ตอนที่ 1 เวหา
ตอนที่ 1 เวหา
คนที่เลิกลากันไปเชื่อว่าจะวนกลับมาเจอกันได้อีกครั้งไหม แล้วคนที่เลิกกันทั้งที่ยังรักมากล่ะ ถ้าพรหมลิขิตพลัดพรากกลับมาเจอกันอีกครั้งแล้วเราจะมีโอกาสรักกันใหม่หรือเปล่า?
“ใครกันล่ะยืนอยู่กับคุณนายพิมพ์พร หล่อมาตั้งแต่ห้าร้อยเมตรนู่นแหละ”
พ่อค้าแม่ขายในตลาดต่างแตกตื่นกับการปรากฎตัวของหนุ่มหล่อ สาวเล็กสาวใหญ่ในตลาดเป็นอันต้องมองมาที่จุดคุณนายพิมพ์พรยืนอยู่ ข้างกายคือลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวยืนหน้านิ่งสายตาไม่รับแขก คุณนายพิมพ์พรน่ะชินแล้วกับนิสัยของลูกชาย
“เขาว่ากันว่านั่นน่ะลูกชายของคุณอานนท์กับคุณนายพิมพ์พรเขาแหละ โตที่เมืองนอกเรียนจบนอกเหมือนกัน น่าจะพึ่งกลับมารับช่วงต่อไร่เติมรัก”
“หล่อไม่แพ้สมัยคุณอานนท์หนุ่ม ๆ เลย ตอนนั้นสาว ๆ ทั้งจังหวัดอกหักเพราะข่าวแต่งงานนี่แหละ”
“แต่ไร่เติมรักมีพ่อเลี้ยงเหมราชดูแลอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
“คนฉลาด เรียนจบนอก กลับมาช่วยงานครอบครัวก็ไม่เห็นแปลกอะไร”
พ่อค้าแม่ขายเริ่มวิเคราะห์กันสนุกปากเรื่องราวของไร่ ‘เติมรัก’ ใครในชุมชนละแวกใกล้เคียจะไม่รู้บ้างว่าตอนนี้ทางไร่ดูเหมือนจะมีปัญหาอย่างหนัก หรือว่าพ่อเลี้ยงเหมราชถึงขาลงแล้ว
“งั้นก็กลับกันเถอะจ๊ะ” คุณนายพิมพ์พรเห็นหน้าตาลูกชายเหมือนปวดอึอยู่ตลอดเวลาก็อยากจะขำออกมาบ้าง “ร้อนมากเหรอ”
“ผมจะกลับไร่พร้อมรักเลย” เสียงทุ้มเย็นชาเอ่ยออกมาเรียบ ๆ เดินนำหน้าผู้เป็นแม่ไปยังรถกระบะโฟวิลสีดำของตัวเอง
“ปู่อยากคุยด้วยนะ” คุณนายพิมพ์พรเดินตามหลังมาติด ๆ กว่าลูกชายจะมาหาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายจริง ๆ “หรือไม่อยากคุยก็ไปกินข้าวกับแม่ได้ไหม”
“ผมมีงานต้องทำ”
“แม่กับพ่อมีลูกชายคนเดียวคือแกนะ แกจะไปเริ่มธุรกิจกับใครหรือลงทุนที่ไหนพ่อกับแม่ไม่ว่าเลย แต่ท้ายสุดแล้วสิ่งที่พ่อกับแม่กำลังทำอยู่ทุกอย่างในตอนนี้ก็เพื่อให้ลูกกลับมารับช่วงต่อ”
คุณนายพิมพ์พรพูดขึ้นมาเบา ๆ ลูกชายห่างจากอกไปหลายปีแล้วเพราะเหตุการณ์ในตอนนั้นทำให้ลูกชายที่หล่อนฟูมฟักมาอย่างดีกลายเป็นหนังคนละม้วนไปเลย “ธุรกิจของครอบครัวรอแกมาสานต่อ ถ้าแกไม่กลับมาพ่อก็ต้องทำงานหนักอยู่แบบนี้ ไม่สงสารพ่อเหรอตาลม”
“ผมจะไปส่งแม่ที่ไร่แล้วกลับไปทำงานนะครับ”
คุณนายพิมพ์พรถอนหายใจออกมายาวเหยียดได้แต่พยักหน้ารับ เธอไม่อยากบังคับลูกชาย ตอนนี้อยู่จังหวัดใกล้ ๆ พอให้ได้อุ่นใจบ้างแล้ว ถ้ารบเร้าไปมากกว่านี้กว่าลูกชายเตลิดหนีไปไกลอีก เธอคงทนไม่ไหว
รถกระบะโฟวิลแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านขนาดใหญ่เป็นอาณาจักรของ ‘ไร่เติมรัก’ แน่นอนว่าเจ้าของต้องเป็นลูกหลานจากตระกูลดังในตัวอำเภออย่างแน่นอน อาณาจักรพันกว่าไร่ของไร่เติมรักมีผู้สืบทอดธุรกิจคือพ่อเลี้ยงเหมทัชที่ใครก็รู้ว่าทั้งดุ และคุมคนงานโหดขนาดไหนนอกจากนั้นยังจัดระเบียบลูก ๆ ของตัวเองได้ดีทุกคนต่างสืบสานธุรกิจให้ไปต่อได้ไม่ขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด แต่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เมื่อหนึ่งปีก่อนเหมือนธุรกิจไร่ส้มของไร่เติมรักเหมือนจะสั่นไหวอย่างรุนแรง หลังจากเลื่อนผู้สืบทอดมาเป็น ‘เหมราช’ ลูกชายคนเล็กของพ่อเลี้ยงเหมทัช การเงินเริ่มจะไม่คล่องตัวเหมือนแต่เก่า จากที่มีลูกค้ากลายเป็นว่าเริ่มหายไปที่ละรายหรือมากกว่านั้นเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมา ทั้งที่ไร่ส้มเป็นจุดขายหลักของไร่เติมรัก
รถวิ่งเข้ามาจอดสนิทที่หน้าบ้านหลังใหญ่กดปลดล็อกรถให้ผู้เป็นมารดาสื่อให้เข้าใจว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางเข้าไปในบ้านหลังนั้นเด็ดขาด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
หางตาเรียวรีตวัดไปมองก่อนจะถอนหายใจแล้วเลื่อนกระจกรถลงมาอย่างจำใจ
“ขอโทษด้วยนะครับ แต่พ่อเลี้ยงเหมทัชให้ผมล็อกรั้ว เรียนมาว่าให้คุณเวหาลงไปคุยกับพ่อเลี้ยงที่ห้องครับ”
พ่อเลี้ยงเหมทัชต้องการพบหน้าหลานชายของตนเองนอกจาก ‘เวหา’ จะจบสายตรงด้านนี้ไม่พอยังจบเกียรตินิยมจากต่างประเทศอีกด้วย มีเรื่องมากมายอยากจะพูดคุยกับหลานชายที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นปี เพราะเจ้าตัวแทบไม่ย่างกรายมาที่บ้านหลังนี้เลยถ้าไม่บอกว่ามีธุระจริง ๆ
มุมปากเหี่ยวย่นยกขึ้นเล็กน้อยหลังจากมองผ่านกระจกห้องนอนชั้นแรกของตัวเองออกไปเห็นหลานชายเดินเข้ามาด้วยท่วงท่างดงามเหมือนนายแบบไม่เกินจริง การแต่งตัวเหมือนคนทำงานในไร่ต่างจากคนที่เขาให้สืบทอดธุรกิจที่เหมือนจะติดหรูอยู่ดีมากเกินกว่าจะคุมคนงานในถิ่นทุระกันดารแบบนี้
กี่ปีแล้วที่เวหาไม่มาเหยียบที่บ้านหลังนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดในใจ เหมือนความรักเมื่อหลายปีที่แล้วจะทำให้หลานชายเขาเปลี่ยนไปมากจริง ๆ
“มาแล้วเหรอไอ้เสือ”
เวหาชะงักฝีเท้าเล็กน้อยก่อนจะปรายตาไปมองคนที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘ปู่’ ของตัวเองไม่ได้เจอแค่หนึ่งปีท่านดูซูบผอมกว่าเดิมเยอะ
“ครับ”
รู้ว่าในใจหลานยังไม่อาจให้อภัยตัวเองได้ แต่จะทำอะไรได้ในตอนนี้นอกจากยิ้มรับอย่างรู้สึกผิด ไม่แปลกที่เวหาจะเย็นชากับตนแบบนี้ก็อดีตตนเคยทำกับหลานไว้เยอะจริง ๆ
“มานั่งคุยกันหน่อยสิ กินข้าวกินปลามาหรือยัง”
“ครับ” เขาเลือกจะตอบออกไปเท่านั้นจริง ๆ จะว่าเย็นชาก็คงใช่ แล้วใครกันล่ะที่หล่อหลอมให้เขากลายมาเป็นคนแบบนี้
“งั้นก็มาคุยกันหน่อย เรื่องของไร่เติมรัก” หยั่งเชิงดูสีหน้าของหลานชายแต่มันกับนิ่งไร้อารมณ์ร่วมเสียเหลือเกิน นับวันหลานชายของตนยิ่งเย็นชาพูดน้อย แต่ก็นะ กรรมใดที่ตนก่อผลกรรมก็ตกมาอยู่ที่ตนนี่แหละ
เวหาเดินตามชายชราสายตาแอบเพ่งสำรวจขวามือมีไม้เท้าช่วยพยุงให้ชายชราก้าวเดินไปข้างหน้าได้ แม้จะไม่ค่อยมั่นคงแต่มันก็มีส่วนช่วยให้คนตรงหน้าเดินได้สะดวกขึ้น
“นั่งก่อนสิ”
พ่อเลี้ยงเหมทัชอดีตนายจ้างที่คนทั้งไร่รู้จักเป็นอย่างดีทั้งโหด ทั้งเข้ม แอบจะเค็มอยู่หน่อย ๆ แต่คนงานที่ไร่ต่างก็รักและเคารพพ่อเลี้ยงเหมทัช เพราะเวลาที่คนงานในไร่มีปัญหาจะเป็นคนใกล้ตัวหรือคนงานใหม่พ่อเลี้ยงเหมทัชก็มักจะยื่นมือเข้าช่วยอยู่เสมอ จนเป็นที่รักและเคารพของคนงาน
ไร่เติมรักเป็นไร่ที่ปลูกผลผลิตเกษตรยืนต้นส่วนมาก มีทั้งสวนส้มกว่าห้าร้อยไร่ ไร่สตอร์เบอรี่ ไร่องุ่นและมีฟาร์มแพะอีกหลายร้อยตัว ส้มคือผลผลิตหลักของไร่เติมรักและเป็นของขึ้นชื่อของจังหวัดถ้าใครได้ยินว่ารับส้มมาจากไร่เติมรักเป็นต้องขายดิบขายดีหมดแผงตั้งแต่ค่อนวันไม่เกินจริง แม้จะเป็นการเล่าลือมาปากต่อปากแต่ถ้ามันไม่เคยเกิดขึ้นจริงคนเขาจะพูดกันได้ยังไงใช่ไหมล่ะ
เวหาหย่อนกายนั่งลงที่โซฟาบุนวม ตลอดทุกการเคลื่อนไหวของผู้เป็นปู่ตนนั้นคอยสังเกตอยู่ตลอด เห็นแล้วก็ได้แต่สะท้อนอยู่ในใจตัวเอง
“พ่อเลี้ยงเหมทัชมีอะไรจะพูดกับผมครับ” ไม่อาจทนมองได้นานกว่านี้ไม่งั้นสิ่งที่คับแค้นอยู่ในใจมันอาจจะมลายหายไปเพราะไม่อยากยกเหตุผลร้อยพันแปดขึ้นมาคิดแล้ว
“ไร่เติมรักเป็นหนี้ร้อยล้าน” ไม่คิดจะปิดบังในสิ่งที่ลูกชายตัวเองได้ทำไว้นั่นก็คือการแอบขโมยโฉนดที่ดินในส่วนของไร่ไปขาย ตอนมารู้เป็นลมจนต้องเข้าโรงบาลก็ได้แต่บอกผู้ช่วยให้ปกปิดไม่อยากให้ถึงหูลูกหลานพาลเป็นห่วงต้องบินไปบินมาเพราะลูกหลานนั้นอยู่ห่างไกล
“...” มันเป็นความรู้สึกที่พูดไม่ออกส่วนตัวเขานั้นไม่ได้รู้เรื่องของที่ไร่เป็นการส่วนตัวเพราะคิดว่าไม่อยากยุ่งเลยไปทำธุรกิจอีกจังหวัดที่อยู่ข้าง ๆ กัน อาจจะเป็นเพราะไม่กล้าหนีไปไกล ยังไงปู่ก็คือคนที่มีพระคุณกับเข ามันทิ้งไม่ลงมันคาอยู่ในใจจะปล่อยวางก็ทำได้อยากจะให้อภัยก็คิดไม่ตก
“ที่ฉันเรียกแกมาก็เรื่องนี้ ระหว่างแกกับเหมราชใครที่ทำให้ไร่เติมรักกลับมามั่งคั่งได้เหมือนเดิมฉันจะยกให้คนนั้นดูแล”
“ผมไม่สนใจไร่เติมรักของพ่อเลี้ยงเหมทัชครับ”
คนเป็นปู่ถอดถอนหายใจรู้ว่าประโยคนั้นไร้การประชดประชันดูจากสายตาว่างเปล่าของหลานเขาก็พอจะรู้ว่าเจ้าตัวคิดแบบนั้นจริง ๆ แต่เขาเหมือนจะเห็นอะไรในตัวของหลานชายบางอย่าง ที่เขานั้นคิดว่าเวหาอาจจะกลายมาเป็นผู้ที่ทำให้ไร่เติมรักกลับมาสง่างามเป็นที่เลื่องลือได้อีกเหมือนเดิม
มีแค่เวหาที่ไม่พึ่งบารมีของตระกูล ออกไปตั้งหลักปักฐานเองจนเป็นที่รู้จักในวงการเกษตรกรรม คู่หูดูโอ้สองพ่อเลี้ยงหนุ่มสุดหล่อก็คือหลานชายเขาแล้วก็เพื่อนอีกคน ช่วยกันสร้างธุรกิจที่เกือบเจ๊งของไร่พร้อมรักให้กลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิมได้ เขาก็รู้มาว่าเป็นฝีมือของหลานชายเหมือนกัน
“ถ้าแกกลับมาบริหารที่นี่แล้วทำให้ไร่เติมรักกลับมาปลอดหนี้มีกำไรได้ฉันจะยอมรับข้อเสนอแกทุกอย่าง ไม่มีข้อแม้” รู้ว่าตอนนั้นทำผิดต่อหลานแต่ตอนนั้นหวังดีจนกลายเป็นจุ้นจ้านในชีวิตหลานเกินไป คนที่หลานเลือกเขาควรเปิดใจให้มากกว่านี้ แต่ก็นั่นแหละมันผ่านมาหลายปีแล้วจริง ๆ
“ผมไม่อยากได้อะไรจากพ่อเลี้ยงทั้งนั้น”
“แม้แต่คำขอโทษต่อผู้หญิงคนนั้นจากฉัน?”
เวหาถึงกับสะอึกเมื่อได้ยินแบบนั้นเขานิ่งคิดอยู่นานสุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่า...มันสายเกินไปแล้ว ในเมื่อตอนนี้ต่างคนต่างไป ก็ให้มันเป็นแบบนั้นไปดีกว่าเขาไม่อยากหวนนึกถึงอดีตพวกนั้นอีกแล้ว
“ผมคิดว่ามันคงไม่ทันแล้ว ไม่ใช่ว่าขอโทษแล้วคนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม และผมก็ไม่อยากกลับไปเจ็บเจียนตายแบบนั้นอีกแล้ว”
มองหลานชายเดินตัวปลิวโดยไม่หันกลับมามองหลังอีกเลยพ่อเลี้ยงเหมทัชก็พอจะรู้แล้วว่าหลานชายไม่สนใจในสิ่งที่เขาพูดจริง ๆ จะว่าก็ว่าที่หลานพูดมาก็ถูก ไม่ใช่ว่าขอโทษแล้วทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิมก็เหมือนกับเหมราชที่รู้ว่าบริหารไร่ต่อก็มีแต่ขาดทุนก็เอาแต่ขอโทษและขอโอกาส แต่ทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว
ยิ่งมองยิ่งเหมือนตัวเองสมัยเป็นหนุ่มท่าทางไม่สนใจใครเย็นชาเฉียบขาดของเวหาในตอนนี้มีมาดผู้บริหารของไร่ จนตนเองได้แต่ยกมือทุบอก ในตอนนั้นอะไรบังตาเลือกที่จะไล่หลานชายให้ไปไกลเพียงเพราะหลานเลือกผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่จะมาแต่งงานด้วย
คิดแล้วได้แต่สะท้อนในอกเมื่อรู้ว่าตนเองเป็นปู่ที่แย่ขนาดไหน เพราะการตัดสินใจโดยไม่มีเหตุผลในตอนนั้นทำให้หลานชายเพียงคนเดียวกลายมาเป็นคนเย็นชาเหมือนน้ำแข็งขั้วโลกเหนือแถมไม่รู้ว่าจะรักผู้หญิงคนไหนได้อีกหรือเปล่า