ช่วงบ่ายของวันนี้ ตงซีเฉินบอกภรรยาว่าขอไปหาสหายหน่อยโดยที่ชวนหนิงฮุ่ยหมินไปด้วย ทำให้น้องเขยอย่างเขาต้องถามตงซีเฉินอย่างไม่เข้าใจระหว่างซ้อนท้ายจักรยานออกมา
"พี่เขยพี่กำลังจะไปไหน"
"ไปหาสหาย ไปถึงนายก็รู้เองน่า อย่าถามมาก"
ตงซีเฉินคิดว่าแม้เหตุการณ์วันนี้จบลงด้วยดี แต่ใครจะคิดล่ะว่าต่อไปจะไม่เกิดขึ้นอีก เขาควรจะทำอะไรเด็ดขาดมากกว่านี้และควรจะตัดปัญหานี้เสียที ไม่อย่างนั้นหากภรรยาเขาซื้ออะไรมาอีกมีหวังบ้านตงคงจะเข้ามาวุ่นวายอีกแน่ แต่เมื่อจุดหมายปลายทางที่มานั้นกลับไม่ใช่บ้านของสหายอย่างที่คิด กลายเป็นว่าทั้งสองหนุ่มต้องเข็นจักรยานขึ้นเขากันแทน เมื่อขึ้นมาสักพักกลับเจอเด็กหนุ่มอายุน่าจะประมาณหนิงฮุ่ยหมินอยู่สามสี่คนและเป็นคนที่เขาไม่คุ้นหน้า อาจจะไม่ใช่เด็กในหมู่บ้านนี้ แต่เขาไม่เข้าใจว่าพี่เขยอย่างตงซีเฉินนั้นนัดเจอเด็กพวกนี้ตอนไหน
"สวัสดีครับพี่ซีเฉิน ไม่เจอหลายเดือนเลยนะครับ" เด็กหนุ่มชื่อว่ากวนหยางเอ่ยทักท่าทางดีใจ ตอนน้องชายวิ่งไปบอกว่าพี่ซีเฉินเดินได้แล้วนั้นเขาดีใจมาก พวกเขาทั้งสี่คนเป็นเด็กกำพร้าใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสี่คน พวกเขานับถือตงซีเฉินเป็นพี่ชาย เพราะชายหนุ่มเป็นคนสอนให้เด็กพวกนี้รู้จักเข้าป่าล่าสัตว์และสอนให้รู้เรื่องสมุนไพรที่พอจะนำไปขายได้ สอนให้รู้จักทำกินแม้จะไม่มีผู้ใหญ่คอยดูแลแต่ทั้งสี่ก็ไม่ใช่เด็กเกเร
"สบายดีแล้ว พวกนายเป็นยังไงบ้าง ยังเข้าป่าล่าสัตว์กันอยู่ไหม วันนี้ฉันมีเรื่องจะขอให้พวกนายช่วยสักหน่อย"
"ได้เลยพี่ พี่มีอะไรให้เราสี่พี่น้องช่วยบอกได้เลย" กวนหยางรับคำ จากนั้นตงซีเฉินจึงกวักมือให้เด็กหนุ่มเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะกระซิบบางอย่างให้รู้ กวนหยางพยักหน้าเข้าใจเรื่องง่ายแค่นี้พวกเขาจัดการได้
"ได้เลยพี่ พี่รอฟังข่าวได้เลย" แค่ปล่อยข่าวลือไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขาเลย
"เอานี่เก็บไว้ใช้ ช่วงนี้พี่คงยังไม่ได้เข้าป่า พี่เพิ่งจะหายจากอาการป่วยภรรยาพี่คงยังไม่ให้เสี่ยงอันตรายใดๆ" ตงซีเฉินยื่นเงินให้ เขาไม่ต้องการใช้งานใครฟรีๆ ถึงแม้ว่าจะสนิทกันแค่ไหนก็ตาม
"ขอบคุณมากครับพี่ พวกเราไปก่อนนะครับ ไม่เกินสามวันพี่รอฟังข่าวได้เลย" กวนหยางรับเงินมาก่อนจะขอตัวกลับเพราะไม่อยากให้ใครมาเจอเข้า และเตรียมจะไปปล่อยข่าวลือเย็นนี้ทันที
เมื่อทั้งสี่คนจากไปแล้วหนิงฮุ่ยหมินถามพี่เขยอย่างสงสัยเขาเสียงพี่เขยที่กระซิบนั้นไม่เบาจนเกินไปทำให้เขาได้ยินด้วยเหมือนกัน "พี่ซีเฉินทำแบบนี้ไม่เท่ากับแตกหักบ้านตงเหรอพี่"
"ตอนนี้ก็แตกหักแล้ว แต่ถ้าพี่ไม่ทำแบบนี้นายคิดว่าบ้านตงจะไม่มาวุ่นวายอีกเหรอ ในเมื่อเรื่องนี้คือสิ่งที่พ่อแม่พี่ปิดไม่อยากให้คนนอกรู้ เราก็ทำให้ข่าวลือเรื่องนี้ออกมาก็หมดเรื่อง หรือนายว่าไม่จริง พี่ไม่อยากให้เหมยจูต้องเจอกับปัญหาพวกนี้อีก" เมื่อพูดถึงภรรยาและร่างนุ่มนิ่มที่เขากอดทำให้ใบหน้าของตงซีเฉินมีแต่รอยยิ้มจนน้องเขยอย่างหนิงฮุ่ยหมินอดที่จะเอ่ยล้อไม่ได้
"พี่เขยครับ ผมว่าพี่น่าจะหลงเสน่ห์พี่ใหญ่เข้าเต็มๆแล้ว ยิ้มนะหุบบ้างเดี๋ยวแมลงจะบินเข้าปาก" หนิงฮุ่ยหมินส่ายหัวให้กับอาการหลงภรรยาขั้นรุนแรงของพี่เขย นี่ขนาดเริ่มต้นเท่านั้นนะ ถ้าหากอยู่กันนานกว่านี้มีหวังคงอุ้มพี่สาวเขาเดินแน่ๆ
"แบบนี้ไม่ได้เรียกว่าหลงเขาเรียกว่ารักสุดหัวใจมากกว่า" ตงซีเฉินหัวเราะร่าจากนั้นทั้งสองคนจึงปั่นจักรยานกลับมาที่บ้าน
เย็นนี้หนิงเหมยจูทำอาหารแบบปกติแล้วเพราะสามีเธอไม่ใช่คนป่วยอีกต่อไป แต่ก็ยังคงใช้น้ำในโอ่งที่ยังคงมีเหลืออยู่เหมือนเดิม ในเมื่อขาของสามีเธอยังหายได้ อย่างนั้นทุกคนที่กินเข้าไปร่างกายคงจะต้องแข็งแรงขึ้นแน่ๆ
"เหมยจูพรุ่งนี้พี่ไปด้วยได้ไหม" ระหว่างกินอาหารตงซีเฉินเอ่ยของภรรยาเสียงอ่อน ฟู่เจียจิ่นมองลูกเขยทำให้เธอมีความรู้สึกว่าลูกเขยคนนี้ทำตัวเหมือนเด็กน้อย จะไปกับภรรยาต้องขออนุญาตก่อน
"ได้สิคะ แต่ต้องขึ้นเกวียนไปนะ พรุ่งนี้ฉันจะให้ฮุ่ยหมินขี่จักรยานไปโรงเรียน ทำเรื่องกลับมาเรียนเหมือนเดิม ตอนกลับเราก็ต้องจ้างเกวียนลุงเซียงกลับมา เพราะฉันต้องไปรับของที่แม่สั่งด้วยยังมีจักรยานคันน้อยของเสี่ยวลู่ และมีจักรยานของเราอีกหนึ่งคันเวลาเข้าอำเภอจะได้สะดวก" หนิงเหมยจูไม่ว่าอะไร ในเมื่ออยากไปก็ไป แต่ตอนที่เธอไปเอาของนั้นต้องให้พี่ซีเฉินสามีของเธอต้องไปรอที่ร้านก่อน เพราะตอนนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะบอกอะไรทั้งนั้น
"ได้ครับ" ตงซีเฉินยิ้มแก้มปริที่ภรรยาอนุญาตให้เขาไปด้วย
"นายด้วยนะฮุ่ยหมินไปทำเรื่องขอเรียนต่อให้เรียบร้อย ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น นายมีหน้าที่เรียนอย่างเดียว เข้าใจไหม" หนิงเหมยจูบอกกับน้องชาย เธอไม่อยากให้น้องต้องมาคิดเรื่องเงิน น้องชายเธอต้องมีอนาคตมากกว่านี้
"ครับพี่ใหญ่ ขอบคุณพี่ที่ให้โอกาสผมกลับมาเรียนอีกครั้ง ขอบคุณแม่และพี่เขยด้วยนะครับ" ตงฮุ่ยหมินยิ้มอย่างสดใส แต่กลายเป็นเด็กน้อยอย่างเสี่ยวลู่ขมวดคิ้ว น้าชายลืมเธอไปหรือเปล่า
"แล้วหนูล่ะน้าฮุ่ย น้าขอบคุณทุกคนไม่เห็นมีหนูเลย" เสี่ยวลู่เกิดความไม่ยินยอมที่น้าชายลืมเธอไปได้ยังไง เด็กน้อยจึงกอดอกทำปากยู่
"อ้าว น้าผิดใช่ไหมที่ไม่ขอบคุณหนูเสี่ยวลู่ ว่าแต่น้าต้องขอบคุณหนูทำไม" หนิงฮุ่ยหมินไม่เข้าใจในสิ่งที่หลานตัวน้อยบอก
"หนูช่วยน้าไม่ได้ แต่หนูเป็นกำลังใจให้น้าได้นะ น้าฮุ่ยเลยต้องขอบคุณหนูด้วย ไม่อย่างนั้นหนูจะไม่ให้กำลังใจน้าด้วย" เสี่ยวลู่พยายามเลียนแบบแม่เหมยจูอยากจะยักคิ้ว แต่คิ้วมันไม่ไปข้างเดียวกลับกลายเป็นยักคิ้วทีหนึ่งแต่งไปทั้งสองข้าง สร้างความเอ็นดูและสร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคน
วันต่อมาระหว่างที่สองสามีภรรยาอย่างตงซีเฉินและหนิงเหมยจูเข้าอำเภอนั้น ในหมู่บ้านกลับมีข่าวลือเรื่องบ้านตง ว่าที่แท้จริงแล้วพ่อเฒ่าตงคนก่อนหรือปู่ของตงซีเฉินยกบ้านและทรัพย์สินให้กับหลานชายอย่างตงซีเฉิน ไม่ใช่ให้ลูกชายอย่างตงก้าน จริงๆ แล้วข่าวลือนี้เริ่มมีตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น แต่กลายเป็นลุกลามรู้กันไปทั่วคือเช้าของวันนี้
"ไม่น่าเชื่อนะว่าซีเฉินจะเป็นเจ้าของบ้านที่พวกบ้านตงอยู่กัน" ชาวบ้านจับกลุ่มคุยกันอย่างออกรส
"นั่นนะสิ อย่างว่าละนะปู่ตงรักซีเฉินยิ่งกว่าอะไรดี ไปไหนก็พาไปด้วย เขาก็เลี้ยงกันมาตั้งแต่เกิดแล้วไม่ใช่เหรอ"
“ก็ใช่ไง ฉันเองก็คิดว่าปู่ตงต้องยกอะไรให้กับซีเฉินบ้าง แต่เห็นเรื่องเงียบฉันก็เข้าใจว่าปู่ตงคงยกให้ลูกชายตามธรรมเนียม แต่ใครจะคิดว่าตงก้านยักยอกบ้านของลูกชายอย่างหน้าด้านๆ แบบนั้น”
ชาวบ้านยังคงพูดคุยกันเรื่องนี้อย่างสนุกปาก ส่วนบ้านตงนั้นยังไม่รู้เรื่องราวเพราะตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อวานทั้งบ้านแทบจะยังไม่มีใครกล้าออกมานั่งคุยหรือรวมกลุ่มกับชาวบ้านคนอื่น แม้แต่สะใภ้ใหญ่ที่ชอบออกมารวมกลุ่มนินทาคนอื่นกับสหายของเธอยังไม่ได้ออกมา ทำให้เรื่องนี้กว่าที่บ้านตงจะรู้ว่ามีข่าวลือนั้นก็เกือบจะเข้าวันที่สามแล้ว
กลับมาที่หนิงเหมยจูและตงซีเฉิน เมื่อทั้งสองเข้ามาถึงในอำเภอก็เรียกเกวียนของลุงเซียงไปที่สำนักงานทะเบียนที่ดินเพื่อทำการซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์ร้านค้า เมื่อมาถึงก็เจอกับลุงและป้าเจ้าของร้านรออยู่แล้ว ร้านนี้ตอนแรกหนิงเหมยจูคิดจะใช้ชื่อของสามีแต่ตงซีเฉินปฏิเสธ เขาคิดว่าใช้ชื่อของภรรยานั่นแหละดีแล้ว ต่อไปหากซื้อหรือมีทรัพย์สินอะไรอีกก็ขอให้เป็นชื่อของภรรยาแต่เพียงผู้เดียว ทั้งหมดใช้เวลาไม่นานจึงจัดการซื้อขายเรื่องร้านค้าเรียบร้อย ลุงเจ้าของร้านจึงยื่นกุญแจร้านค้าให้จากนั้นทั้งสองจึงแยกย้าย
"ลุงเซียงเดี๋ยวไปส่งพี่ซีเฉินที่ร้านก่อนนะคะ ฉันจะไปติดต่อสั่งของแล้วฉันจะไปตามให้ลุงมาขนของให้" หนิงเหมยจูเอ่ยบอกกับลุงเซียง เธอจะขอปลีกตัวไปสั่งของให้แม่และตั้งใจจะเอาจักรยานมาอีกคัน
"ได้สิ แล้วให้ลุงมารับหรือเปล่า"
"ยังไม่ต้องค่ะ ไม่รู้ว่าเขาจะเอาของไปลงให้ที่ไหน อาจจะเป็นใกล้ๆ ร้านหรือไม่ก็อาจจะเป็นที่เดิม เดี๋ยวฉันกลับไปบอก พี่ซีเฉินไปกับลุงเซียงก่อนนะ ฉันขอไปสั่งของให้แม่ก่อนนะ"
ตงซีเฉินพยักหน้าให้กับภรรยาจากนั้นจึงขึ้นเกวียนลุง เซียงกลับไปร้าน เมื่อแยกกันแล้วหนิงเหมยจูมองหาที่ไม่มีคนจากนั้นเธอจึงเอาจักรยานออกมาก่อนจะมุ่งตรงไปที่สำนักงานขายบ้าน เธอต้องการซื้อบ้านหลังเล็กๆ ไว้เก็บของ ตอนนี้สามีเธอเดินได้แล้วหากต้องเลี่ยงมาเอาของแบบนี้เขาคงจะสงสัยเข้าสักวัน เธอจึงเลือกที่จะหาบ้านหลังเล็กๆ ไว้เก็บของดีกว่า อีกทั้งพวกรถเข็น ไม้เท้า หรือเสื้อผ้าก็ไม่ใช่ของเน่าเสีย แม้แต่ของที่จะใช้ขายในร้านโชห่วยก็มีเวลาของมันอยู่แล้ว เธอไม่ได้ขายอาหารสดจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้
หนิงเหมยจูได้บ้านที่อยู่ไม่ไกลจากกร้านค้าของเธอมากนัก บ้านหลังนี้ไม่แพงมากเธอซื้อมาในราคาไม่ถึงหนึ่งพันหยวน เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมบ้านจึงถูกกว่าร้านค้า เมื่อจ่ายเงินและทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว เธอจึงเข้าไปดูบ้านและเอาของที่ต้องการทุกอย่างออกมาเก็บไว้ในบ้าน และแยกของที่จะต้องเองกลับหมู่บ้านไว้ส่วนหนึ่ง
ถ้าถามว่าทำไมเธอจึงไม่เลือกที่จะย้ายเข้ามาอยู่ในอำเภอทั้งๆ ที่เธอก็มีร้านค้าอยู่แล้ว หนิงเหมยจูยังไม่ถูกใจบ้านมากกว่า ในเมื่อหากคิดจะลงหลักในอำเภอ เธอควรจะหาเงินให้มากกว่านี้และควรจะหาบ้านที่ดีที่สุดเพื่อให้ครอบครัวอยู่อย่างสะดวกสบาย เมื่อเตรียมของทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอจึงปั่นจักรยานกลับไปหาสามีที่ร้าน พลางคิดว่านี่เป็นเพียงก้าวแรกของเธอและครอบครัวเท่านั้น ต่อไปในอนาคตเธอจะต้องทำมันให้ดีกว่านี้ให้ได้ ไม่เชื่อก็คอยดูกันต่อไป
*********************