หนิงฮุ่ยหมินตกตะลึง นี่พี่ใหญ่จะซื้อจักรยานให้เขาและยังให้เขากลับไปเรียนอีกใช่ไหม เขาไม่ได้ฝันไปนะ
"พี่ใหญ่พูดจริงใช่ไหมเรื่องจะให้ผมกลับไปเรียน"
"จริง นายคือความหวังของฉันและแม่ ฉันมีน้องชายเพียงคนเดียวนะฮุ่ยหมิน พี่อยากให้นายกลับไปเรียน เพราะนี่คือสิ่งที่นายทำได้ พี่ไม่ขอให้นายต้องเรียนเก่งแล้วสอบเข้ามหาลัยดังๆ เพียงแค่ให้นายทำตามความตั้งใจของตัวเอง เมื่อไหร่ที่นายประสบความสำเร็จแล้ว พี่กับแม่อาจจะต้องพึ่งพานาย รวมไปถึงหลานๆ ด้วย การศึกษานั้นมันไม่มีที่สิ้นสุดหรอกนะฮุ่ยหมิน" หนิงเหมยจูบอกน้องชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"นายอย่าลืมนะฮุ่ยหมิน พี่และพี่สาวของนายจบแค่ชั้นมัธยม นายคือความหวังของพวกเรา ถ้าจะให้พี่กับเหมยจูกลับไปเรียนมันก็ไม่ใช่แล้ว พี่อายุเยอะไม่เหมาะจะไปเรียนกับเด็กรุ่นหลัง ส่วนถ้าเหมยจูอยากจะไปเรียนพี่ก็จะสนับสนุนด้วยเหมือนกัน" ตงซีเฉินพูดเห็นด้วยกับภรรยา
"ไม่หรอกฉันไม่เรียนแล้ว พอแล้ว พี่สามารถซื้อหนังสือมาเรียนด้วยตัวเองได้ พี่มีความฝันของพี่ นายก็ต้องทำตามความฝันของนายให้สำเร็จ เข้าใจไหมน้องรัก" หนิงเหมยจูคิดว่าชาติก่อนเรียนมาพอแล้ว ชาตินี้เธอขอทำงานหาเงินเตรียมตัวเป็นเศรษฐีดีกว่า
"ขอบคุณครับพี่ใหญ่" หนิงฮุ่ยหมินโผเข้ากอดพี่สาวด้วยความดีใจ
"พี่ขอนายเพียงแค่เรื่องเดียว หากนายจะมีความรัก พี่ขอให้นายศึกษาดูดีๆ ความรักเป็นสิ่งสวยงาม แต่ถ้านายคิดว่ายังดูแลไม่ได้ก็อย่ามี มีความรักระหว่างเรียนนั้นไม่ผิด แต่จะผิดตรงที่ไม่รู้จักหักห้ามใจจนถลำลึกลงไป"
"ครับพี่ใหญ่ ผมให้สัญญา" หนิงฮุ่ยหมินให้สัญญากับพี่สาวเพราะตัวเขาเองก็ไม่คิดที่จะมีใคร ยิ่งเห็นชีวิตแม่ด้วยแล้วเขาจึงเลือกที่จะไม่มีดีกว่า
"วันนี้นายพาพี่เขยไปหาสหายนะ ไปแจ้งเขาเรื่องสร้างบ้าน ส่วนนี่คือแบบ ลองดูว่าเขาคิดค่าก่อสร้างเท่าไหร่ แล้วนัดวันได้เลย แพงไม่ว่าแต่ของทนและดี แล้วอย่าลืมไปตามพี่ชายทั้งสิบคนนั้นด้วยที่เคยมาช่วยเราที่บ้านหนิง พี่ไม่อยากติดค้างบุญคุณใคร" หนิงเหมยจูบอกน้องชายก่อนจะเดินออกจากบ้านเข้าสู่อำเภอ
หนิงเหมยจูออกจากบ้านมีเพียงตะกร้าสะพายหลังใบเดียว ช่วงระหว่างรอเกวียนมีชาวบ้านหลายคนที่ส่งยิ้มให้พร้อมกับเอ่ยทัก
"ไปซื้อของเหรอเหมยจู เมื่อวานพาสามีไปหาหมอเป็นยังไงบ้าง"
"หมอให้ยามาดูอาการแล้วรอวันที่จะนัดผ่าตัดอีกครั้ง ส่วนวันนี้ทั้งไปซื้อของและขายของด้วย พอดีว่าฉันได้ลูกค้าที่อยากได้รถเข็นแบบของพี่ซีเฉิน ฉันเลยต้องไปรับของแล้วพาไปส่งให้ลูกค้า" หนิงเหมยจูไม่คิดจะปิดบัง และที่สำคัญเธอเห็นสะใภ้ใหญ่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วย ขอสักนิดเถอะเพื่อความสะใจ เธอไม่ใช่คนชอบความรุนแรงแต่อดไม่ได้สักทีเมื่อเห็นหน้าคนบ้านตง
"น้องสี่ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ มีภรรยาที่ออกจากบ้านไปหาเงิน และยังออกไปขายของด้วยตัวเองอีก แต่ไม่รู้ว่าของที่ขายนั้นจะเป็นเพียงรถเข็นหรือว่าจะขายอย่างอื่นกันแน่ เธอว่าจริงไหม น้องสะใภ้สี่" กู้เปียวอ้ายสะใภ้ใหญ่ของบ้านตงจีบปากจีบคอพูดก่อนจะหันมาถามน้องสะใภ้ที่เธอไม่ชอบหน้าด้วยน้ำเสียงที่ส่อไปทางไม่ดี
"ใช่ค่ะ จริงอย่างที่พี่สะใภ้บอก เพราะฉันไม่ได้รับมาขายเพียงแค่รถเข็น แต่ไม่ว่าลูกค้าต้องการอะไรฉันพร้อมที่จะหามา ใครบ้างมีเงินอยู่ตรงหน้าแล้วไม่เอา แต่ถ้าหากเป็นของส่วนตัวที่อยู่กับฉัน ฉันขายให้กับสามีคนเดียว ไม่คิดจะให้คนอื่นมาซ้ำรอย แต่ว่าที่พี่สะใภ้ถามฉันเนี่ย พี่สะใภ้เคยแล้วเหรอถึงได้รู้ดีจังเลย เอาล่ะเกวียนมาแล้ว ขึ้นเกวียนกันดีกว่า" เอาสิ ด่ามาด่ากลับไม่โกง วันนี้พอแค่นี้ก่อนพอเป็นน้ำจิ้ม ส่วนสะใภ้ใหญ่บ้านตงนั้นโกรธจนพูดไม่ออก ไม่คิดว่าจะโดนย้อน ชาวบ้านที่ได้ยินพากันกลั้นขำต่างก็คิดว่าสะใภ้ใหญ่นั้นอยู่ดีไม่ว่าดีหาเรื่องให้โดนด่า
เมื่อมาถึงในอำเภอ หนิงเหมยจูเดินเข้าซอกตึกที่ไม่มีคน เอารถเข็นออกมาเจ็ดคันเอามาเผื่อไว้หนึ่งคัน ความรู้สึกบอกว่าเธอต้องขายคันสุดท้ายได้ เมื่อเอาของมาครบแล้วเธอจึงเดินกลับออกมาหาเกวียนรับจ้าง เธอมองดูเห็นเกวียนหลายเล่มที่จอดอยู่แต่มีคุณลุงคุณหนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีคนจ้างเท่าไหร่ เพราะเกวียนของลุงนั่นค่อนข้างเก่าและวัวที่ลากเกวียนท่าทางจะมีอายุแล้ว หนิงเหมยจูจึงเดินตรงไปหาลุงคนนั้น
"สวัสดีค่ะลุง ฉันอยากเหมาเกวียนของลุงไปบ้านลูกค้าทั้งหมดสถานที่ ลุงดูก่อนว่ามีที่ไหนบ้าง" หนิงเหมยจูจึงบอกสถานที่ทั้งหมดให้ฟัง ลุงขับเกวียนได้ยินก็ตาเป็นประกายบอกเลยว่าเขาดีใจมากที่มีลูกค้ามาจ้างแบบนี้ สองวันมานี้เขาไม่มีลูกค้าว่าจ้างไปที่ไหน แม่หนูคนนี้จึงเป็นลูกค้ารายแรกและรายใหญ่ของเขา
"รับลูก ลุงไปทุกที่เลย ลุงขอค่าจ้างห้าหยวนพอ" แค่ห้าหยวนเขาก็สามารถซื้ออาหารไปฝากภรรยาและลูกได้แล้ว ปกติห้าหยวนนี้เขารับจ้างขับเกวียนตั้งสามสี่วัน ตอนนี้เขาทำงานแค่วันเดียวห้าหยวนเขาก็พอใจแล้ว
"ถ้าอย่างนั้นฉันให้ลุงสิบหยวนนะ เพราะระยะทางทั้งหมดมันไกลพอสมควร ลุงตามมานะฉันต้องไปเอารถเข็นก่อนจะได้รีบไปส่งลูกค้า" หนิงเหมยจูไม่รอให้ลุงคนนี้ปฏิเสธ เธอขึ้นนั่งเกวียนและบอกให้ลุงไปจอดตรงซอกตึกซอยข้างหน้าเพื่อขนของขึ้นเกวียน
หนิงเหมยจูและลุงขับเกวียนใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงจึงจะส่งของครบตามบ้านทั้งห้าหลัง จึงเหลือเพียงร้านขายเสื้อผ้าของป้าอ้ายเจินเพียงร้านเดียว เมื่อมาถึงเธอจึงจ่ายค่าเกวียนพร้อมกับเอารถอีกสองคันลง จากนั้นจึงแกล้งหยิบของมาจากตะกร้า หนิงเหมยจูหยิบเนื้อมาสี่ชั่งและข้าวขาวหนึ่งถึงรวมทั้งน้ำตาลทรายแดง
"นี่ค่ะค่าจ้างสิบหยวนและนี่เอาไปกินนะ วันนี้ลุงไปกับฉันตั้งหลายที่ ต้องได้กินของดีๆนะ" หนิงเหมยจูยื่นให้ด้วยรอยยิ้ม
"มันมากไปหรือเปล่าลุงรับไม่ได้หรอกลูก"
ลุงเซียงตกใจ ไม่คิดว่าลูกค้าคนนี้นอกจากให้เงินค่าจ้างสิบหยวนแล้ว ยังให้เนื้อให้ข้าวสารยังมีน้ำตาลทรายแดงอีก ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีร้านค้ามากมายแต่เนื้อยังเป็นอะไรที่จำกัดอยู่และมีราคาสูง เขาจึงไม่กล้ารับ
"ฉันชื่อเหมยจู ฉันยังต้องทำงานค้าขายแบบนี้อีก ต่อไปหากต้องไปส่งของให้ลูกค้า ฉันต้องใช้บริการเกวียนของลุงบ่อยๆ ลุงรับไปเถอะ นี่คือของขวัญสำหรับการร่วมงานครั้งแรกของเรา เพราะฉันยังมีครั้งต่อไปที่ต้องวิ่งส่งของ"
"ทำไมเหมยจูไม่หาร้านค้าล่ะ วางขายเลยลุงว่าน่าจะขายดีนะ อีกทั้งคนป่วยที่ต้องใช้รถเข็นแบบนี้มีเยอะอยู่เหมือนกัน" เขาเป็นคนขับเกวียนย่อมรู้อยู่แล้วว่ามีคนบาดเจ็บที่เดินไม่ได้และต้องใช้รถเข็นแบบนี้มากขนาดไหน ยังมีพวกทหารที่พิการอีกมากเหมือนกันที่มีฐานะและต้องการรถเข็นแบบนี้
"ฉันก็อยากได้นะลุง แต่ว่าไม่มีร้านค้าให้เช่าเลยนะสิ ถ้าลุงพอจะแนะนำที่ไหนก็บอกฉันได้นะคะ ฉันอยู่หมู่บ้านเหอซาน ไปหาบ้านสี่ตงสามีฉันชื่อตงซีเฉิน ถ้าลุงมีลูกค้าอยากได้รถเข็นลุงบอกได้นะฉันให้กำไรลุงคันละห้าสิบหยวน ลุงไปบวกค่าขนส่งเอาเอง แต่ถ้ามีการสั่งสามคันขึ้นไป ฉันให้กำไรลุงคันละเจ็ดสิบหยวน ลุงตกลงไหม" หนิงเหมยจูมีความสงสารลุงขับเกวียนคนนี้หากลุงมีลูกค้าเธอก็พร้อมที่จะให้ส่วนต่างและกำไร ถึงแม้ว่าอยากให้มากกว่านี้ก็กลัวลุงจะสงสัย
"เหมยจูพูดจริงใช่ไหม ถ้าลุงมีลูกค้าลุงสามารถไปหาที่บ้านได้นะ" ลุงเซียงดีใจ เขาสามารถหาลูกค้าได้ ต่อไปเขาคงจะมีเงินขึ้นมาบ้างแล้ว ลูกและภรรยาเขาจะได้ไม่ลำบาก
"ฉันพูดจริงค่ะ ฉันแอบบอกลุงนะกับคนอื่นฉันยังไม่บอก จักรยานฉันก็มี มีทั้งสองล้อและสามล้อ" เหมยจูจึงบอกราคาขายจักรยานให้ลุงเซียงรวมทั้งราคารถเข็น แต่จักรยานนั้นเธอให้ส่วนต่างสามสิบหยวนเพราะราคาถูกกว่า แต่ก็อยู่ที่ลุงเซียงว่าจะขายเกินราคาหรือไม่ถ้าขายเกินราคาได้เธอก็ไม่ห้าม
เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้วหนิงเหมยจูจึงกล่าวลาลุงเซียง เธอเพิ่งจะรู้จักชื่อก็ตอนบอกลากันนี่แหละ จากนั้นจึงเดินเข้าร้านของป้าอ้ายเจินบอกพนักงานขายที่ร้านว่าเหมยจูมาขอพบ
"เหมยจูมาแล้ว ป้านึกว่าเราจะลืมเสียอีก" อ้ายเจินเมื่อคนงานเข้าไปบอกว่ามีหญิงสาวที่ชื่อหนิงเหมยจูมาขอพบเธอรีบเดินออกมาอย่างดีใจ
"ต้องขอโทษคุณป้าด้วยนะคะ พอดีว่าฉันต้องเอารถเข็นไปส่งให้หลายที่ ทำให้เสียเวลาไปหน่อย ต้องขอโทษคุณป้าด้วยจริงๆ นะคะ เหมยจูรู้ตัวว่าตัวเองมาสายจึงเอ่ยขอโทษด้วยความจริงใจ เพราะเธอผิดจริงๆ
"ป้ายังไม่ได้ว่าอะไรเลย ว่าแต่อีกคัน มีคนสั่งหรือยัง ถ้ายังป้าขอซื้อได้ไหม"
"ได้เลยค่ะ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเลยสั่งเกินมาหนึ่งคัน ถ้าป้าเจินเอาทั้งสองคันฉันแถมไม้เท้าหัดเดินให้หนึ่งอัน จะได้ช่วยเรื่องกล้ามเนื้อแขนด้วย เดี๋ยวมานะคะ" หนิงเหมยจูวิ่งออกมานอกร้าน เธอเห็นว่าข้างร้านมีซอกตึกเธอพอจะมุดตัวเองเข้าไปได้ จึงเอาไม้เท้าสี่ขาออกมาก่อนจะวิ่งกลับไปที่ร้านอีกครั้ง
"นี่ค่ะเป็นไม้เท้าหัดเดิน ถ้ามีใครสนใจบอกฉันได้นะ ฉันหาให้ได้" จุดประสงค์ที่แท้จริงคือเธอต้องการที่จะฝากขาย เธอมองว่าป้าเจินรู้จักคนไม่น้อยเลยทีเดียว
"ดีเลย ลูกน้องของสามีป้าต้องการของแบบนี้เยอะ แล้วถ้าป้าสนใจเราจะให้ป้าติดต่อที่ไหน"
"หมูบ้านที่ฉันอยู่คือหมู่บ้านเหอซานค่ะ ป้าเจินไปหาบ้านของตงซีเฉินบ้านสี่ตง ถามชาวบ้านก็รู้ค่ะ" หนิงเหมยจูบอกและแสดงอาการดีใจ อย่างน้อยๆ ช่วงที่ยังไม่มีหน้าร้านเธอวิ่งขายแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
********************