทำก่อน เรียนรู้มาก่อน ศึกษามาทุกรูปแบบยังไงก็มีโอกาสกว่าคนที่ยังไม่เคยแตะงานในไร่เป็นจริงเป็นจังอยู่แล้ว ใครจะได้ไร่เติมรักไปครองมันก็เห็นอยู่ราง ๆ แล้ว
“ครับ งั้นก็ตามนี้”
เวหาช้อนสายตามองผู้เป็นอาก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ ในเมื่อมันมีกฎมีกติกาถ้าไม่มีคนเล่นนอกกฎเขาก็จะอยู่ในกฎเหมือนกัน แต่ถ้ามีคนเล่นนอกกฎเมื่อไหร่เจอเขาได้ในรูปแบบเดียวกันได้เลย เป็นอาก็ไม่ยอมให้หรอกนะ
“นั่น พ่ออัครเดช ผู้จัดการไร่”
เวหามองตามสายตาผู้เป็นปู่จึงเห็นว่ามีผู้ชายหน้าตาดีรูปร่างกำยำนั่งร่วมทานข้าวอยู่กับคนงานคนอื่นอย่างเป็นกันเอง ดูหน่วยก้านดีใช่เล่นแต่ไม่รู้ว่าเป็นคนของอาเขาหรือเปล่า
“หน่วยก้านดีเลยนะครับ”
“ทำงานเข้าปีที่ห้าแล้ว ทำงานเก่งมีน้องสาวสวยมากเจ้าของร้านดอกไม้ทางลงเขานั่นน่ะ ชื่ออาหลีใช่ไหม โสดด้วยยังไม่แต่งงาน” ชดใช้ในสิ่งที่เคยทำพลาด แก่แล้วตำแหน่งบาริสต้านักชงมือทองพอจะเป็นได้ไหม
ไม่ได้ก็ต้องได้ บาริสต้าอายุเจ็ดสิบมีที่นี่แหละ!