บทที่ 17 เมื่อไหร่จะมีน้องให้เสี่ยวลู่คะ

2118 คำ
เมื่อกลับมาถึงบ้านฟู่เจียจิ่นถามลูกสาวถึงอาการของลูกเขยเป็นยังไงบ้าง ที่ถามเพราะว่าห่วง เธอไม่ได้ต้องการที่จะกดดันหรือมีปัญหาอะไร หายก็ดีไม่หายก็ไม่เป็นไร "เหมยจูหมอว่ายังไงบ้าง" "หมอให้ยามากินดูอาการก่อน อีกหนึ่งเดือนหมอจึงจะนัดอีกครั้ง ไม่แน่ว่าครั้งหน้าหนูอาจจะขอให้หมอผ่าตัดขาของพี่ซีเฉินเลยแม่" "ดีแล้ว เงินนะหาเมื่อไหร่ก็ได้ ถึงแม้ว่าลูกเขยผ่าตัดแล้วอาจจะเดินได้ไม่เหมือนเดิม แต่ก็ดีกว่าที่เราไม่ทำอะไรนะ" ฟู่เจียจิ่นเห็นด้วยกับลูกสาว ถึงแม้ว่าค่าผ่าตัดจะแพงแต่แล้วยังไง เอาสินเดิมเธอไปใช้ก่อนก็เธอยินดีจะให้ เพราะยังไงคนที่ดูแลลูกสาวเธอต่อไปจากนี้ก็คือสามีอย่างตงซีเฉิน "อย่าเลยครับแม่ยาย ผมไม่อยากให้เสียเงินเยอะ ผมอยู่แบบนี้ก็ได้ครับ เพียงแค่ผมใช้รถเข็นให้ถนัด ผมก็ใช้ชีวิตเหมือนคนอื่นได้แล้ว" ตงซีเฉินไม่อยากให้ทุกคนต้องมาเสียเงินผ่าตัดขาให้เขา มันสิ้นเปลืองและที่สำคัญไม่รู้ว่าเขาจะสามารถเดินได้เหมือนเดิมอีกหรือเปล่า ไม่ใช่เขาไม่สังเกตสีหน้าท่าทางของหมอ เขารู้ว่าถ้ามีความหวังหมอคงนัดเรื่องผ่าตัดขาของเขาแล้ว "พี่ซีเฉินอย่าคิดมาก จริงอย่างที่แม่พูด เงินนะเราหาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ขาของพี่ ฉันต้องทำให้พี่กลับมาแข็งแรงและกลับมาเดินเหมือนเดิมให้ได้ ฉันสัญญา พี่อย่าลืมว่าภรรยาของพี่คนนี้เก่งแค่ไหน หาเงินก็เก่ง ส่วนพี่เองถ้าเดินได้เมื่อไหร่ฉันจะพาพี่ไปขายของกับฉันด้วย แต่ถ้าพี่ไม่ยอมรักษาพี่ก็อด อยู่แต่ที่บ้านก็แล้วกัน เชอะ" หนิงเหมยจูสะบัดหน้างอน เธออยากรักษาให้เขาหายแทบตายแต่สามีเธอกลับเสียดายเงินซะนี่ "ใช่ค่ะพ่อ หนูอยากมีน้องถ้าพ่อหายพ่อกับแม่มีน้องให้หนูได้ใช่ไหม" เสี่ยวลู่ที่นั่งสนใจขนมที่น้าฮุ่ยของเธอซื้อมาฝากอยู่ๆ ก็เงยหน้าตาแป๋วพูดขึ้น เล่นเอาหนิงเหมยจูตอบไม่ถูก แต่ตงซีเฉินนั้นมองหน้าภรรยาตาเป็นประกาย เมื่อเจอสายตาของทั้งลูกและสามีกดดันยังมีของแม่และน้องชายด้วยอีกคน ทำให้หนิงเหมยจูต้องพยักหน้าตอบลูกสาว "ใช่ค่ะ ถ้าพ่อกลับมาเดินได้เหมือนเดิม แม่จะมีน้องให้เสี่ยวลู่ดีไหมลูก แต่อยู่ที่ว่าพ่อจะยอมรักษาหรือเปล่า ถ้าพ่อยอมแม่ก็ยอม" "พี่ยอมผ่าตัดครับ" ตงซีเฉินพูดอย่างเสียงดังฟังชัด ในเมื่อมีข้อเสนออยู่ตรงหน้าและข้อเสนอนั้นช่างยั่วยวนจิตใจเขาเหลือเกิน เขาจะไม่ยอมได้ยังไง "เย้ๆๆๆ น้าฮุ่ยหนูจะมีน้องแล้ว หนูจะเป็นพี่ใหญ่แล้ว เย้ๆๆๆ" เสี่ยวลู่พอได้รับความยืนยันจากแม่ว่าถ้าพ่อกลับมาเดินได้เธอจะมีน้องชายหรือน้องสาวตัวอวบอ้วนเหมือนบ้านน้าเอินที่อยู่ถัดไปอีกสามหลัง เธออยากมีน้องแบบนั้น ทำเอาคนทั้งบ้านหัวเราะชอบใจกับท่าทางของเสี่ยวลู่ที่กระโดดโลดเต้นไปมาทั่วบ้านเพียงเพราะอยากได้น้อง แต่กลายเป็นว่าตงซีเฉินนั้นฮึดสู้ และมองหน้าภรรยาตาเป็นประกายจนหนิงฮุ่ยหมินที่นั่งข้างๆ กับรถเข็นของพี่เขยต้องยืดตัวไปกระซิบข้างหูเขาเบาๆ "พี่เขยต้องยกความดีนี้ให้ผมกับเสี่ยวลู่นะ พี่ก็รีบๆ เดินให้ได้ ผมอยากได้หลานชายตัวน้อยอีกคน" "แล้วถ้ายังคงเป็นหลานสาวล่ะนายจะทำยังไง" ตงซีเฉินกระซิบกลับ "ถ้าได้หลานสาวมาอีก ก็ทำจนกว่าจะได้หลานชายสิครับพี่เขย หรือว่าพี่ไม่มีความสามารถ แต่พี่อย่าลืมนะว่าพี่ใหญ่ของผมทั้งสวยทั้งน่ารัก หากพี่ไม่มีลูกหัวปีท้ายปี มีหวังหนุ่มๆ คงคอยเมียงมองแน่ๆ" "นี่นายดูถูกฉันเหรอ ใครบอกว่าฉันไม่มีความสามารถ นายคอยดูก็แล้วกัน รอฉันหายก่อนเถอะ ฉันจะทำหลานให้นายเลี้ยงจนไม่มีเวลาหาภรรยาเลยละ" ตงซีเฉินฉุนน้องภรรยา มีอย่างที่ไหนมาว่าเขาไม่มีความสามารถ รอเขาหายก่อนเถอะ จะมีหลานออกมาให้เลี้ยงทุกปีเลยคอยดู "คุยอะไรกันสองหนุ่ม บอกได้ไหม" หนิงเหมยจูมองเห็นทั้งน้องชายและสามีคุยกันท่าทางสนิทสนมเธอก็เบาใจ จึงถามออกไปด้วยรอยยิ้ม แต่ใครจะคิดว่าทั้งสองคนจะตอบกลับอย่างหน้าตาตื่นว่าไม่มีอะไร "ไม่ได้/ไม่มีอะไรพี่ใหญ่" "มีสิ เสี่ยวลู่ได้ยินพ่อกับน้าฮุ่ยคุยกันเรื่องน้อง ถ้าไม่ได้น้องชายครั้งหน้าค่อยเอาใหม่ พูดอย่างเนี่ย จริงๆ นะ" เสี่ยวลู่ตอบกลับตาใสแจ๋ว เล่นเอาทั้งน้าชายทั้งพ่อไปไม่เป็น อยากจะรีบอุ้มเสี่ยวลู่ไปเก็บเหลือเกิน "เสี่ยวลู่ได้ยินได้ยังไง น้ากับพ่ออุตส่าห์กระซิบกันเสียงเบา" หนิงฮุ่ยหมินทำท่าทางหมดแรง เห้อ แอบคุยกันเสียงเบาขนาดนี้ไม่คิดว่าเจ้าตัวแสบกลับได้ยิน "ก็หนูยืนอยู่ตรงนั้นข้างๆ รถเข็นพ่อ แต่พ่อกับน้าเหมือนคุยกันอย่างกับเป็นความลับ หนูเลยเอียงหูเข้าไปด้วยไง คิกคิก" "ไม่คุยกับทุกคนแล้ว เสี่ยวลู่และคนอื่นๆ ด้วยแกล้งแม่กันอยู่คนเดียว แม่ไปทำอาหารดีกว่า แม่คะหนูฝากดูเสี่ยวลู่ด้วยนะ" หนิงเหมยจูไม่คิดว่าทั้งน้องทั้งสามีมัวแต่วางแผนกันเรื่องนี้ ยังมีลูกสาวตัวแสบกล้าประจานแม่ของตัวเองกลางบ้านอีก ทำให้เธออายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว จึงได้แกล้งเดินเข้าครัวเพราะนี่ใกล้จะถึงเวลามื้อเย็นแล้ว หนิงเหมยจูเดินเข้าครัว วันนี้เธอตั้งใจหุงข้าวร้อนๆ เธออยากตุ๋นขาหมูน้ำแดงใส่เครื่องยาจีนลงไปบำรุงสามี และบำรุงร่างกายของทุกคน กับทอดไก่กรอบๆ ให้ลูกและน้องชายด้วย ส่วนอาหารอีกอย่างคือผัดหมูกับพริกล่าเจียว แค่นี้ก็น่าจะพอสำหรับมือเย็นของวันนี้ เมื่อจุดเตาเสร็จ เธอจึงเดินเอาหม้อที่ตวงข้าวสารใส่ถือไว้จะไปตักน้ำในโอ่งหลังบ้านที่ใช้สำหรับทำอาหารแต่กลายเป็นน้ำหมด "อ้าวน้ำหมดเหรอ บ่อน้ำในบ้านไม่มีด้วยสิ ต้องไปเอาจากลำธาร เห้อ..." หนิงเหมยจูบ่นอยู่คนเดียวจึงเดินเอาหม้อไปวางไว้ก่อนและตั้งใจจะไปชวนน้องชายตักน้ำที่ลำธาร แต่พอนึกได้ว่าในมิติเธอมีบ่อน้ำ "ใช่แล้ว ในมิติมีบ่อน้ำนี่ ดูแล้วสะอาดใสน่าจะใช้ได้ ลองเรียกออกมาดูดีกว่า" ด้วยความขี้เกียจเดินของเธอ ทำให้ หนิงเหมยจูเอาน้ำออกมาจากบ่อในมิติ เธอใส่น้ำไว้เต็มทุกโอ่ง แม้แต่ในห้องน้ำเธอก็ไม่เว้น เมื่อมีน้ำแล้วหนิงเหมยจูจึงทำอาหารต่ออย่างอารมณ์ดี เพราะคิดว่าต่อไปนี้ไม่ต้องเดินไปตักน้ำที่ลำธารอีกแล้วเวลาไม่มีใครเธอจะได้เอาน้ำในบ่อจากมิติมาใช้แทน และจะให้ช่างขุดบ่อน้ำตรงหลังบ้านให้ด้วยหนึ่งบ่อพร้อมกับสร้างบ้านใหม่ "เสร็จแล้ว อาหารเสร็จแล้ว ฮุ่ยหมินไปช่วยพี่ยกออกมาหน่อย เสี่ยวลู่ลูกอิ่มขนมกับซาลาเปาแล้วหรือยัง แม่เห็นหนูยังไม่หยุดเคี้ยวเลย" หนิงเหมยจูอยากจะดุลูกสาวตัวน้อยแต่เพราะเธอรู้ดีว่าเสี่ยวลู่นั้นมีความสุขแค่ไหนเลยเลือกที่จะปล่อยผ่าน แต่ต้องคุยกันหน่อยแล้วว่าขนมนั้นกินได้ แต่ต้องกินเป็นเวลา เธอไม่ได้หวงของหรือขนม แต่ห่วงสุขภาพของเด็กน้อยมากกว่า "ยังกินไหวค่ะแม่" เสี่ยวลู่กลัวว่าแม่จะดุที่เธอกินขนมเยอะจึงได้รีบบอก "เสี่ยวลู่คนเก่ง แม่ไม่ได้หวงขนมกับลูกนะ แต่แม่อยากให้หนูรู้ว่าหนูนั้นไม่สามารถกินขนมตลอดเวลา เมื่อไหร่ที่ท้องอิ่มก็ต้องหยุด ไม่อย่างนั้นหนูจะกินมื้อเย็นไม่ไหว ถ้าอาหารที่แม่ทำมาแล้วหนูกินไม่หมด แม่จะเสียใจรู้หรือเปล่าคนเก่ง" หนิงเหมยจูลูบหัวลูกสาวด้วยความอ่อนโยน "เข้าใจค่ะแม่ หนูจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว จะกินแค่พออิ่มเท่านั้น" เสี่ยวลู่พยักหน้าหงึกหงักอย่างน่าเอ็นดู ทำให้น้าชายผู้หลงหลานตัวน้อยต้องออกปากปกป้องและรับความผิดนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียว "พี่ใหญ่อย่าดูเสี่ยวลู่เลย ผมผิดเองที่ให้หลานกินขนม วันหน้าผมจะไม่ให้กินเยอะอีกแล้ว" หนิงฮุ่ยหมินเมื่อยกอาหารออกมาหมดแล้วจึงรีบเข้าช่วยหลานตัวน้อย "นายนี่นะตามใจหลานเสียจริง" หมิยเหมยจูส่ายหัวให้กับน้าชายผู้หลงหลาน นี่ขนาดแค่สองวัน ถ้าอยู่นานเข้าไม่ต้องออกรับแทนทุกเรื่องเลยเหรอ "พี่ใหญ่ก็มีหลานให้ผมอีกหลายคนสิ ผมจะได้ตามใจให้ครบทุกคน จะได้ไม่ต้องบ่นว่าผมตามใจเสี่ยวลู่คนเดียว จริงไหมเสี่ยวลู่น้าพูดถูกหรือเปล่า" หนิงฮุ่ยหมินย้อนพี่สาวตาใส ก่อนจะหันไปขอเสียงสนับสนุนกับหลานสาวตัวน้อย และเสี่ยวลู่เองก็เข้ากับน้าชายเสียเหลือเกิน เด็กน้อยพยักหน้าหงึกหงักหัวแทบหลุด ทำให้หนิงเหมยจูทั้งฉุนทั้งขำน้องชายและลูกสาว หลังจากที่ทุกคนกินอาหารเรียบร้อย หนิงเหมยจูเธอจึงเข้าไปอาบน้ำก่อนจะจัดการล้างตัวให้สามีเหมือนทุกครั้งที่ทำ ตงซีเฉินมองการกระทำของภรรยาด้วยสายตาที่มีรอยยิ้ม เขาไม่คิดว่าหนิงเหมยจูจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย หนิงเหมยจูจึงปูที่นอนนอนข้างเตียงของสามีส่วนเสี่ยวลู่ขอไปนอนห้องของยายและน้าชาย ทำให้ทั้งห้องเหลือเพียงสองสามีภรรยา กลางดึกคืนนั้นตงซีเฉินรู้สึกว่าร่างกายของเขามีบางอย่างเกิดขึ้นทำให้เขาทรมาน เหงื่อท่วมไปทั้งตัว แต่เขาเลือกที่จะกัดฟันทนเพราะไม่อยากรบกวนภรรยา เขาคิดเพียงว่าอาจจะเป็นเพราะยาที่กินของโรงพยาบาล เลยทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดร่างกาย ความทรมานที่ตงซีเฉินได้รับนานเกือบสองชั่วโมงเขาแทบจะสลบไปหลายครั้งแต่เพราะคิดว่าหากเขายอมแพ้แล้วเกิดตายไปขึ้นมาลูกและภรรยาจะอยู่ยังไง แต่พอรู้สึกว่าอาการเจ็บปวดนั้นหายไปเขาจึงเบาใจ และรู้สึกว่าร่างกายนั้นดูจะมีกำลังมากกว่าก่อนหน้านี้ โดยที่ชายหนุ่มไม่ทันสังเกตตัวเองเลยว่าตอนนี้นิ้วเท้าของเขานั้นเริ่มจะขยับได้แล้ว เช้าวันต่อมา หนิงเหมยจูยังคงทำอาหารปกติ วันนี้เธอเลือกที่จะทำโจ๊กหมูไข่ยางมะตูม และทำปาท่องโก๋ทอดไว้ให้ ก่อนจะบอกแม่และน้องชายว่าเธอต้องไปรับเก้าอี้รถเข็นนี้แล้วเอาไปขายต่อ "ให้ผมไปช่วยไหมพี่ใหญ่" หนิงฮุ่ยหมินเป็นห่วงพี่สาว "ไม่ต้อง นายเตรียมตัวกลับไปเรียนได้แล้ว พี่จะลองดูจักรยานมาให้สักคัน นายจะได้ปั่นไปโรงเรียนไปกลับได้ พี่ไม่อยากให้นายพักอยู่ในอำเภอ ไม่ใช่เสียดายเงิน แต่พี่เป็นห่วง ใจจริงพี่อยากสั่งรถมอเตอร์ไซค์มาให้นะ แต่ไม่รู้ว่านายจะขับเป็นหรือเปล่า" เธอคิดว่ามอเตอร์ไซค์สะดวกกว่าทั้งรถทั้งน้ำมันเธอมีในมิติอยู่แล้วไม่ได้เสียเงินซื้อเสียหน่อย แล้วตอนนี้รถมอเตอร์ไซค์ในอำเภอเริ่มมีคนใช้เยอะแล้วเหมือนกัน ******************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม