ตอนที่ 9 ทำยังไงให้ได้เจอ
“ปู่เรียกผมพบมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”
เวหาหย่อนกายนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับผู้เป็นปู่ก่อนจะเอ่ยถามออกไป
“ใช้สื่อโปรโมตไร่เราช่วยสิตาลม ปู่ได้ยินมาว่ามีเพจดังของจังหวัดเรารับโปรโมตสถานที่ท่องเที่ยวอยู่นะ”
“ผมไม่ต้องการอะไรแบบนั้นครับ” เขาสามารถทำให้ไร่กลับมาฟื้นฟูได้เหมือนเดิมโดยไม่ต้องพึ่งอะไรไร้สาระแบบนั้น
“ปู่เห็นทำคลิปวีดีโอของไร่สหพันธ์รู้ไหมว่าตอนนี้กำไรปาไปเท่าไหร่แล้ว ตอนนี้โลกโซเชียลของเรามันกว้างมากรู้ไหมตาลม ตอนนี้วิธีไหนจะทำให้ไร่ของเรากลับมาได้แกควรลองนะ”
“ผมไม่อยากทำแบบนั้นครับ” ยังไงเขาก็คิดว่ามันไร้สาระอยู่ดี
“เชื่อปู่สักครั้งไม่ได้เหรอ ไม่ได้ขัดขวางการทำงานของแกเลยนะ ลองดูหน่อยนะตาลม ปู่ไม่อยากเห็นแกเครียดขนาดนี้”
“ผมไม่เป็นไรครับ”
“ผลผลิตไม่ได้ไม่เป็นไร แต่ตรงจุดให้นักท่องเที่ยวมากำไรก็น้อยและต้องยอมรับว่าครึ่งปีหลังมานี้นักท่องเที่ยวเริ่มหาย ตอนนี้ทำเลดีใหม่ ๆ ผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด ถ้ามีทางโปรโมตไร่เราได้ควรลองนะ”
เมื่อฟังจบมันทำให้เขานิ่งคิดอยู่สักพัก บวกลบความน่าจะเป็นแล้วได้แต่ถอนหายใจ สิ่งที่ปู่เขาคิดว่ายากที่จะปฏิเสธอยู่แล้ว
“ลองดูก็ได้ครับ”
“ตามนั้นแหละตาลม”
ผู้เป็นปู่แย้มยิ้มสรวลออกมาจนตาปิด พยักหน้าขึ้นลงหลายครั้งพอใจนักหนาที่หลานเลือกที่จะเชื่อตัวเองสักครั้งไม่ได้ดื้อดึงไปหมดทุกอย่าง
“แกไปทำอะไรมาทำไมสภาพแกออกมาเป็นแบบนี้?” อาหลีเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยก็อยากจะกรี๊ดออกมากับสภาพของเพื่อนตัวเอง
“เจ็บปวดมากเลยค่ะเธอ” เนตรทิพย์เบะปากออกมาก่อนจะยกมือขึ้นไปหาเพื่อนตัวเอง
“ยายเนตร ไหนบอกว่าไม่เป็นอะไรมากไง” อาหลีสำรวจแล้วคำว่า ‘เป็นไม่มาก’ อยู่ห่างจากสภาพเพื่อนเธอตอนนี้มากเลย
“ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเดี้ยงขนาดนี้เหมือนกัน” เนตรทิพย์เบะปากเหมือนจะร้องไห้อีกรอบ
“แบบนี้งานของแกล่ะ?” เพื่อนชอบทำงานยิ่งกว่าอะไร ขนาดป่วยหนักจนลุกไม่ไหวก็ขอแค่ได้ตัดคลิป
“ไม่รู้เลยแก แกดูสิฉันเดินไม่ได้” ชี้ไปที่ขาห้อยโตงเตงของตัวเองน้ำตาก็ไหลออกมาหางตา แค่คิดว่าจะไม่ได้ไปถ่ายภาพ ตัดวีดีโอ ก็รู้สึกแย่ขึ้นมาแล้ว
“พักก่อนเถอะ” สภาพเพื่อนไม่ไหวแล้วจริง ๆ
“แขนก็หัก”
“สภาพ ฉันบอกแล้วว่าอย่าชอบกลับจากทำงานตอนกลางคืน แล้วรับงานเหมือนที่บ้านเป็นหนี้ ฉันก็ว่าไปอย่าง” ดุเพื่อนไปที ปกติเธอก็บอกก็เตือนตลอดแต่ความไฟแรงของนางเธอเลยหยุดเพื่อนไม่ได้ “เป็นไงทีนี้”
“ฉันเจ็บอยู่นะ”
“จะได้จำ”
“จำก็ได้ แต่ฉันมีงานใหญ่เข้ามาแกต้องช่วยฉันนะ” ทำหน้าออดอ้อนหลับตาปิ๊ง ๆ ใส่เพื่อนไปหลายที แต่ยายนั่นแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายออกมาแทน
“ฉันไม่ทำ” อาหลีตอบปัดเสียงแข็ง สภาพเพื่อนเธอแบบนี้ยังมีหน้ารับงานใหญ่มาทำอีกงั้นเหรอ
“ฉันรับมาก่อนเกิดอุบัติเหตุ แกต้องช่วยฉันสิพูดอย่างกับว่านอกจากแกแล้วฉันมีเพื่อน”
อาหลีมองหน้าเพื่อนก่อนจะถอนหายใจออกมาหนัก ๆ เดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ มองสภาพแล้วก็คือสงสารจริง ๆ ขาหักข้างแขนหักข้าง สภาพคือไม่ไหว
“ขาหักเหรอ”
“แค่กระดูกร้าว”
“แขนล่ะ”
“เหมือนกัน”
“ไหนว่าหัก”
“เผื่อแกจะสงสารแล้วไปทำงานแทนฉันไง”
“ไม่มีทาง”
“ถ่ายสกู๊ปไร่เติมรัก”
“ไม่สน”
“ถ่ายเจ้าของไร่เลยนะเว้ย”
“สน!”
“งานที่ร้านเยอะไม่ใช่หรือไง” เนตรทิพย์ยิ้มเยาะออกมา แค่มองหน้าก็เห็นไปยังกระเพาะเพื่อนแล้วตอนนี้ว่าอยากกินอะไรที่ไม่ใช่ข้าวแต่น่าจะเป็นว่าที่เจ้าของไร่คนใหม่ของไร่เติมรัก
“พึ่งรับพนักงานใหม่ สบายมากจ้ะเพื่อนรัก”
“ทีงี้มารักกู”
“กูรักมึงมาตลอดค่ะ”
“ไวเชียว”
“มึงรู้ไหมว่ากูนอนไม่หลับคิดหาวิธีไปเจอเขาไม่ได้ อยู่ใกล้แค่ปลายจมูกแต่ไม่มีปัญญาไปเจอเขา เศร้าแบบน้ำตาจะไหลแล้วค่ะคุณเพื่อน”
“เหมือนพรหมลิขิตเลยเนาะ”
“ใช่ไหม ตำแหน่งผัวกูเป็นเขาแบบไม่ต้องสงสัยเลย”
“ตื่นค่ะ”
ตรีตินเดินออกมาต้อนรับเจ้าของเพจท่องเที่ยวชื่อดัง แวบแรกที่เห็นก็ต้องขมวดคิ้วเพราะความสวยของเจ้าของเพจสวยเหมือนดารามาเอง ตัวสูงหุ่นเพรียว ความขาวนี่ไม่ต้องพูดถึง ไหนจะหน้าตาเกลี้ยงเกลามองเท่าไหร่ก็สะดุดตาไปหมดนี่อีก
“สวัสดีครับผมตรีตินเป็นผู้ช่วยของคุณเวหาครับ”
อาหลีหมุนตัวไปตามเสียงเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะคลี่ยิ้มหวานออกไป
“สวัสดีค่ะ เรียกว่าอาหลีก็ได้ค่ะ”
“ครับคุณอาหลี ตอนนี้คุณเวหาตรวจบัญชีอยู่ครับ” ว่าง่าย ๆ ก็คือยากมากจะให้คนแบบนั้นมาเป็นนายแบบโปรโมตไร่ ตอนเขาได้ยินยังเผลอหัวเราะจนโดนเจ้านายเตะกระเด็น พูดแล้วยังเจ็บตูดไม่หาย
“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นฝากแผนนี้ไปให้คุณเวหาดูหน่อยนะคะ กำหนดการคร่าว ๆ ว่าเราจะถ่ายยังไงและต้องโปรโมตในส่วนไหนบ้าง”
“ได้ครับ” ตรีตินรับมาพร้อมกับอ่านรายละเอียดคร่าว ๆ ก็ต้องพยักหน้าเข้าใจ มันดูเรียบร้อยสบายตาและเป็นแบบแผนสุด ๆ “งั้นวันนี้...”
“วันนี้อาหลีขอถ่ายสถานที่ต่าง ๆ ก่อนนะคะ”
“ได้ครับ ต้องการคนขับรถพาชมไหมครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ครับ?”
“อ้อ พอดีเป็นคนแถวนี้เคยมาบ่อยแล้วค่ะ” มาแอบมองหลานเจ้าของไร่ทุกวันแต่ไม่เคยได้เจอหน้า
“โอเคครับ ติดขัดตรงไหนโทรหาผมได้ตลอดนะครับ เราแลกเบอร์กันไว้ดีไหมครับ”
“ได้ค่ะ” รับโทรศัพท์ของคุณผู้ช่วยมาพร้อมกับกดเบอร์ตัวเองแล้วกดโทรออก แค่นั้นก็เป็นอันเรียบร้อย “งั้นขอไปทำงานเลยนะคะ”
“ครับ” ตรีตินยิ้มเขินไม่คิดว่าจะได้เบอร์สาวสวยมาครอง แต่พยายามเก็บอาการสุด ๆ เดี๋ยวเจ้านายดุอีกว่าบ้านารี ก็สวยซะขนาดนั้นบุญตาไอ้ตินจริง ๆ
อาหลีพยักหน้ารับอีกครั้งมองเข้าไปในตัวออฟฟิศหวังว่าจะเห็นหน้าสักหน่อย แต่เอาเถอะ วันนี้ไม่เห็นก็ไม่ใช่ว่าวันพรุ่งนี้จะไม่เห็นนี่นา
หลังจากนั้นก็มาถ่ายตามโลเคชันต่าง ๆ ไม่ว่าจะวางเลนส์กล้องถ่ายตรงไหนมันก็ดูสวยไปหมดจริง ๆ ชื่นชมธรรมชาติมาครึ่งค่อนวันแล้วจึงคิดว่าตัวเองควรไปนั่งพักสักหน่อย ระหว่างที่นั่งพักก็เลือกลำธาร นั่งขัดสมาธิลงบนโขดหินพร้อมกับดูฝีมือการถ่ายรูปของตัวเองไปด้วย
หมับ!
“อุ๊ย!” อยู่ดี ๆ กล้องในมือก็โดนแย่งไป ตวัดสายตาไปมองก็ได้เจอเข้ากับคนที่ไม่ได้เจอหน้ามาหลายวัน “พ่อเลี้ยงเวหา”
“ว่างนักเหรอ?” เขาไม่เข้าใจว่าทำไมชอบโผล่หน้ามาให้เขาเห็นอยู่เรื่อย
“ว่างอะไรคะ ฉันมาทำงาน”
“งานไหน ร้านดอกไม้ ร้านเหล้า งานในไร่ เหอะ ยังมีอะไรอีกล่ะ”
“คือว่า”
“กลับไป แล้วไม่ต้องมาให้ผมเห็นหน้าอีก”
“ไม่กลับค่ะ ฉันมาทำงานของฉัน”
“งานเหรอ?”
จุ๋ม!
“อย่านะ” เธอคว้าได้แค่เพียงอากาศ กล้องของยายเนตรจมน้ำไปแล้วเรียบร้อย
มองหน้าคนทำสลับกับกล้องแล้วอยากจะกรี๊ดออกมา สุดท้ายก็เลือกที่จะกลืนคำด่าลงคอไป แล้วเริ่มหาทางลงไปในลำธารแทนเพื่อเอากล้องขึ้นมา
“อย่ามาที่นี่อีก ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน”
“จะมาค่ะ เตือนกี่ครั้งก็จะมา ว้าย!”
จังหวะที่กำลังจะหมุนตัวเดินออกไปกลับได้ยินเสียงร้องขึ้นทางด้านหลัง เขารีบหันไปมองก็เห็นว่ายายบ้านี่ยืนฉีกยิ้มให้เขาอยู่
“ก็เป็นห่วงนี่นา” อาหลียักคิ้วให้ทีหนึ่งก่อนจะปีนป่ายกลับขึ้นมาบนโขดหินอีกครั้งได้สำเร็จ “ไม่เป็นไรค่ะ โยนอีกสิบตัวก็ได้เพราะฉันจะคิดเงินค่าเสียหายในบิลไปด้วย”
“คิดว่าพูดเล่นเหรอ!”
“ที่เล่นตัวไม่อยากถ่าย เป็นเพราะอยากเจอหน้าฉันทุกวันหรือเปล่าพ่อเลี้ยง” ยิ้มแบบอรุ่มเจ๊าะไปทีหนึ่งแต่กลับได้รับสายตากร้าวดุมองกลับมา เลยต้องค่อย ๆ หุบยิ้มลง
“เหอะ” เขาได้แค่แค่นหัวเราะในลำคอเท่านั้น
“ฉันจะมาทุกวัน จนคุณเบื่อไปเลยค่ะ แต่ทำอะไรได้ฉันรับงานฉบับสัญญาจ้างสามเดือน”
“คิดว่าทำได้ก็ลองดู”
เมื่อเขาเดินหนีเธอจึงใช้จังหวะนั้นเดินเข้าไปถึงตัวก่อนจะคว้าชายเสื้อของเขาไว้
“เฮ้ย!”
เพราะฝนพึ่งตกใหม่ทางชันมีดินโคลนทำให้เกิดการลื่น เขารู้ว่ายายบ้านี่ดึงไม่แรงแต่จังหวะหมุนกลับมานั่นแหละทำให้เขายั้งเท้าไว้ไม่อยู่
ตู้ม!
ทั้งคนทั้งกล้องตกลงไปในลำธารจนน้ำกระเด็นออกเป็นวงกว้าง โชคดีแค่ไหนไม่ใช่ตรงโขดหินแต่เป็นตรงน้ำลึก ไม่อย่างนั้นคงมีเหตุการณ์นองเลือกเกิดขึ้น
ไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องคว้าตัวยายต้นเหตุไว้ก่อนจะดึงเธอขึ้นมาสู่ผิวน้ำ
“แค่ก ๆ” อาหลียกมือขึ้นมากอดคออีกคนไว้พร้อมกับขยับไปแนบชิด ยกมือขึ้นถูหน้าลวก ๆ ก่อนจะช้อนตามองคนตรงหน้าผ่านม่านน้ำสีใส “อยากอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้ก็ไม่บอกนะคะ”
“ปล่อย”
“ไม่!”
“บอกให้ปล่อย” ไม่พูดเปล่าเขาพยายามแกะมือปลาหมึกออกจากลำคอตัวเอง ยิ่งใกล้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ยิ่งลอยมาเตะจมูกไม่พอความนุ่มที่กำลังบดเบียดเข้ามาที่หน้าอกเขาอีก “ปล่อย”
“น้ำมันลึกขาไม่ถึงค่ะ”
“จิ๊!”
อาหลีขยับยิ้มเมื่อเห็นอีกคนจิ๊ปากใส่ราวกับรำคาญ เขาเลิกหยุดแกะมือเธอออกแล้วกลายเป็นว่าว่ายเข้าไปหาโขดหินแทน
“ก็ไม่ได้ใจร้ายจนปล่อยให้จมน้ำนี่นา”
“หุบปาก!”
“ชอบคุณที่ช่วยนะคะ”
เวหาชะงักกึก ประโยคเมื่อกี้มันควรเป็น ‘ขอบคุณที่ช่วย’ หรือเปล่า แต่ก็นั่นแหละไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับผู้หญิงคนนี้ เขาปีนขึ้นฝั่งได้ก็เดินจ้ำอ้าวออกไปจากตรงนี้ทันทีไม่คิดจะหันไปช่วยคนเกาะโขดหินอยู่สักนิด
อาหลีมองตามก็ได้แต่ส่ายหน้า รู้ตัวว่ารุกแรง แต่ก็บอกไปแล้วว่าถ้าไม่รีบก็คงไม่ทันแล้ว ปีนป่ายขึ้นมาบนโขดหินตำแหน่งเดิม สภาพคือเหมือนลูกหมาตกน้ำที่แย่ไปกว่านั้นวันนี้ใส่เสื้อขาวไม่พอมันดันบางจนเห็นไส้เห็นพุงไปหมดแล้ว
จะทำอะไรได้นอกจากเดินไปหยิบกล้องตัวนั้นจากพุ่มหญ้าที่ตัวเองโยนขึ้นมาไว้ จากนั้นก็กลับมานั่งที่โขดหินพร้อมเช็กสภาพกล้องไปด้วย ขึ้นไปตอนนี้ไม่ได้ด้านบนเป็นคาเฟ่ไม่อยากให้คนเอาไปพูดสนุกปาก ทำได้เพียงนั่งตากลมรอให้เสื้อแห้งเท่านั้น ตอนไหนก็ตอนนั้นแหละ เสียเวลาแต่ทำอะไรได้นอกจากนี้ไหม ก็ไม่
พรึ่บ! รู้สึกมีเสียงอะไรอยู่ข้างหูพร้อมกับสิ่งของบางอย่างลอยมาคลุมหัว ดึงมันออกพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปมองด้านบนทันที
“อุจาดสายตา”
จากยิ้มแย้มกลายเป็นค่อย ๆ หุบลง ความปากร้ายของเขานั้นมันหวนให้เธอคิดไปถึงเมื่อเกือบแปดปีก่อนตอนที่เธอตั้งใจจะจีบผู้ชายคนนี้
ก็ปากร้ายแบบนี้แหละ สุดท้ายก็โดนเธอรวบหัวรวบหางเหมือนเดิม ครั้งนี้ก็เหมือนกันรอดูเถอะ!