ตอนที่ 9 ทำยังไงให้ได้เจอ

2110 คำ
ตอนที่ 9 ทำยังไงให้ได้เจอ “ปู่เรียกผมพบมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” เวหาหย่อนกายนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับผู้เป็นปู่ก่อนจะเอ่ยถามออกไป “ใช้สื่อโปรโมตไร่เราช่วยสิตาลม ปู่ได้ยินมาว่ามีเพจดังของจังหวัดเรารับโปรโมตสถานที่ท่องเที่ยวอยู่นะ” “ผมไม่ต้องการอะไรแบบนั้นครับ” เขาสามารถทำให้ไร่กลับมาฟื้นฟูได้เหมือนเดิมโดยไม่ต้องพึ่งอะไรไร้สาระแบบนั้น “ปู่เห็นทำคลิปวีดีโอของไร่สหพันธ์รู้ไหมว่าตอนนี้กำไรปาไปเท่าไหร่แล้ว ตอนนี้โลกโซเชียลของเรามันกว้างมากรู้ไหมตาลม ตอนนี้วิธีไหนจะทำให้ไร่ของเรากลับมาได้แกควรลองนะ” “ผมไม่อยากทำแบบนั้นครับ” ยังไงเขาก็คิดว่ามันไร้สาระอยู่ดี “เชื่อปู่สักครั้งไม่ได้เหรอ ไม่ได้ขัดขวางการทำงานของแกเลยนะ ลองดูหน่อยนะตาลม ปู่ไม่อยากเห็นแกเครียดขนาดนี้” “ผมไม่เป็นไรครับ” “ผลผลิตไม่ได้ไม่เป็นไร แต่ตรงจุดให้นักท่องเที่ยวมากำไรก็น้อยและต้องยอมรับว่าครึ่งปีหลังมานี้นักท่องเที่ยวเริ่มหาย ตอนนี้ทำเลดีใหม่ ๆ ผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด ถ้ามีทางโปรโมตไร่เราได้ควรลองนะ” เมื่อฟังจบมันทำให้เขานิ่งคิดอยู่สักพัก บวกลบความน่าจะเป็นแล้วได้แต่ถอนหายใจ สิ่งที่ปู่เขาคิดว่ายากที่จะปฏิเสธอยู่แล้ว “ลองดูก็ได้ครับ” “ตามนั้นแหละตาลม” ผู้เป็นปู่แย้มยิ้มสรวลออกมาจนตาปิด พยักหน้าขึ้นลงหลายครั้งพอใจนักหนาที่หลานเลือกที่จะเชื่อตัวเองสักครั้งไม่ได้ดื้อดึงไปหมดทุกอย่าง “แกไปทำอะไรมาทำไมสภาพแกออกมาเป็นแบบนี้?” อาหลีเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยก็อยากจะกรี๊ดออกมากับสภาพของเพื่อนตัวเอง “เจ็บปวดมากเลยค่ะเธอ” เนตรทิพย์เบะปากออกมาก่อนจะยกมือขึ้นไปหาเพื่อนตัวเอง “ยายเนตร ไหนบอกว่าไม่เป็นอะไรมากไง” อาหลีสำรวจแล้วคำว่า ‘เป็นไม่มาก’ อยู่ห่างจากสภาพเพื่อนเธอตอนนี้มากเลย “ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเดี้ยงขนาดนี้เหมือนกัน” เนตรทิพย์เบะปากเหมือนจะร้องไห้อีกรอบ “แบบนี้งานของแกล่ะ?” เพื่อนชอบทำงานยิ่งกว่าอะไร ขนาดป่วยหนักจนลุกไม่ไหวก็ขอแค่ได้ตัดคลิป “ไม่รู้เลยแก แกดูสิฉันเดินไม่ได้” ชี้ไปที่ขาห้อยโตงเตงของตัวเองน้ำตาก็ไหลออกมาหางตา แค่คิดว่าจะไม่ได้ไปถ่ายภาพ ตัดวีดีโอ ก็รู้สึกแย่ขึ้นมาแล้ว “พักก่อนเถอะ” สภาพเพื่อนไม่ไหวแล้วจริง ๆ “แขนก็หัก” “สภาพ ฉันบอกแล้วว่าอย่าชอบกลับจากทำงานตอนกลางคืน แล้วรับงานเหมือนที่บ้านเป็นหนี้ ฉันก็ว่าไปอย่าง” ดุเพื่อนไปที ปกติเธอก็บอกก็เตือนตลอดแต่ความไฟแรงของนางเธอเลยหยุดเพื่อนไม่ได้ “เป็นไงทีนี้” “ฉันเจ็บอยู่นะ” “จะได้จำ” “จำก็ได้ แต่ฉันมีงานใหญ่เข้ามาแกต้องช่วยฉันนะ” ทำหน้าออดอ้อนหลับตาปิ๊ง ๆ ใส่เพื่อนไปหลายที แต่ยายนั่นแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายออกมาแทน “ฉันไม่ทำ” อาหลีตอบปัดเสียงแข็ง สภาพเพื่อนเธอแบบนี้ยังมีหน้ารับงานใหญ่มาทำอีกงั้นเหรอ “ฉันรับมาก่อนเกิดอุบัติเหตุ แกต้องช่วยฉันสิพูดอย่างกับว่านอกจากแกแล้วฉันมีเพื่อน” อาหลีมองหน้าเพื่อนก่อนจะถอนหายใจออกมาหนัก ๆ เดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ มองสภาพแล้วก็คือสงสารจริง ๆ ขาหักข้างแขนหักข้าง สภาพคือไม่ไหว “ขาหักเหรอ” “แค่กระดูกร้าว” “แขนล่ะ” “เหมือนกัน” “ไหนว่าหัก” “เผื่อแกจะสงสารแล้วไปทำงานแทนฉันไง” “ไม่มีทาง” “ถ่ายสกู๊ปไร่เติมรัก” “ไม่สน” “ถ่ายเจ้าของไร่เลยนะเว้ย” “สน!” “งานที่ร้านเยอะไม่ใช่หรือไง” เนตรทิพย์ยิ้มเยาะออกมา แค่มองหน้าก็เห็นไปยังกระเพาะเพื่อนแล้วตอนนี้ว่าอยากกินอะไรที่ไม่ใช่ข้าวแต่น่าจะเป็นว่าที่เจ้าของไร่คนใหม่ของไร่เติมรัก “พึ่งรับพนักงานใหม่ สบายมากจ้ะเพื่อนรัก” “ทีงี้มารักกู” “กูรักมึงมาตลอดค่ะ” “ไวเชียว” “มึงรู้ไหมว่ากูนอนไม่หลับคิดหาวิธีไปเจอเขาไม่ได้ อยู่ใกล้แค่ปลายจมูกแต่ไม่มีปัญญาไปเจอเขา เศร้าแบบน้ำตาจะไหลแล้วค่ะคุณเพื่อน” “เหมือนพรหมลิขิตเลยเนาะ” “ใช่ไหม ตำแหน่งผัวกูเป็นเขาแบบไม่ต้องสงสัยเลย” “ตื่นค่ะ” ตรีตินเดินออกมาต้อนรับเจ้าของเพจท่องเที่ยวชื่อดัง แวบแรกที่เห็นก็ต้องขมวดคิ้วเพราะความสวยของเจ้าของเพจสวยเหมือนดารามาเอง ตัวสูงหุ่นเพรียว ความขาวนี่ไม่ต้องพูดถึง ไหนจะหน้าตาเกลี้ยงเกลามองเท่าไหร่ก็สะดุดตาไปหมดนี่อีก “สวัสดีครับผมตรีตินเป็นผู้ช่วยของคุณเวหาครับ” อาหลีหมุนตัวไปตามเสียงเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะคลี่ยิ้มหวานออกไป “สวัสดีค่ะ เรียกว่าอาหลีก็ได้ค่ะ” “ครับคุณอาหลี ตอนนี้คุณเวหาตรวจบัญชีอยู่ครับ” ว่าง่าย ๆ ก็คือยากมากจะให้คนแบบนั้นมาเป็นนายแบบโปรโมตไร่ ตอนเขาได้ยินยังเผลอหัวเราะจนโดนเจ้านายเตะกระเด็น พูดแล้วยังเจ็บตูดไม่หาย “ไม่เป็นไรค่ะ งั้นฝากแผนนี้ไปให้คุณเวหาดูหน่อยนะคะ กำหนดการคร่าว ๆ ว่าเราจะถ่ายยังไงและต้องโปรโมตในส่วนไหนบ้าง” “ได้ครับ” ตรีตินรับมาพร้อมกับอ่านรายละเอียดคร่าว ๆ ก็ต้องพยักหน้าเข้าใจ มันดูเรียบร้อยสบายตาและเป็นแบบแผนสุด ๆ “งั้นวันนี้...” “วันนี้อาหลีขอถ่ายสถานที่ต่าง ๆ ก่อนนะคะ” “ได้ครับ ต้องการคนขับรถพาชมไหมครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ” “ครับ?” “อ้อ พอดีเป็นคนแถวนี้เคยมาบ่อยแล้วค่ะ” มาแอบมองหลานเจ้าของไร่ทุกวันแต่ไม่เคยได้เจอหน้า “โอเคครับ ติดขัดตรงไหนโทรหาผมได้ตลอดนะครับ เราแลกเบอร์กันไว้ดีไหมครับ” “ได้ค่ะ” รับโทรศัพท์ของคุณผู้ช่วยมาพร้อมกับกดเบอร์ตัวเองแล้วกดโทรออก แค่นั้นก็เป็นอันเรียบร้อย “งั้นขอไปทำงานเลยนะคะ” “ครับ” ตรีตินยิ้มเขินไม่คิดว่าจะได้เบอร์สาวสวยมาครอง แต่พยายามเก็บอาการสุด ๆ เดี๋ยวเจ้านายดุอีกว่าบ้านารี ก็สวยซะขนาดนั้นบุญตาไอ้ตินจริง ๆ อาหลีพยักหน้ารับอีกครั้งมองเข้าไปในตัวออฟฟิศหวังว่าจะเห็นหน้าสักหน่อย แต่เอาเถอะ วันนี้ไม่เห็นก็ไม่ใช่ว่าวันพรุ่งนี้จะไม่เห็นนี่นา หลังจากนั้นก็มาถ่ายตามโลเคชันต่าง ๆ ไม่ว่าจะวางเลนส์กล้องถ่ายตรงไหนมันก็ดูสวยไปหมดจริง ๆ ชื่นชมธรรมชาติมาครึ่งค่อนวันแล้วจึงคิดว่าตัวเองควรไปนั่งพักสักหน่อย ระหว่างที่นั่งพักก็เลือกลำธาร นั่งขัดสมาธิลงบนโขดหินพร้อมกับดูฝีมือการถ่ายรูปของตัวเองไปด้วย หมับ! “อุ๊ย!” อยู่ดี ๆ กล้องในมือก็โดนแย่งไป ตวัดสายตาไปมองก็ได้เจอเข้ากับคนที่ไม่ได้เจอหน้ามาหลายวัน “พ่อเลี้ยงเวหา” “ว่างนักเหรอ?” เขาไม่เข้าใจว่าทำไมชอบโผล่หน้ามาให้เขาเห็นอยู่เรื่อย “ว่างอะไรคะ ฉันมาทำงาน” “งานไหน ร้านดอกไม้ ร้านเหล้า งานในไร่ เหอะ ยังมีอะไรอีกล่ะ” “คือว่า” “กลับไป แล้วไม่ต้องมาให้ผมเห็นหน้าอีก” “ไม่กลับค่ะ ฉันมาทำงานของฉัน” “งานเหรอ?” จุ๋ม! “อย่านะ” เธอคว้าได้แค่เพียงอากาศ กล้องของยายเนตรจมน้ำไปแล้วเรียบร้อย มองหน้าคนทำสลับกับกล้องแล้วอยากจะกรี๊ดออกมา สุดท้ายก็เลือกที่จะกลืนคำด่าลงคอไป แล้วเริ่มหาทางลงไปในลำธารแทนเพื่อเอากล้องขึ้นมา “อย่ามาที่นี่อีก ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน” “จะมาค่ะ เตือนกี่ครั้งก็จะมา ว้าย!” จังหวะที่กำลังจะหมุนตัวเดินออกไปกลับได้ยินเสียงร้องขึ้นทางด้านหลัง เขารีบหันไปมองก็เห็นว่ายายบ้านี่ยืนฉีกยิ้มให้เขาอยู่ “ก็เป็นห่วงนี่นา” อาหลียักคิ้วให้ทีหนึ่งก่อนจะปีนป่ายกลับขึ้นมาบนโขดหินอีกครั้งได้สำเร็จ “ไม่เป็นไรค่ะ โยนอีกสิบตัวก็ได้เพราะฉันจะคิดเงินค่าเสียหายในบิลไปด้วย” “คิดว่าพูดเล่นเหรอ!” “ที่เล่นตัวไม่อยากถ่าย เป็นเพราะอยากเจอหน้าฉันทุกวันหรือเปล่าพ่อเลี้ยง” ยิ้มแบบอรุ่มเจ๊าะไปทีหนึ่งแต่กลับได้รับสายตากร้าวดุมองกลับมา เลยต้องค่อย ๆ หุบยิ้มลง “เหอะ” เขาได้แค่แค่นหัวเราะในลำคอเท่านั้น “ฉันจะมาทุกวัน จนคุณเบื่อไปเลยค่ะ แต่ทำอะไรได้ฉันรับงานฉบับสัญญาจ้างสามเดือน” “คิดว่าทำได้ก็ลองดู” เมื่อเขาเดินหนีเธอจึงใช้จังหวะนั้นเดินเข้าไปถึงตัวก่อนจะคว้าชายเสื้อของเขาไว้ “เฮ้ย!” เพราะฝนพึ่งตกใหม่ทางชันมีดินโคลนทำให้เกิดการลื่น เขารู้ว่ายายบ้านี่ดึงไม่แรงแต่จังหวะหมุนกลับมานั่นแหละทำให้เขายั้งเท้าไว้ไม่อยู่ ตู้ม! ทั้งคนทั้งกล้องตกลงไปในลำธารจนน้ำกระเด็นออกเป็นวงกว้าง โชคดีแค่ไหนไม่ใช่ตรงโขดหินแต่เป็นตรงน้ำลึก ไม่อย่างนั้นคงมีเหตุการณ์นองเลือกเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องคว้าตัวยายต้นเหตุไว้ก่อนจะดึงเธอขึ้นมาสู่ผิวน้ำ “แค่ก ๆ” อาหลียกมือขึ้นมากอดคออีกคนไว้พร้อมกับขยับไปแนบชิด ยกมือขึ้นถูหน้าลวก ๆ ก่อนจะช้อนตามองคนตรงหน้าผ่านม่านน้ำสีใส “อยากอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้ก็ไม่บอกนะคะ” “ปล่อย” “ไม่!” “บอกให้ปล่อย” ไม่พูดเปล่าเขาพยายามแกะมือปลาหมึกออกจากลำคอตัวเอง ยิ่งใกล้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ยิ่งลอยมาเตะจมูกไม่พอความนุ่มที่กำลังบดเบียดเข้ามาที่หน้าอกเขาอีก “ปล่อย” “น้ำมันลึกขาไม่ถึงค่ะ” “จิ๊!” อาหลีขยับยิ้มเมื่อเห็นอีกคนจิ๊ปากใส่ราวกับรำคาญ เขาเลิกหยุดแกะมือเธอออกแล้วกลายเป็นว่าว่ายเข้าไปหาโขดหินแทน “ก็ไม่ได้ใจร้ายจนปล่อยให้จมน้ำนี่นา” “หุบปาก!” “ชอบคุณที่ช่วยนะคะ” เวหาชะงักกึก ประโยคเมื่อกี้มันควรเป็น ‘ขอบคุณที่ช่วย’ หรือเปล่า แต่ก็นั่นแหละไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับผู้หญิงคนนี้ เขาปีนขึ้นฝั่งได้ก็เดินจ้ำอ้าวออกไปจากตรงนี้ทันทีไม่คิดจะหันไปช่วยคนเกาะโขดหินอยู่สักนิด อาหลีมองตามก็ได้แต่ส่ายหน้า รู้ตัวว่ารุกแรง แต่ก็บอกไปแล้วว่าถ้าไม่รีบก็คงไม่ทันแล้ว ปีนป่ายขึ้นมาบนโขดหินตำแหน่งเดิม สภาพคือเหมือนลูกหมาตกน้ำที่แย่ไปกว่านั้นวันนี้ใส่เสื้อขาวไม่พอมันดันบางจนเห็นไส้เห็นพุงไปหมดแล้ว จะทำอะไรได้นอกจากเดินไปหยิบกล้องตัวนั้นจากพุ่มหญ้าที่ตัวเองโยนขึ้นมาไว้ จากนั้นก็กลับมานั่งที่โขดหินพร้อมเช็กสภาพกล้องไปด้วย ขึ้นไปตอนนี้ไม่ได้ด้านบนเป็นคาเฟ่ไม่อยากให้คนเอาไปพูดสนุกปาก ทำได้เพียงนั่งตากลมรอให้เสื้อแห้งเท่านั้น ตอนไหนก็ตอนนั้นแหละ เสียเวลาแต่ทำอะไรได้นอกจากนี้ไหม ก็ไม่ พรึ่บ! รู้สึกมีเสียงอะไรอยู่ข้างหูพร้อมกับสิ่งของบางอย่างลอยมาคลุมหัว ดึงมันออกพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปมองด้านบนทันที “อุจาดสายตา” จากยิ้มแย้มกลายเป็นค่อย ๆ หุบลง ความปากร้ายของเขานั้นมันหวนให้เธอคิดไปถึงเมื่อเกือบแปดปีก่อนตอนที่เธอตั้งใจจะจีบผู้ชายคนนี้ ก็ปากร้ายแบบนี้แหละ สุดท้ายก็โดนเธอรวบหัวรวบหางเหมือนเดิม ครั้งนี้ก็เหมือนกันรอดูเถอะ!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม