วันต่อมาสามคนพ่อแม่ลูกหลังจากที่กินมื้อเช้าเรียบร้อย หนิงเหมยจูจึงอุ้มสามีใส่ในรถเข็น จากนั้นจึงเดินออกมาหน้าประตูรั้ว วันนี้เธอเตรียมของไปเยี่ยมแม่และน้องชายไม่น้อย หวังเพียงว่าทั้งสองคนจะไม่เป็นอย่างที่เธอหวั่นใจและกลัวก็แล้วกัน
หนิงเหมยจูเข็นรถให้สามีนั่ง ส่วนเสี่ยวลู่เดินข้างๆ คอยจับมือพ่อไม่ปล่อย สามคนพ่อแม่ลูกเดินไปตามทางของหมูบ้านเพื่อมุ่งหน้าไปบ้านหนิง ที่อยู่เกือบท้ายหมู่บ้านแห่งนี้ ระหว่างทางมีชาวบ้านเมียงมองอย่างแปลกใจในสิ่งที่หนิงเหมยจูกระทำ เพราะตั้งแต่ที่หนิงเหมยจูแต่งงานกับลูกชายคนที่สี่ของบ้านตงนั้น เธอไม่เคยสนใจลูกและสามีเลย มีแต่แต่งตัวสวยแล้วเดินไปเดินมาทั่วหมู่บ้านไม่คิดที่จะทำอะไรหากไม่พอใจใครก็จะตะโกนด่าหรือหาเรื่องตบตีเขาไปทั่ว
แต่วันนี้ทำไมเธอจึงเดินมาพร้อมกับลูกและสามี อีกทั้งดูเหมือนว่าตงซีเฉินจะกลายเป็นคนพิการแล้ว หลายเดือนที่เขาไม่ยอมออกจากบ้านคืออะไร แล้วทำไมวันนี้เขาจึงเลือกที่จะออกมาและทางที่ทั้งสามคนกำลังมุ่งหน้าไปมันคือทางไปบ้านหนิงไม่ใช่เหรอ แล้วนั่นคืออะไรเด็กน้อยเสี่ยวลู่ลูกติดของตงซีเฉิน ดูเธอไม่กลัวหนิงเหมยจูเลยสักนิดแถมยังเรียก หนิงเหมยจูว่าแม่ โอ๊ะ นี่พระอาทิตย์ขึ้นผิดทางหรือว่าจะเกิดภัยหนาวกันแน่ ชาวบ้านทั้งหลายต่างก็คิดคนละทิศละทาง แต่ก็มีชาวบ้านบางคนอดไม่ได้จึงเลือกที่จะถามตงซีเฉินแทน
"ซีเฉินจะไปไหนกันเหรอ แล้วอาการบาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง" ชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ยทัก หนิงเหมยจูได้ยินเสียงชาวบ้านร้องทักสามีเธอจึงหยุดเดิน
"ดีขึ้นแล้วครับ ผมและครอบครัวจะไปเยี่ยมแม่ยายครับป้า" ตงซีเฉินพูดเสียงดังฟังชัด ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ชาวบ้านคนอื่นที่ได้ยินความรู้สึกของพวกเขาตอนนี้เหมือนกับมีไม้ใหญ่ฟาดมาที่หัว
"เราสามคนขอตัวก่อนนะครับเดี๋ยวจะสาย" ตงซีเฉินเมื่อเห็นท่าทางของชาวบ้านเขาก็ไม่พูดอะไรต่อก่อนจะขอตัวจากไปทันที ไม่นานทั้งสามคนได้เดินมาถึงบ้านหนิงอย่างที่ต้องการ
หนิงเหมยจูได้แต่ขมวดคิ้ว เพราะได้ยินเสียงโวยวายมาจากหลังบ้านซึ่งนั้นคือเสียงชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของร่างนี้กำลังดุด่าฟู่เจียจิ่นแม่ของหนิงเหมยจูและหนิงฮุ่ยหมินของชายของเธออยู่
"เสี่ยวลู่หนูต้องเอามือปิดหูไว้นะคนเก่ง ห้ามจำในสิ่งที่ไม่ดีเด็ดขาดเข้าใจไหมลูกรัก" หนิงเหมยจูบอกลูกน้อยก่อนจะอุ้มนั่งบนตักของสามีและให้เขากอดลูกสาวไว้ ในเมื่อพี่ซีเฉินบอกว่าขาของเขาไม่มีความรู้สึกแล้วให้ลูกสาวนั่งบนตักคงไม่เป็นอะไร
"พี่กอดลูกไว้นะ หากเจอภาพไม่ดีก็ปิดตาลูกด้วย ฉันไม่อยากให้เสี่ยวลู่เห็นความรุนแรง" หนิงเหมยจูบอกกับสามีก่อนจะเข็นรถไว้ใต้ต้นไม้หน้าบ้าน จากนั้นเธอจึงถีบประตูรั้วและไม่สนใจว่ามันจะพังหรือไม่
"เพราะเธอเลี้ยงนังเหมยจูไม่ดี ทำให้นิสัยของมันถึงชั่วได้แบบนี้ มันกล้าดียังไงทำร้ายหวยซินและเพ่ยชิงเจ็บหนักแบบนี้" หนิงฮวนด่าภรรยาคนแรกด้วยความไม่พอใจ เมื่อวานเขายังไม่ใส่ใจมาก แต่วันนี้ภรรยาอีกคนของเขาและลูกสาวกลับเจ็บมากกว่าเมื่อวานแทบจะเดินไม่ไหว
"พี่ฮวน พี่ก็รู้ว่าถ้าไม่มีใครไปหาเรื่องหรือวุ่นวายกับเหมยจู เธอจะทำร้ายกลับหรือไง ทำไมพี่ไม่ไปถามภรรยาและลูกสาวของพี่ล่ะว่าไปหาเรื่องอะไรเหมยจูหรือเปล่า"
ฟู่เจียจิ่นเถียงกลับ ตลอดชีวิตนี้เธอทนมามากพอแล้ว เธอยอมมามากพอแล้ว ยอมแม้กระทั่งเป็นคนไปขอภรรยารองอย่างหวยซินให้ด้วยตัวของเธอเอง เพราะตอนนั้นแม่สามีกดดันว่าเธอไม่มีลูกชาย อีกอย่างเรื่องที่ลูกสาวอย่างเหมยจูของเธอไปทำร้ายภรรยาและลูกรักของสามีนั้นเธอไม่มองว่าเหมยจูผิด ถ้าสองแม่ลูกนั่นไม่หาเรื่องลูกสาวของเธอ เหมยจูคงไม่เล่นงานหนักขนาดนี้ ไม่ว่าเหมยจูจะร้ายยังไงแต่สำหรับเธอเหมยจูคือลูก
"นี่แกกล้าเถียงฉันเหรอเจียจิ่น ถ้าฉันบอกว่ามันผิด มันก็ต้องผิด เธอไปหามันเดี๋ยวนี้นะ และให้มันมาขอโทษหวยซินเลยเพ่ยชิง" หนิงฮวนบังคับให้ภรรยาไปหาลูกสาวเพื่อให้มาขอโทษภรรยารักของเขา แต่ฟู่เจียจิ่นไม่ยินยอม ทำให้เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า จึงได้ง้างมือตบภรรยาสุดแรง แต่กลายเป็นหนิงเหมยจูเอาหน้าตัวเองไปรับแรงตบในครั้งนี้แทน ฟู่เจียจิ่นเห็นว่าใครที่มารับแรงตบแทนเธอจึงร้องเรียกอย่างตกใจ
"เหมยจู/พี่ใหญ่" ฟู่เจียจิ่นน้ำตาไหลไม่คิดว่าลูกสาวจะทำแบบนี้ ถึงแม้ว่าร่างกายเธอจะไม่โดนตบให้เจ็บ แต่เมื่อเห็นว่าลูกสาวเจ็บหัวอกคนเป็นแม่เจ็บยิ่งกว่า
"แม่หนูไม่เป็นอะไร ฮุ่ยหมินนายเป็นอะไร ทำไมดูเหมือนบาดเจ็บ" หนิงเหมยจูนั้นไม่มีความรู้สึกเจ็บที่โดนตบ เพราะตอนเป็นสตั๊นท์เกิร์ลเวลาผิดคิวมันเจ็บกว่านี้เยอะ แต่พอเห็นสภาพน้องชายจึงอดขมวดคิ้วถามไม่ได้ หนิงฮุ่ยหมินเห็นว่าพี่สาวถามด้วยความเป็นห่วง ความเจ็บแค้นที่โดนกระทำมาตลอดจึงพูดให้พี่สาวฟังว่าเขาโดนคนเป็นพ่อทุบตีระบายความโกรธเมื่อวานพอรู้ว่าลูกและภรรยาสุดที่รักโดนพี่ใหญ่ของเขาทำร้ายมา
"เจ็บไหมฮุ่ยหมิน แล้วทำไมไม่ไปโรงเรียน" หนิงเหมยจูสงสารน้องชายจับใจเรื่องทั้งหมดเกิดมาจากเธอ ควรจะมาลงที่เธอไม่ใช่กับน้องชายหรือผู้เป็นแม่
หนิงฮุ่ยหมินไม่เคยได้รับความอ่อนโยนและน้ำเสียงที่อบอุ่นแบบนี้เขาได้แต่ตาแดงและบอกว่าไม่เจ็บ
"ไม่เจ็บครับพี่ ก่อนหน้านี้เจ็บกว่า ส่วนเรื่องเรียน..." หนิงฮุ่ยหมินไม่กล้าพูดว่าพ่อบังคับให้เขาลาออกทั้งๆ ที่เขาใกล้จะเรียนจบแล้ว แต่เขากลับใช้สายตามองไปที่พ่อแทนเพื่อให้พี่สาวของเขารู้ว่าต้นเหตุมาจากอะไร
"ไม่เป็นไร เรื่องเรียนเราค่อยคุยกัน ยังไงนายก็ต้องกลับไปเรียนต่อให้จบและต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ หน้าที่ของนายหลังจากนี้มีเพียงแค่นั้น ส่วนที่เหลือพี่จัดการเอง" หนิงเหมยจูบอกน้องชายด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น ก่อนจะหันกลับมามองชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อด้วยสายตาที่ดุดัน ในเมื่อเธอฝากคำเตือนมาแล้วถ้าอย่างนั้นมันก็พังกันไปข้างหนึ่งก็แล้วกัน หลังจากนี้อยู่ที่แม่จะตัดสินใจแล้วว่าจะเอายังไง จะไปอยู่กับเธอหรือจะยอมอยู่ที่นรกแห่งนี้
"แกมาทำไมนังลูกชั่ว" หนิงฮวนไม่คิดว่าหนิงเหมยจูจะมาที่นี่ เมื่อเห็นหน้าเธอทำให้เขาตกใจไปเหมือนกัน พอนึกถึงคำพูดที่ภรรยาบอกว่านังเหมยจูฝากมาบอกอะไรทำให้หน้าเขาเริ่มซีด เพราะรู้ดีว่าลูกชั่วคนนี้พูดจริงทำจริง เพราะไม่อย่างนั้นมันคงไม่หาวิธีชั่วๆ บังคับให้เจ้าลูกชายบ้านตงแต่งเธอออกไปแน่นอน
"เมื่อวานฉันฝากคำเตือนมากับภรรยาและลูกสุดที่รักของคุณแล้ว ไม่จำเข้าสมองเลยใช่ไหมว่าถ้าแม่และฮุ่ยหมินมีรอยแม้แต่แมวข่วนฉันจะพังทุกอย่างให้ราบ" หนิงเหมยจูจ้องตาไม่หลบและพูดด้วยน้ำเสียงที่แสนจะเย็นชา ทำให้หนิงฮวนเย็บวาบไปทั้งหลัง
"แกกล้าเหรอ ฉันเป็นพ่อแกนะ"
"แน่ใจเหรอว่าเป็นพ่อ มีพ่อที่ไหนทำกับลูกเมียแบบนี้ และที่สำคัญคุณตบหน้าฉัน นั่นคือการตอบแทนบุญคุณที่ทำให้ฉันเกิดมาแล้ว เพราะอย่างนั้นเราไม่มีบุญคุณต่อกันอีก" หนิงเหมยจูพูดไปด้วยค่อยๆ เดินเข้าหาหนิงฮวนอย่างช้าๆ ก่อนจะหันกลับมาถามแม่ด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงอบอุ่นแต่แฝงไปด้วยความจริงจัง
"แม่กับฮุ่ยหมินจะไปอยู่กับหนูไหม"
"ไป แม่ไปลูก" ฟู่เจียจิ่นตอบรับแบบไม่ต้องคิด
"ผมก็ไปครับพี่ใหญ่ ไม่ว่าจะยังไงผมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว แต่ว่าพี่เขยจะยอมไหมครับ"
"ยอมสิ หากแม่ยายกับนายไม่รังเกียจที่บ้านฉันจนและไม่รังเกียจลูกเขยคนนี้" ตงซีเฉินเห็นภรรยาหายเข้ามาพักใหญ่เขากลัวว่าเธอจะเกิดเรื่องจึงให้ลูกสาวกอดคอเขาไว้แล้วใช้มือ เข็นรถเข้ามา
********************