เมื่อหนิงเหมยจูมาถึงก็เจอกับสามีที่ยืนคิ้วขมวดกับการจัดร้าน หนิงเหมยจูยืนมองอยู่ไม่นานก็หัวเราะขึ้นเสียงดัง ทำให้ตงซีเฉินที่มัวแต่วุ่นวายกับงานตรงหน้าต้องหันกลับมามองพร้อมกับเกาท้ายทอยแก้เก้อ
"มาแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง"
"เรียบร้อยแล้วค่ะ ฉันซื้อบ้านหลังเล็กหนึ่งหลังไว้เก็บของด้วยนะ ตอนนี้ให้เขาลงของให้อยู่ เดี๋ยวอีกสักพักค่อยให้ลุงเซียงไปเอา ส่วนที่นี่อีกสองวันเราค่อยมาจัดใหม่ พวกชั้นวาง ฉันสั่งไว้หมดแล้วเราเหลือแค่ของที่ขายได้ก็พอ มีพวกตู้แช่น้ำด้วย ดีที่เขายังพอมีเหลืออยู่ไม่อย่างนั้นคงต้องรอสินค้าเป็นเดือน พี่โกรธไหมที่ฉันใช้เงินเยอะขนาดนี้" หนิงเหมยจูรู้สึกผิดนิดหน่อยที่ตัวเองใช้เงินเยอะเกินไปจริงๆ
"ไม่ครับ น้องใช้จ่ายก็เพื่อครอบครัวของเรา ไม่ได้จ่ายเพราะเรื่องส่วนตัวเสียหน่อย" ตงซีเฉินยิ้มอย่างอบอุ่นไปให้ แม้ว่าหนิงเหมยจูจะใจแข็งยังไงก็ยังมีความหวั่นไหวขึ้นมาไม่น้อย แบบนี้ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าผู้ชายอบอุ่น จากนั้นสองสามีช่วยกันจัดของในร้านเท่าที่ทำได้ด้วยความสุขและเสียงหัวเราะของทั้งสองคน และรอเวลาเพื่อที่จะไปหาลุงเซียงจะได้ขนของจากบ้านที่ซื้อใหม่เข้าหมู่บ้าน
ย้อนกลับมาที่หนิงฮุ่ยหมิน ชายหนุ่มปั่นจักรยานมาที่โรงเรียนมัธยมด้วยความสุขที่สุด วันนี้เขาจะได้ทำเรื่องขอเข้าเรียนต่อและจะได้จ่ายค่าเล่าเรียนเลยตามที่พี่ใหญ่และพี่เขยสั่งมา เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หนิงฮุ่ยหมินจึงเดินลงมาจากอาคารเรียนเพื่อจะกลับหมู่บ้าน แต่กลับต้องมาเจอคนที่ไม่อยากเจอ
"ว่าไงไอ้บ้านนอก กล้ากลับมาเรียนแล้วเหรอ" ถานหมิงเย่วเด็กหนุ่มเกเรเคยเรียนอยู่ชั้นเดียวกับหนิงฮุ่ยหมินเอ่ยอย่างดูถูก
"ถ้านายจะบอกว่าฉันบ้านนอก แล้วที่นี่ไม่บ้านนอกกันทั้งหมดเลยเหรอ แม้ว่าอยู่ในอำเภอแต่ก็ยังไม่ใช่ในเมืองหรือในปังกิ่ง นายนี่ก็แปลกนะหมิงเย่วนายด่าตัวเองก็เป็น" หนิงฮุ่ยหมินบอกด้วยน้ำเสียงปกติไม่บ่งบอกว่าโกรธกับคำพูดของอดีตสหายร่วมห้อง
"ฮุ่ยหมินนายก็พูดเกินไป ว่าแต่พ่อของนายให้กลับมาเรียนได้แล้วเหรอ" ตงหงลี่ลูกสาวบ้านตงจีบปากจีบคอพูด เธอเองก็ไม่ชอบหนิงฮุ่ยหมินอยู่แล้ว อีกทั้งไม่ชอบพี่สะใภ้แสนร้ายคนนั้นด้วย
"อืม แต่ไม่ใช่พ่อหรอกนะที่ให้เรียน แต่เป็นพี่เหมยจู ตอนนี้ฉันมาอยู่กับพี่เขยและพี่ใหญ่แล้ว พี่ใหญ่กำลังจะสร้างบ้านใหม่เลยอยากให้ฉันกลับมาเรียน ว่าก็ว่านะ ในเมื่อพี่เขยรักพี่เหมยจูเสียขนาดนี้ แค่ส่งฉันซึ่งเป็นน้องชายของภรรยารักกลับมาเรียนคงไม่มีปัญหาอะไร" หนิงฮุ่ยหมิน เขาพูดเหมือนไม่ใส่ใจ แต่กลับจุดชนวนความอิจฉาที่ตงหงลี่มีอยู่ให้ปะทุขึ้นมา หญิงสาวได้แต่กำมือแน่น ไม่ใช่ว่าพี่สี่ของเธอพิการแล้วเหรอ บ้านพี่สี่จนอย่างกับอะไรดี จะเอาปัญญาที่ไหนมาส่งไอ้ฮุ่ยหมินเรียน
"นายโกหก พี่สี่จนอย่างกับอะไร อีกทั้งพี่สาวของนายไม่ใช่คนที่ขยันจะมีเงินมาส่งนายเรียนได้ยังไง" ตงหงลี่ยังคงเถียง เธอไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดถ้าไม่เห็นด้วยตาตัวเอง แต่เมื่อทำท่าจะเถียงต่อกลับรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ทำให้หญิงสาวต้องรีบวิ่งไปห้องน้ำปล่อยให้พวกผู้ชายฟาดฟันกันด้วยคำพูดต่อไป
"นายระวังไว้ให้ดีเถอะ ระวังจะชีวิตไม่สงบเมื่อกลับมาเรียนอีกครั้ง" ถานหมิงเย่วพูดจบเตรียมจะเดินจากไป แต่กลับได้ยินเสียงของหนิงฮุ่ยหมินตอบกลับมา
"ฉันพร้อมเสมอ แต่การที่ฉันกลับมาเรียน ฉันไม่ต้องการที่จะมีเรื่องกับใคร ฉันต้องการมาหาความรู้และอนาคตที่ดีให้กับตัวเอง แต่ในเมื่อนายเลือกที่จะขู่กันแบบนี้ ไม่สู้เรามาดูกันที่คะแนนเรียนไม่ดีกว่าเหรอ" หนิงฮุ่ยหมินพูดจบก็เดินมาที่จักรยานของตัวเองก่อนจะปั่นกลับไปที่หมู่บ้าน ระหว่างที่ขี่จักรยานกลับเขาได้แต่สงสัยอาการของน้องสาวของพี่เขย แต่คงไม่เป็นอย่างที่คิดหรอกมั้ง จากนั้นเขาก็ไม่ใส่ใจอีกมุ่งหน้าปั่นจักรยานเข้าหมู่บ้านด้วยความสุข
หนิงเหมยจูจัดร้านกับตงซีเฉินทั้งสองคนได้เหงื่อไม่น้อย เมื่อคิดว่าได้เวลาแล้วทั้งสองคนจึงปิดประตูร้านแล้วปั่นจักรยานไปหาลุงเซียงที่รอทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้คนขับเกวียนทั้งหลายเริ่มจะอิจฉาลุงเซียงขึ้นมาบ้างแล้ว แม้ว่าลุงเซียงจะไม่มีลูกค้าเหมือนคนอื่นแต่รายรับที่หนิงเหมยจูให้นั้นมากกว่าที่ขับเกวียนรับจ้างทั้งวันเสียอีก
"ลุงเซียงเดี๋ยวไปเอาของที่บ้านและขนไปส่งให้ในหมู่บ้านเหอซานด้วยนะ ว่าแต่ลุงเซียงพอจะมีคนแนะนำให้สักสองคนไหม ฉันอยากให้มาช่วยขายของที่ร้านสักคนสองคน"
"พอมีเป็นลูกชายของลุงเอง อายุยี่สิบปีส่วนอีกคนเป็นสหายของลูกชาย ทั้งสองคนเคยทำงานร้านขายอาหาร แต่เพราะว่าร้านนั้นต้องเอาคนออกลูกชายและสหายเลยต้องโดนเลิกจ้าง" เขาไม่ได้อยากแนะนำลูกหรือสหายของลูก แต่ถ้าถามคนที่เขาไว้ใจก็คงจะมีเพียงสองคนนี้เท่านั้น
"เป็นผู้ชายทั้งสองคนหรือเปล่าคะ" หนิงเหมยจูไม่ติดปัญหาว่าจะเป็นชายหรือหญิง ดีเสียอีกหากเป็นผู้ชายจะได้ขนของจัดของได้ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีแรง
"สหายคนนั้นเป็นผู้หญิง หากเหมยจูและซีเฉินตกลงพรุ่งนี้ลุงจะให้ทั้งสองคนมาหาดีไหม"
"เอาเป็นว่าอีกสองวันมาเจอกันที่ร้านดีกว่า ตอนนี้เราไปขนของและรีบกลับบ้านกัน มีจักรเย็บผ้าด้วยนะ และมีจักรยานเด็กด้วย ส่วนอย่างอื่นก็จะเป็นผ้าและของไม่ใหญ่"
"ได้เลยลุงไม่มีปัญหา นำทางลุงไปเลย" ลุงเซียงไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาสำหรับเขา อีกทั้งเกวียนที่ขนของนี้ถึงจะเก่าแต่ก็ยังแข็งแรง เมื่อคุยกันเรียบร้อยทั้งสามคนก็มุ่งหน้าไปที่บ้านหลังใหม่ของหนิงเหมยจูพอขนของขึ้นเกวียนทั้งหมด หนิงเหมยจูจึงซ้อนท้ายจักรยานให้สามีอย่างตงซีเฉินขี่นำลุงเซียงเข้าไปในหมู่บ้าน
เมื่อเกวียนตามหลังจักรยานของหนิงเหมยจูข้ามาในหมู่บ้านเหอซาน ชาวบ้านที่เห็นต่างก็ซุบซิบด้วยความอิจฉา ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นว่าของอย่างอื่นคืออะไรแต่ที่เด่นชัดคือจักรเย็บผ้า นี่ลูกชายสี่บ้านตงและสะใภ้ซื้อจักรเย็บผ้ามาเหรอ แล้วยังมีจักรยานที่ขี่เข้ามาอีกนี่เป็นคันที่สองแล้ว ไม่ใช่จ่ายฟุ่มเฟือยเกินไปหรือยังไง ทุกสายตาจึงมองไปที่เกวียนเล่มนั้นเพื่อจะให้เห็นว่าในนั้นนอกจากจักรเย็บผ้าแล้วยังมีอะไรอีก แต่ชาวบ้านกลับได้รับความผิดหวังเพราะไม่เห็นอะไรนอกจากผ้าสีขาวปิดอยู่
พอมาถึงบ้านหนิงเหมยจูจึงรีบเปิดประตูรั้วและมองว่าน้องชายกลับมาถึงหรือยังพอเห็นจักรยานจอดอยู่จึงได้ร้องเรียกให้มาช่วยลุงเซียงขนของพร้อมกับซีเฉินสามีของเธอ
"ฮุ่ยหมินน้องมาช่วยหน่อย"
"มาแล้ว มาแล้ว" หนิงฮุ่ยหมินร้องบอก เด็กหนุ่มรีบวิ่งออกมา ตามมาด้วยหลานสาวตัวน้อย ตบท้ายฟู่เจียจิ่นด้วยอีกคน ทั้งสามคนมาถึงได้แต่ตาโตอ้าปากค้าง หนิงฮุ่ยหมินคิดว่าพี่สาวกับพี่เขยเขาซื้ออะไรมา แม้แต่ฟู่เจียจิ่นยังสงสัยว่าลูกสาวซื้ออะไรมามากมายแบบนี้ แม้แต่หม้อกระทะใบใหญ่ก็ยังมี
"ไม่ต้องมองค่ะแม่ช่วยขนก่อน อีกสองวันช่างจะเริ่มมาถางหญ้าและปรับพื้นที่ หนูเลยตั้งใจจะทำอาหารเลี้ยงด้วย แต่คงต้องหาชาวบ้านมาช่วยคนเพราะหนูกับพี่ซีเฉินต้องเข้าไปจัดร้าน แม่จะได้ไม่เหนื่อย แล้วฮุ่ยหมินนายจะกลับไปเรียนเมื่อไหร่"
"เทอมหน้าครับพี่ ช่วงนี้ต้องอ่านหนังสือเองแล้วเปิดเทอมค่อยไปสอบ ครูใหญ่บอกว่าจะได้เรียนจบพร้อมสหายคนอื่น ช่วงนี้ผมช่วยงานแม่เองพี่กับพี่เขยไปจัดการเรื่องที่ร้านเถอะ"
สองพี่น้องคุยกันระหว่างขนของ เมื่อขนเสร็จหนิงเหมยจูจึงยื่นเงินค่าจ้างให้กับลุงเซียงพร้อมกับเนื้อหมูและอาหารอีกหลายอย่าง ลุงเซียงได้แต่ขอบคุณไม่หยุดปาก และบอกว่าหากมีอะไรก็ไปตามได้เลยส่วนอีกสองวันเขาจะพาลูกชายและสหายไปเจอที่ร้าน พร้อมกับบอกว่าหากไม่ชอบหรือไม่เข้าตาสามารถปฏิเสธได้ทันที ไม่ต้องเกรงใจเขา จากนั้นจึงขอตัวกลับ จนลืมมองว่าหนิงเหมยจูให้ค่าจ้างมาเท่าไหร่
แต่พอกลับถึงบ้านเท่านั้นลุงเซียงและภรรยาตกใจจนแทบตกเก้าอี้ เพราะหนิงเหมยจูให้เงินมาตั้งห้าหยวนทั้งๆ ที่เขามาส่งแค่นี้เอง ก่อนจะสั่งสอนและบอกลูกชายว่าหากได้ทำงานกับหนิงเหมยจูต้องทำด้วยความซื่อสัตย์และขยันขันแข็ง
กลับมาที่เสี่ยวลู่ตัวน้อยที่ตอนนี้ยืนมองจักรยานคันเล็กด้วยความตื่นเต้น แต่ก็ไม่กล้าวิ่งเข้าไปจับ จนหนิงเหมยจูอดถามลูกสาวไม่ได้หลังจากขนของเข้าบ้านแล้วกลับออกมาหาลูกสาวพร้อมกับสามีและน้องชาย
"เสี่ยวลู่หนูไม่ชอบจักรยานที่แม่ซื้อมาให้เหรอ"
"เปล่าค่ะ หนูชอบมากค่ะแม่"
"ในเมื่อชอบทำไมลูกไม่ลองขี่ล่ะ" ตงซีเฉินขมวดคิ้วถามลูกสาวด้วยความไม่เข้าใจ ชอบแต่กลับไม่ขี่
"หนูกลัวมันเก่า หนูเลยมองอย่างเดียว" เสี่ยวลู่พูดอายๆ ทำให้ทั้งพ่อทั้งแม่รวมถึงน้าชายได้แต่มองด้วยความเอ็นดู เพราะกลัวว่าจักรยานเก่านี่เองเลยไม่กล้าขี่
"เสี่ยวลู่ฟังแม่นะ ถ้าหนูชอบหนูก็ขี่เลยให้น้าฮุ่ยสอน พอหนูปั่นเป็นแล้วค่อยถอดล้อเล็กๆ ข้างๆ ออก หนูไม่ต้องกลัวว่ามันจะเก่า แต่ถ้าหนูโตกว่านี้จักรยานคันนี้หนูก็จะขี่ไม่ได้แล้วนะลูก ดังนั้นหนูขี่เลยไม่ต้องกลัว ตกลงไหม"
เมื่อแม่บอกว่าขี่ได้ ไม่ต้องกลัวเก่าด้วยความที่ใจอยากจะขี่อยู่แล้วจึงรีบจูงมือน้าชายให้สอนเธอขี่จักรยานด้วยรอยยิ้ม ตงซีเฉินมองลูกสาวที่หัวเราะและยิ้มอย่างมีความสุข เขาอยากจะขอบคุณภรรยาคนนี้มากที่รักเสี่ยวลู่ไม่ต่างอะไรกับลูกของตัวเอง
"ขอบคุณมากนะครับ ที่น้องรักเสี่ยวลู่มากขนาดนี้"
"พี่ก็พูดแปลก เสี่ยวลู่เป็นลูกฉันเหมือนกัน ถึงแม้ฉันจะไม่ได้เป็นคนอุ้มท้องและเป็นคนให้กำเนิดมาก็เถอะ ฉันก็รักของฉันนะ" เธออาจจะไม่ได้เกิดเสี่ยวลู่มาก็จริงแต่เธอก็รักเด็กน้อยนี้มาก
"รักแต่ลูกแล้วพ่อของลูกรักไหม" ตงซีเฉินหน้าด้านถาม เขาเชื่อว่าสักวันภรรยาจะต้องรับเขาเข้าไปอยู่ในหัวใจเหมือนกับที่เธอรักลูกสาวของเขาอย่างเสี่ยวลู่ หนิงเหมยจูได้แต่มองสามีหน้ามึนที่พยายามหยอดเธอทุกวันด้วยรอยยิ้ม
**********************