หนิงเหมยจูเมื่อลงจากเกวียนเธอจึงเดินเข็นรถกลับไปที่บ้าน เมื่อมาถึงหน้าบ้านก็ร้องเรียกลูกสาวเสียงดังให้มาเปิดประตู
"เสี่ยวลู่ แม่กลับมาแล้วเปิดประตูให้แม่หน่อย" ก่อนไปอำเภอเธอบอกกับลูกสาวตัวน้อยไว้ว่าพอแม่ไปแล้วให้รีบปิดประตูและห้ามให้คนนอกเข้ามาจนกว่าแม่จะกลับ เสี่ยวลู่ก็ทำตามอย่างขะมักเขม้น เพราะเด็กน้อยกลัวว่าบรรดาป้าสะใภ้จะมาที่บ้านอีก
"แม่กลับมาแล้ว" เสี่ยวลู่วิ่งยิ้มแป้นออกมาเปิดประตูให้แม่ เด็กน้อยดีใจมากที่แม่กลับมา ไม่ใช่แค่เสี่ยวลู่ที่ดีใจแม้แต่ตงซีเฉินยังยิ้มออกเพราะหินที่ถ่วงอยู่ในใจนั้นได้หลุดออกไปแล้ว
"โอ้โห รถเข็นสวยจังเลย ของพ่อใช่ไหมคะแม่" เด็กน้อยทำตาโตเมื่อเห็นเก้าอี้ที่มีล้อ แบบนี้พ่อซีเฉินของเธอก็ไปไหนได้แล้ว ไม่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในบ้าน
"ใช่แล้วคนเก่ง เราเอาเข้าไปอวดพ่อกันดีกว่านะ แม่ซื้อชุดมาให้หนูกับพ่อด้วย มีรองเท้าด้วยนะ ไปเถอะเข้าบ้านกัน" หนิงเหมยจูทำเสียงเล็กเสียงน้อยคุยกับลูกสาว จากนั้นสองแม่ลูกจึงจูงมือกันเข้าไปในบ้าน เพราะมีใครอีกคนที่รออยู่
"พี่ซีเฉินมาลองนั่งเก้าอี้นี้ดูนะ มาฉันช่วย" หนิงเหมยจูเอารถเข้ามาในบ้านก่อนจะพาเข้ามาในห้องให้คนที่ได้ชื่อว่าสามีได้เห็น ตงซีเฉินมองเก้าอี้ตาเป็นประกาย ถึงแม้ว่าเก้าอี้รถเข็นตัวนี้จะดูแปลกตาไปบ้างแต่ก็พอมีที่โรงพยาบาลให้เห็น การที่หนิงเหมยจูหาซื้อมาได้แบบนี้คงจะใช้เงินไม่น้อย
หนิงเหมยจูอุ้มสามีมาลองนั่งที่รถเข็นก่อนจะอธิบายวิธีใช้ต่างๆ ให้รู้ ตงซีเฉินฟังครั้งเดียวก็เข้าใจ จากนั้นจึงลองใช้มือหมุนล้อไปรอบๆ ห้อง เมื่อคุ้นชินเขาจึงพาตัวเองออกมาที่ห้องโถงของบ้าน
"ขอบคุณนะ" ตงซีเฉินเอ่ยขอบคุณ
"ไม่เป็นไร พี่เป็นสามีฉันไม่ใช่เหรอ ในเมื่อฉันถามพี่แล้ว ให้โอกาสพี่เลือกและตัดสินใจใหม่แล้วแต่พี่บอกไม่หย่า ดังนั้นหลังจากนี้พี่หมดโอกาสแล้วค่ะ ถึงแม้ตอนนี้เราอาจจะไม่มีความรู้สึกให้กันแต่เชื่อเถอะ เรามีเวลาศึกษากันทั้งชีวิต ขอแค่หลังจากที่พี่หายดีแล้วไม่ทิ้งฉันก็พอ หรือว่าพี่มีใครก็บอกฉันตรงๆ อย่าให้ฉันรับรู้เอง" หนิงเหมยจูพูดด้วยท่าทางที่จริงใจ เธอหมายความว่าแบบนี้จริงๆ ในเมื่อตัดสินใจที่จะอยู่ด้วยกันแล้ว ก็ต้องอยู่ให้รอด แต่ถ้าเกิดวันใดที่เจอคนใหม่ก็ขอให้บอกเพราะเธอพร้อมที่จะไป
"เสี่ยวลู่มานี่สิลูก แม่ซื้อชุดมาให้หลายชุดเลย มาลองดูว่าหลวมไปหรือเปล่าแม่จะได้เย็บให้เข้ารูป" หนิงเหมยจูกวักมือเรียกลูกสาวให้มาลองชุด จากนั้นจึงหยิบชุดผู้ชายออกมาให้ตงซีเฉินแล้วจึงยื่นไปให้เขา
"นี่ของพี่ ไม่รู้ว่าจะใส่ได้หรือเปล่า แต่คงใส่ได้เพราะตอนนี้พี่ผอมมาก รอให้ฉันขุนพี่ให้อ้วนกว่านี้ก่อนนะ ฉันค่อยดูตัวใหม่ให้"
ตงซีเฉินไม่คิดว่าหนิงเหมยจูจะซื้อเสื้อผ้ามาให้เขาด้วย ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเขานั้นกอดเสื้อผ้าที่หนิงเหมยจูให้อย่างหวงแหน และมองการกระทำทุกอย่างของเธอไม่วางตาหนิงเหมยจูยังคงเอารองเท้ามาสวมให้อย่างไม่รังเกียจ แม้ว่าตอนอาบน้ำให้เธอเคยจับและขัดเท้าของสามีแล้ว แต่ก็ไม่มั่นใจอยู่ดีว่าจะใส่ได้ไหม
"เห็นไหม ใส่ได้จริงๆ ด้วย ฉันเก่งเหมือนกันนะเนี่ย" หนิงเหมยจูยิ้มให้กับตัวเอง ก่อนจะหยิบเอาชุดชั้นในของผู้ชายออกมา ตอนแรกตงซีเฉินไม่มั่นใจว่ามันคืออะไร แต่พอภรรยาเอามาทางกับลำตัวส่วนล่างทำให้ชายหนุ่มหน้าแดง เขาทั้งฉุนทั้งขำ มันใช่เรื่องไหมที่ต้องซื้อกางเกงในให้เขาแล้วยังมาทาบให้อย่างหน้าไม่อายแบบนี้
"จากที่มองด้วยสายตา ตัวนี้พี่น่าจะใส่ได้ ไม่เล็กไปไม่ใหญ่ไป ใส่แล้วคงกระชับ" ตงซีเฉินเบือนหน้าหนีเขารู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้าทำไมสายตาเธอดูเป็นประกายชอบกล
"ไม่อายหรือยังไงไปซื้อชุดชั้นในให้ผู้ชายแบบนี้" ตงซีเฉินอดที่จะถามไม่ได้
"อายทำไม พ่อค้าถามก็บอกซื้อให้สามี ซื้อให้สามีตัวเองนะไม่ได้ซื้อให้สามีชาวบ้านถึงจะต้องอาย" เธอไม่ได้คุยกับคนขายด้วยซ้ำ แค่จิ้มเข้าจิ้มออกก็ได้มาแล้ว ส่วนตงซีเฉินนั้นได้แต่ยิ้มมุมปากพริบตาเดียว ก่อนจะปรับสีหน้าให้ปกติ
"พี่ซีเฉินฉันจะขอกลับบ้านเดิมนะ ฉันห่วงแม่กับฮุ่ยหมิน ตั้งแต่แต่งงานกับพี่ฉันยังไม่เคยไปเยี่ยมแม่กับน้องเลย" หนิงเหมยจูคิดว่าควรจะบอกความต้องการของตัวเองออกไปยังไงก็ร่างนี้ก็แต่งงานกับเขาแล้ว
"ไปวันไหน พี่จะไปด้วยตอนนี้มีเก้าอี้รถเข็นแล้ว ตั้งแต่แต่งงานกันมาพี่ยังไม่เคยไปไหว้พ่อตาแม่ยายเลยสักครั้ง"
ตงซีเฉินเลือกที่จะเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเอง ในเมื่อตั้งใจเดินหน้าใช้ชีวิตร่วมกัน จะให้ภรรยาเป็นฝ่ายปรับตัวคนเดียวก็คงไม่ได้ หากเขาไม่คิดที่จะปรับเปลี่ยน คำว่าครอบครัวก็คงไม่มี
"ฉันไม่ห้ามนะที่พี่จะไปด้วย แต่ฉันกลัวว่าฉันจะมีเรื่องกับบ้านนั้นแทน หากพบเจอว่าแม่และน้องเป็นอะไรขึ้นมา พี่ ซีเฉินถ้าเกิดว่าสุดท้ายแล้วฉันต้องพาแม่น้องออกมาจากบ้านหลังนั้น พี่จะสะดวกใจไหมหากฉันจะให้ทั้งสองคนมาอยู่ที่นี่ด้วย" ไม่ว่ายังไงเธออยากจะถามความคิดเห็นจากเขาก่อน หากว่าเขาไม่ยินยอมเธอจะได้ตัดสินใจบางอย่างและอาจจะหาบ้านเช่าในอำเภอให้แม่และน้องได้อยู่
"ครอบครัวเหมยจูก็เหมือนครอบครัวพี่ หากแม่ยายและฮุ่ยหมินไม่รังเกียจที่พี่กลายเป็นคนพิการและบ้านเก่าๆ หลังนี้พี่ก็ไม่มีปัญหาอะไร"
"พี่ยังไม่ใช่คนพิการ ทำไมชอบพูดจังเลย แต่ก็ขอบคุณมากนะคะที่ยอมให้แม่กับน้องมาอยู่ด้วยกัน ฉันสัญญาว่าจะทำให้ครอบครัวเราสบายให้ได้" หนิงเหมยจูไม่ชอบเลยทำไมชอบพูดว่าตัวเองเป็นคนพิการ ทั้งๆ ที่ยังไม่เคยไปหาหมอสักครั้ง
"เหมยจู พี่รู้ร่างกายของตัวเองดี แล้วพี่บาดเจ็บมาหลายเดือนแล้ว พี่แทบจะไม่มีความรู้สึกอะไรเลยที่ขา หากไม่พิการแล้วจะให้เรียกว่าอะไร พี่ต้องขอบคุณเรานะที่ไม่รังเกียจและไม่จากไปไหนทั้งๆ ที่มีโอกาส พี่อาจจะช่วยเราหาเงินไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน แต่พี่จะไม่ทำตัวเป็นภาระของเราแน่นอน แม้ว่าพี่จะเดินไม่ได้ตลอดชีวิตพี่ก็ไม่อาย ขอเพียงแค่มีเราและลูกพี่ก็พอใจแล้ว" ในเมื่อภรรยาคนนี้ของเขาไม่อายที่จะมีสามีพิการเขาจะอายทำไม พิการแล้วยังไงในเมื่อเขายังมีคนให้กำลังใจตั้งสองคน
"อืม แต่ไม่ว่ายังไงพี่ก็ต้องไปหาหมอนะ นะคะให้หมอตรวจดูสักครั้ง ถึงแม้ว่าพี่จะเดินไม่ได้แต่ร่างกายพี่ต้องแข็งแรงพี่ต้องอยู่เป็นกำลังใจให้ฉันกับลูกต่อไป เราจะสู้ไปด้วยกันตกลงไหม"
"ครับ เราจะสู้ไปด้วยกัน เพื่อครอบครัวของเรา" ตงซีเฉินอดใจไม่ไหวจึงยื่นมือไปลูบหัวภรรยาด้วยความเอ็นดู
"พ่อ แม่ หยุดจีบกันก่อน หนูใส่ชุดแล้วสวยไหม" ตงลู่จิงหรือเสี่ยวลู่วิ่งเข้ามาก่อนจะบอกให้สนใจเธอก่อน
"หืม แก่แดดใหญ่แล้วนะเสี่ยวลู่ รู้ได้ยังไงว่าพ่อแม่จีบกัน ทะเล้นใหญ่แล้วนะเรา" ตงซีเฉินมีอาการอายนิดหน่อย เขาดึงมือกลับแทบไม่ทันเมื่อเจอลูกสาวตัวน้อยล้อเลียน เสี่ยวลู่ไม่ตอบแต่หมุนตัวไปรอบๆ ให้พ่อกับแม่ดูว่าเธอใส่ชุดใหม่แล้วสวยหรือเปล่า
"มานี่เลยตัวแสบ แม่สวยขนาดนี้แล้วลูกสาวของแม่จะไม่สวยได้ยังไง" หนิงเหมยจูเองก็เขินอายเล็กน้อยที่ลูกสาวตัวแสบเอ่ยล้อเธอและสามี ก่อนจะคว้าตัวมาจี้เอวเพื่อกลบความอายของตัวเอง จากที่บ้านไม่เคยจะมีเสียงหัวเราะและความสุขมานาน วันนี้ทั้งบ้านจึงมีแต่งเสียงหัวเราะและอบอุ่นไปด้วยกลิ่นอายของครอบครัว
********************